สวัสดี

ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

กระทู้เมื่อเร็วๆ นี้

หน้า: 1 ... 5 6 [7] 8 9 10
61
rtd89 บ้านน็อคดาว / ข้อดี-ข้อเสียของ “บ้านน็อคดาวน์”
« กระทู้ล่าสุด โดย Admin เมื่อ กรกฎาคม 30, 2022, 08:48:29 AM »
ข้อดี-ข้อเสียของ “บ้านน็อคดาวน์” ทางเลือกของคนอยากมีบ้านแต่ไม่อยากรอนาน

หลายคนเลือกซื้อ บ้านน็อคดาวน์ เนื่องจากมีราคาประหยัดกว่าและใช้เวลาในการติดตั้งไม่นานนัก แต่ก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่ไม่ได้ศึกษาข้อดีและข้อเสียของบ้านน็อคดาวน์ก่อนตัดสินใจซื้อ ซึ่งก็ทำให้พวกเขาไม่ได้เตรียมใจรับมือกับปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในระหว่างอยู่อาศัย หรือเรียกง่ายๆ ว่างานเข้านั่นเองค่ะ

และวันนี้ ในบ้าน ก็มาพร้อมข้อมูลดีๆ กันอีกเช่นเคย โดยเราจะชวนเพื่อนๆ ไปดูกันว่า “การสร้างบ้านน็อคดาวน์” จะมี ‘ข้อดีและข้อเสีย’ อย่างไรบ้าง เพื่อเป็นตัวช่วยประกอบการตัดสินใจให้กับคนที่วางแผนจะซื้อบ้านน็อคดาวน์ไว้เพื่ออยู่อาศัยหรือเพื่อใช้เป็นบ้านตากอากาศ เอาล่ะค่ะ เราไปติดตามกันเลยดีกว่า

ข้อดี
1. รวดเร็วในการก่อสร้าง
เนื่องจากบ้านน็อคดาวน์เป็นบ้านสำเร็จรูป ที่มีโครงสร้างประกอบเตรียมไว้แล้ว พร้อมติดตั้งทันที ทำให้ใช้เวลาในการติดตั้งเพียง 2 สัปดาห์ หรือนานสุดเพียง 1 เดือนเท่านั้น
2. ควบคุมงบได้ง่าย
บ้านน็อคดาวน์มักจะมีรูปแบบสำเร็จให้เลือกติดตั้งอยู่แล้ว จึงไม่ต้องกังวัลว่าเราจะต้องเสียค่าต่อเติมหรือค่าใช้จ่ายจิปาถะเพิ่มเติมเหมือนกับการก่อสร้างบ้านคอนกรีต
3. ลดปัญหาการออกแบบ และการควบคุมงานก่อสร้าง
อย่างที่บอกไปว่า บ้านน็อคดาวน์ส่วนใหญ่ได้รับการออกแบบและตรวจสอบก่อนเริ่มวางจำหน่าย มันจึงช่วยลดปัญหาที่อาจะเกิดขึ้นระหว่างการก่อสร้าง ไม่ว่าจะเป็นปัญหาด้านโครงสร้าง ปัญหาผู้รับเหมาหนีงาน ตลอดจนปัญหาค่าใช้จ่ายบานปลาย
4. ระบบท่อน้ำระบบไฟบางเจ้าออกแบบมาดีก็ดูสวยงามเรียบร้อยดี
ภายในโครงสร้างของบ้านน็อคดาวน์จะมีการจัดสรรช่องทางการเดินไฟและท่อประปาไว้อย่างเสร็จสรรพ ช่วยเพิ่มความเป็นระเบียบและลดค่าใช้จ่ายในการจ้างช่างเดินไฟได้อีกระดับ
5. บ้านน็อคดาว์รีสอร์ด มีความสวยงาม และขยายกิจการได้เร็ว
เนื่องจากบ้านน็อคดาวน์มีรูปแบบที่ตายตัวและใช้เวลาก่อสร้างไม่นาน จึงเป็นทางเลือกที่เหมาะสำหรับผู้ที่สนใจทำกิจการรีสอร์ทหรือบ้านพัก และผู้ที่ต้องการขยายกิจการในระยะเวลาอันสั้น

ข้อเสีย
1. เลือกวัสดุเองไม่ได้
บ้านน็อคดาวน์เป็นบ้านสำเร็จรูปที่ประกอบโครงสร้างเตรียมไว้ก่อนแล้ว ผู้ซื้อจึงไม่สามารถเลือกวัสดุตามความต้องการได้ ซึ่งบางครั้งถ้าวัสดุไม่ดีพอ ก็อาจจะลดอายุการใช้งานของตัวบ้านได้
2. อายุการใช้งานน้อยและมีขนาดเล็ก
บ้านน็อคดาวน์มีอายุการใช้งานราว 30-50 ปี ขึ้นอยู่กับวัสดุที่ใช้ ถ้าหากใครที่วางแผนจะสร้างบ้านหลังเดียวให้อยู่ได้นานๆ และส่งต่อเป็นมรดกให้กับลูกหลาน บ้านน็อคดาวน์ก็อาจเป็นทางเลือกที่ไม่เหมาะเท่าไหร่นัก
3. ค่าขนส่งบางเจ้าแพงเกินจริง
แน่นอนว่าหลายคนอาจเคยเห็นบ้านน็อคดาวน์ราคาถูกตามเว็บไซต์ แต่นั่นยังไม่รวมค่าขนส่ง ซึ่งถ้าเจอผู้รับเหมาเจ้าไหนหัวหมอ คุณก็อาจจะโดนบวกค่าขนส่งเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวเลยล่ะค่ะ ยังไงก็ลองตกลงกับผู้รับเหมาให้ดีก่อนซื้อนะคะ
4. วัสดุปูพื้นและหลังคาไม่มีประสิทธิภาพ
วัสดุปูหลังคาส่วนใหญ่มักไม่ทนทาน อาจต้องซ่อมแซมอยู่บ่อยๆ ส่วนวัสดุที่ใช้ปูพื้นส่วนใหญ่จะเลือกเป็นวัสดุน้ำหนักเบา ซึ่งเมื่อเดินหรือวิ่งอาจเกิดเสียงดังรบกวนคนในบ้านได้
5. ยากต่อการปรับปรุงต่อเติม
บ้านน็อคดาวน์ เมื่อติดตั้งแล้วยากต่อการรื้อและซ่อมแซม โดยเฉพาะระบบน้ำไฟ หลังคา วงกบ หน้าต่าง อีกทั้งยังเป็นโครงสร้างเหล็กที่เมื่อเป็นสนิมแล้ว ก็ต้องรื้อเปลี่ยนทั้งหลัง
6. ราคาสูง
เมื่อเทียบกับโครงสร้างและวัสดุที่ใช้แล้ว บ้านน็อคดาวน์ก็ถือว่ามีราคาค่อนข้างสูง นี่ยังไม่รวมค่าติดตั้งและค่าขนส่งที่ผู้ขายอาจคิดราคาเกินจริง


ติดต่อดูแบบบ้านน็อคดาวน์ 


62
rtd88 รถขนส่ง / ทำความรู้จัก 5 องค์ประกอบหลักของรถ
« กระทู้ล่าสุด โดย Admin เมื่อ กรกฎาคม 30, 2022, 08:45:28 AM »
ทำความรู้จัก 5 องค์ประกอบหลักของรถ
รถยนต์เเบ่งได้เป็น2 ส่วน คือ
-ส่วนประกอบภายใน และ
-ส่วนประกอบภายนอก
ส่วนประกอบภายในประกอบด้วย ระบบเครื่องยนต์ ระบบส่งกำลัง ช่วงล่าง ไฟฟ้าเครื่องยนต์ ไฟฟ้าตัวถัง เเละส่วนประกอบภายนอก ประกอบด้วย ตัวถังรถ เเละยาง
องค์ประกอบภายในของรถยนต์
องค์ประกอบของรถยนต์
แบ่งออกเป็น 5 เรื่องใหญ่ๆ คือ
1.ระบบเครื่องยนต์
2. ระบบส่งกำลัง
3. ช่วงล่าง
4. ไฟฟ้าเครื่องยนต์ และ
5. ไฟฟ้าตัวถัง
เรามาดูรายละเอียดปลีกย่อยในแต่ละหัวข้อกัน
1...ระบบเครื่องยนต์ตัวสร้างพลังงานในการขับเคลื่อนรถยนต์ ระบบเครื่องยนต์ที่มีในท้องตลาดแบ่งตามกำลังขับเคลื่อนได้ 5 ประเภทคือ
1.1 ระบบเครื่องยนต์น้ำมันเบนซิน (แก๊สโซลีน)
1.2ระบบเครื่องยนต์น้ำมันดีเซล
แบ่งโดยประเภทของน้ำมัน คงเป็นระบบที่คนทั่วไปรู้จักกันดีอยู่แล้ว แม้แต่คนที่ไม่ได้มีรถเป็นของตัวเอง เราดูประเภทต่อไป
1.3รถไฮบริดจ์ (Hybrid Vehicle) เป็นรถที่มีแหล่งกำเนิดของพลังงานมากกว่า 1 แห่ง มีต้นกำเนิดมาจากความพยายามที่จะรวมข้อดีของแหล่งพลังงานและหลีกเลี่ยง หรือ ขจัดข้อเสียของแหล่งพลังงานแต่ละประเภททิ้งไป รถ Hybrid จึงมีความแตกต่างกัน เช่น บางครั้งใช้มอเตอร์ไฟฟ้ากับเครื่องยนต์ประเภทเผาไหม้ภายใน บางประเภทก็ใช้เครื่องยนต์กับล้อช่วยแรง หรือ มอเตอร์ไฟฟ้ากับล้อช่วยแรง หรือ กังหันแก๊สกับล้อช่วยแรง ทุกประเภทจัดเป็นรถไฮบริดจ์ทั้งสิ้น
1.4รถพลังงานไฟฟ้า (EV) ใช้ไฟฟ้าช่วยให้เกิดการขับเคลื่อนแทนน้ำมัน
1.5รถฟูเอลเซลไฮบริดจ์ (Fuel cell hybrid vehicle) เป็นนวัตกรรมล่าสุดของรถยนต์ที่ ใช้ไฮโดรเจนสร้างกระแสไฟฟ้า
2..ระบบส่งกำลัง เป็นการถ่ายทอดการหมุนของเครื่องยนต์ไปยังล้อเพื่อให้เคลื่อนที่ได้ โดยต้องผ่านส่วนประกอบ หรืออุปกรณ์หลายชุด มีชุดคลัตช์ (Clutch), ชุดเกียร์ (Transmission), เพลาขับ (Drive shaft), ชุดเฟืองท้าย (Differential), เพลา (Axle), ล้อ (Wheel)
ในรถยนต์ ที่เป็นระบบขับเคลื่อนล้อหน้า จะมีเพลาขับต่อออกจากชุดเฟืองท้ายไปหมุนล้อโดยตรง ซึ่งในเรื่องของระบบส่งกำลังนี้ ในรถยนต์ต่างบริษัทผู้ผลิตก็อาจมีส่วนที่แตกต่างกันอยู่บ้าง ทั้งที่มีวัตถุประสงค์อย่างเดียวกันคือ ส่งกำลังหมุนจากเครื่องยนต์ไปที่ล้อเพื่อให้รถเคลื่อนที่ได้
วิธีทำงานของระบบส่งกำลังนั้น จะเริ่มต้นที่มีการหมุนของเครื่องยนต์ ซึ่งมีข้อเหวี่ยงเชื่อมต่อกับแกนตรงเพลารถ แกนต่อดังกล่าวยึดกับล้อช่วยแรง (Fly Wheel) พอเครื่องยนต์หมุน ล้อช่วยแรงก็หมุนไปด้วย โดยชุดคลัตช์ (Clutch) ที่ติดตั้งอยู่ในระบบ จะช่วยรับแรงหมุนนี้ ส่งไปยังเพลาคลัตช์ (Clutch shaft) เข้าไปสู่ห้องเกียร์ (Transmission) ส่วนภายในห้องเกียร์ ก็จะมีฟันเฟืองโลหะหลายขนาด ตามความเหมาะสมของความเร็วที่ต้องการใช้
3..ช่วงล่าง เป็นระบบรองรับน้ำหนักตัวถังรถ เพื่อเพิ่มความสมดุล ระบบช่วงล่างนี้ถูกออกแบบให้รับแรงกระแทกและความสะเทือนขณะขับขี่ไปบนถนนที่ไม่ได้เรียบสม่ำเสมอ ระบบนี้ทำให้ขณะขับผู้ขับขี่สามารถควบคุมรถได้ดี เนื่องจากช่วงล่างนี้เองเป็นตัวควบคุมการขับ ไม่ว่าจะเป็นการเลี้ยว การหยุดรถ โดยผ่านอุปกรณ์ 4 ประการต่อไปนี้
3.1 ระบบรองรับดุมล้อ การมีระบบนี้ มีประโยชน์คือ ลดแรงสะเทือนที่เกิดจากยางรถ เช่น สปริง โช้คอัพซอพเบอร์ เหล็กกันโคลง
3.2 ลูกหมากบังคับเลี้ยว ล้อด้านหน้าของรถถูกบังคับเลี้ยวด้วยระบบพวงมาลัย มี 2 แบบคือ
– แบบเฟืองขับและเฟืองสะพาน (แร็คแอนด์พีเนียน) ใช้การหมุนพวงมาลัยบังคับให้มีการเคลื่อนไปทางซ้ายหรือขวาของเฟืองสะพาน แบบนี้มีโครงไม่ชับซ้อน น้ำหนักเบา แต่มีประสิทธิภาพในการบังคับเลี้ยวได้แม่น
– แบบลูกปืนหมุนวน ระบบนี้ชับซ้อนกว่าแบบเฟือง เพราะมีลูกบอลระหว่างเพลาตัวหนอนและเพลาขวางอยู่จำนวนมาก
3.3 ระบบเบรกชลอหรือหยุดการเคลื่อนที่ของรถ ทั่วไปมีเบรก 2 ประเภท คือ
– เบรกเท้า มักใช้ดิสก์เบรกกับล้อหน้า ส่วนล้อหลังอาจเป็นดิสก์เบรกหรือดรัมเบรก ส่วนประกอบมีแป้นเหยียบ หม้อลม แม่ปั๊ม วาล์วปรับแรงดันน้ำมันเบรก ดิสก์เบรก ดรัมเบรก
– เบรกมือ เป็นกลไกเบรกเพื่อล็อกล้อหลัง มักใช้กันรถไหลเวลาจอดในที่ไม่เสมอ ป้องกันไปชนรถคันอื่น จะต้องมีการปรับตั้งก้านดึงเบรกมืออยู่เสมอ
4..ไฟฟ้าเครื่องยนต์ ในที่นี้หมายถึงระบบไฟฟ้าที่เกี่ยวกับเครื่องยนต์เท่านั้น ซึ่งมีตั้งแต่ไฟฟ้าที่ใช้ในระบบสตาร์ทเครื่องยนต์ที่ทำหน้าที่หมุนเครื่องยนต์ และรักษาการทำงานของเครื่องยนต์ ระบบไฟชาร์ทซึ่งจ่ายไฟให้แบตเตอรี่ เพื่อให้แบตเตอรี่จ่ายไฟไปที่ชิ้นส่วนที่ใช้ไฟฟ้าทั้งหมด ระบบจุดระเบิดทำการจุดส่วนผสมน้ำมันเชื้อเพลิงกับอากาศ เพื่อให้เกิดแรงผลักดันในเสื้อสูบ และอุปกรณ์ไฟฟ้าอื่นๆ ตลอดจนชิ้นส่วนอื่นๆ ที่จำเป็นต่อการสตาร์ทเครื่องยนต์และช่วยให้เครื่องยนต์ทำงานได้ราบรื่น
หน้าที่ของชิ้นส่วนประกอบในระบบไฟฟ้า มีดังต่อไปนี้
 แบตเตอรี่รถยนต์จ่ายกระแสไฟแรงต่ำไปยังคอยล์จุดระเบิด ทำหน้าที่เป็นตัวจ่ายไฟให้กับชิ้นส่วนไฟฟ้าต่างๆในรถ
มอเตอร์สตาร์ท (ระบบสตาร์ท) เป็นระบบเพื่อให้สตาร์ทเครื่องยนต์ได้
อัลเทอร์เนเตอร์(ระบบไฟชาร์ท) เป็นระบบจ่ายไฟฟ้าเพื่อใช้ในรถ รวมถึงในการชาร์จแบตเตอรี่ด้วย
คอยล์จุดระเบิด (ระบบจุดระเบิด) คือระบบที่จุดระเบิดส่วนผสมเชื้อเพลิงกับอากาศ
สวิตช์จุดระเบิด สวิตช์หลักของรถ
ไฟเตือนไฟชาร์จ คอยเตือนเวลาชาร์จไฟไม่ได้
เซ็นเชอร์ต่างๆ ตรวจจับอุณหภูมิน้ำ หรือความเร็วเครื่องยนต์ส่งไปยังECU
5...ไฟฟ้าตัวถัง  ส่วนประกอบของไฟฟ้าตัวถัง ประกอบด้วยชิ้นส่วนต่างๆที่ติดตั้งอยู่ภายในตัวถังรถยนต์ ซึ่งมีหลายอย่าง เช่น สวิตช์และรีเลย์ ระบบไฟและหลอดไฟส่องสว่าง มาตรวัดรวมและเกจต่างๆ ที่ปัดน้ำฝนและน้ำล้างกระจก ระบบปรับอากาศ ตัวถังรถ เป็นต้น

ติดต่อสอบถาม


63
ขั้นตอนเก็บของ[urlhttps://line.me/R/ti/p/%40fdh3246h]ย้ายบ้าน-ย้ายหอ[/url] ให้มีความสะดวกและรวดเร็วในการขนย้ายกันครับ

 1. ขายของที่ไม่ต้องการขนย้ายไปบ้าน/ห้องใหม่ล่วงหน้า
 2. เก็บของแต่ละห้องแยกกล่องกันให้ชัดเจน ติดเทปสีหรือเขียนระบุไว้ว่าเป็นของห้องไหน
 3. แพ็คของที่จำเป็นต้องใช้ทันทีหลังย้ายแยกต่างหาก
  4. เลือกกล่องให้เหมาะสมกับประเภทของที่แพ็ค
 5. ใช้ ziplock แพ็คของใช้ที่เป็นของเหลว หรือของใช้ที่เปิดแล้ว
 6. ไม่ต้องเก็บเสื้อผ้าทีละตัว
 7. อะไรที่ต้องถอดแล้วประกอบใหม่ ถ่ายรูปไว้ให้ดี เก็บส่วนประกอบอย่าให้หาย

หากคุณลูกค้ามีการวางแผน ที่จะย้ายบ้าน ย้ายคอนโด ย้ายหอพักหรือ ขนย้ายสินค้าต่างๆ เรามีบริการรถรับจ้างให้คุณลูกค้าเลือกใช้บริการทั้งแบบ ประเภทรถกระบะรับจ้างขนสินค้า ประเภทรถหกล้อรับจ้าง และประเภทรถสิบล้อรับจ้างขนส่งสินค้า  ซึ่งมีการให้บริการทั้งในเขตกรุงเทพมหานคร และเรายังมีการบริการรถรับจ้างใหคุณลูกค้าในต่างจังหวัดทั่วประเทศด้วยครับ ไม่ว่าจะอยู่อำเภอใด ตำบลใดเราสามารถเข้าถึงและให้บริการรถรับจ้างเหล่านี้ให้แก่คุณลูกค้าได้
คุณต้นรถรับจ้าง เป็น บริษัทที่ให้บริการรถรับจ้างแห่งประเทศไทยที่ได้รับการยืนยันตัวตนผ่าน COMODO SSL ORGANIZATION ระดับโลกเพียงเจ้าเดียว ให้บริการมาแล้วมากกว่า 1000 เที่ยว ส่งของปลอดภัยครบถ้วน ไม่มีเสียหาย 100 %



ติดต่อสอบถาม


64
rtd88 รถขนส่ง / 5 ประเภทการขนส่ง
« กระทู้ล่าสุด โดย Admin เมื่อ กรกฎาคม 30, 2022, 08:44:19 AM »
5 ประเภทการขนส่ง

    ในสภสวะเศรษกิจยุคนี้ ธุรกิจออนไลน์มีการเติบโตเป็นอย่างมาก จึงมีความจำเป็นที่ต้องใช้ระบบขนส่งกันเป็นจำนวนมาก ก่อนที่เราจะติดสินใช้บริกาารขนส่ง
เราควรจะมีความรู้ในเรื่องการขนส่งก่อน อาธิช่นความรู้เบื่องต้นเกี่ยวกับประเภทการขนส่ง เพื่อจะได้คำนวณต้นทุนการขนส่งของเราได้ ตรงตามเป้าหมายของแเรา

ประเภทการขนส่งมีทั้งหมด 5 ประเภทได้แก่
1. การขนส่งทางบก (Road or Motor Transportation)
2. การขนส่งทางน้ำ (Water Transportation)
3. การขนส่งทางอากาศ (Air Transportation)
4. การขนส่งระบบคอนเทนเนอร์ (Container System)
5. การขนส่งทางท่อ (Pipeline Transportation)

เราจะมาลงรายละเอียดกัน โดยเริ่มจาก

1. การขนส่งทางบก (Road or Motor Transportation)จำแนกเป็น 2 ประเภท ได้แก่
             – การขนส่งทางรถไฟ (Railroads) เป็นเส้นทางการลำเลียงที่สำคัญที่สุดของประเทศ เหมาะสำหรับการขนส่งสินค้าหนัก ๆ ปริมาณมากและในระยะทางไกล รวดเร็ว อัตราค่าบริการไม่แพง และขนส่งสินค้าได้จำนวนมากหลายชนิด ทันตามกำหนดเวลาที่ต้องการ แต่ความยืดหยุ่นมีน้อย เพราะมีเส้นทางตายตัว
             – การขนส่งทางรถยนต์ (Motor Transportation) หรือรถบรรทุก (Truck Transportation)    เป็นที่นิยมในปัจจุบัน เหมาะสำหรับของขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ ซึ่งสะดวก รวดเร็วขนส่งสินค้าได้ตลอดเวลาตามความต้องการของลูกค้า เหมาะกับการขนส่งระยะสั้นและระยะกลาง แต่ค่าขนส่งสูงเมื่อเทียบกับการขนส่งทางรถไฟ มีความปลอดภัยต่ำ เกิดอุบัติเหตุบ่อย กำหนดเวลาแน่นอนไม่ได้ ขึ้นอยู่กับสภาพการจราจรและดินฟ้าอากาศ
             – การขนส่งทางจักรยานยนต์ เหมาะสำหรับของขนาดเล็กและขนาดกลาง ระยะการขนส่งสั้น ไม่สามารถส่งในระยะไกลได้ ราคาไม่แพงมาก การขนส่งทางจักรยานยนต์เหมาะกับของที่ต้องการความรวดเร็วในระยะการขนส่งระยะสั้น

2. การขนส่งทางน้ำ (Water Transportation) คือ การขนส่งโดยการใช้แม่น้ำลำคลอง เส้นทางทางทะเลเป็นเส้นทางลำเลียงสินค้า ส่วนใหญ่ใช้สำหรับการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ ซึ่งเหมาะสมกับสินค้าที่มีขนาดใหญ่ ขนส่งได้ปริมาณมากเป็นสินค้าที่ยากแก่การเสียหาย เช่น ทราย แร่ ข้าวเปลือก เครื่องจักร ยางพารา เป็นต้น ซึ่งการขนส่งทางน้ำอัตราค่าขนส่งถูกกว่าเมื่อเทียบกับการขนส่งทางอื่น ทั้งยังขนส่งได้ปริมาณมาก สามารถส่งได้ระยะไกล ๆ ได้ แต่ไม่สามารถกำหนดเวลาที่แน่นอนในการขนส่งได้ขึ้นอยู่กับภูมิอากาศ และ ภูมิประเทศ

3. การขนส่งทางอากาศ (Air Transportation) เหมาะกับการขนส่งระหว่างประเทศ หรือการขนส่งที่ต้องการความรวดเร็ว สะดวกและปลอดภัย เหมาะกับการขนส่งสินค้าประเภทที่เปราะบาง เช่น ผัก ผลไม้ เป็นต้น ไม่เหมาะกับสินค้าที่มีขนาดใหญ่ น้ำหนักมากและสินค้าราคาถูกๆ ไม่รีบร้อนในการขนส่ง แต่ค่าใช้จ่ายแพงกว่าการขนส่งประเภทอื่น

4. การขนส่งระบบคอนเทนเนอร์ (Container System)  เป็นการขนส่งโดยบรรจุสินค้าที่จะขนส่งลงในตู้หรือกล่องเหล็กขนาดใหญ่ แล้วทำการขนส่งโดยรถบรรทุก รถไฟ หรือเครื่องบิน ไปยังจุดหมายปลายทางโดยไม่มีการขนถ่ายสินค้าออกจากตู้ระหว่างทำการขนส่งเที่ยวนั้น ซึ่งตู้คอนเทนเนอร์ทนทานต่อสภาพลมฟ้าอากาศ สามารถวางไว้กลางแจ้ง ตู้คอนเทนเนอร์ จึงสามารถป้องกันสินค้าชำรุดเสียหายได้เป็นอย่างดี

5. การขนส่งทางท่อ (Pipeline Transportation)เป็นการขนส่งสิ่งของประเภทของเหลวและก๊าซผ่านสายท่อ เช่น น้ำประปา น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ เป็นต้น ซึ่งการขนส่งทางท่อจะแตกต่างกับการขนส่งประเภทอื่น คือ อุปกรณ์ที่ใช้ในการขนส่งไม่ต้องเคลื่อนที่ โดยเส้นทางขนส่งทางท่ออาจจะอยู่บนดิน ใต้ดินหรือใต้น้ำ ขึ้นอยู่กับสภาพภูมิอากาศ ทำให้กำหนดเวลาการขนส่งได้แน่นอนชัดเจน ประหยัดต้นทุน เวลาในการขนย้ายสินค้า และมีความปลอดภัยสูงจากการสูญหายหรือลักขโมย ใช้กำลังคนน้อย ซึ่งข้อเสีย คือ ขนส่งได้เฉพาะสินค้าที่เป็นของเหลวหรือก๊าซเท่านั้นค่าใช้จ่ายในการลงทุนครั้งแรกสูง ไม่เหมาะกับการขนส่งในภูมิประเทศที่มีแผ่นดินไหวบ่อย


ติดต่อสอบถาม


65
rtd88 รถขนส่ง / 8 จุด ตรวจเช็ครถก่อนออกเดินทางไกล
« กระทู้ล่าสุด โดย Admin เมื่อ กรกฎาคม 30, 2022, 08:43:44 AM »
8 จุด ตรวจเช็ครถก่อนออกเดินทางไกล
อย่าให้การเดินทางต้องมาสะดุด เพราะปัญหารถเสียกลางทาง เพื่อความปลอดภัยและความราบรื่นในการเดินทาง ควรหมั่นตรวจเช็คสภาพรถของเราก่อนออกเดินทาง

จุดที่ 1 ตรวจเช็คแบตเตอรี่
หัวใจหลักของการสตาร์ทเครื่องยนต์คือแบตเตอรี่ ตรวจดูสภาพของแบตเตอรี่ ว่าอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์หรือไม่ หมั่นตรวจเช็คทำความสะอาดคราบขี้เกลือที่ขั้วแบต เช็คระดับน้ำกลั่นให้อยู่ในระดับที่กำหนด ตรวจสอบความแน่นของขั้วแบต และฉนวนหุ้มสาย

จุดที่ 2 ล้อและยางรถยนต์
เป็นอีกจุดที่สำคัญมากๆ เพราะอุบัติเหตุส่วนหนึ่งบนท้องถนน เกิดจากยางระเบิดขณะขับขี่ ดังนั้นยางที่ดีต้องอยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งาน ไม่รั่ว ไม่ซึม ไม่แตกลายงา มีดอกยางเพียงพอ เติมลมยางตามที่คู่มือประจำรถกำหนด ส่วนล้อก็ควรอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ ไม่คด ไม่เบี้ยว และที่สำคัญ อย่าลืมเช็คน็อตล้อด้วยนะครับ ว่าขันแน่นหรือเปล่า

จุดที่ 3 เช็คช่วงล่าง
ตรวจเช็คด้วยการลองขับบนถนนเรียบทางตรง โดยสังเกตพวงมาลัยว่าตรงหรือไม่ หากพวงมาลัยไม่ตรงก็จัดการนำรถไปตั้งศูนย์ใหม่ พวกชิ้นส่วนต่างๆของช่วงล่าง เช่นลูกหมาก หากขับทางขรุขระแล้วมีเสียงกุกกัก ก็รีบให้ช่างแก้ไขโดยด่วน โช้คก็เช่นกัน ตรวจเช็คคราบน้ำมันบริเวณแกนโช้ค ว่ารั่วหรือไม่ เพราะระบบช่วงล่างทั้งหมดมีผลต่อการทรงตัวขณะขับขี่

จุดที่ 4 เช็คระดับน้ำมันเบรก และ ระบบเบรก
หลายท่านเข้าใจว่าหากน้ำมันเบรกหาย เราต้องเติมน้ำมันเบรกเพื่อให้อยู่ในระดับปริมาณที่พอดี แต่ท่านทราบหรือไม่ว่าระบบเบรกความเป็นจริงแล้วคือระบบปิด ความหมายก็คือน้ำมันเบรกจะอยู่แต่ภายในระบบเบรก จะไม่มีการละเหยเหมือนน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งแน่นอนว่าถ้าผ้าเบรกไม่สึก หรือถ้าไม่มีจุดไหนรั่ว น้ำมันเบรกจะไม่สามารถหายไปได้ง่ายๆ ดังนั้นหากรถเราน้ำมันเบรกหาย อย่าเพิ่งเติมครับ เราต้องหาสาเหตุให้ได้ก่อนว่าน้ำมันเบรกหายไปได้อย่างไร

จุดที่ 5 เช็คระบบไฟส่องสว่าง
ทั้งไฟหน้า ไฟท้าย ไฟตัดหมอก ไฟเลี้ยว และไฟฉุกเฉิน จะต้องใช้งานได้ครบทุกจุด แสงสว่างจะต้องคมชัด ไม่มัว ยิ่งเดินทางในช่วงกลางคืนระบบไฟส่องสว่างถือว่าจำเป็นมากในการเดินทาง

จุดที่ 6 น้ำมันเครื่อง
น้ำมันเครื่องถือเป็นสิ่งที่จำเป็นของระบบกลไกต่างๆในเครื่องยนต์ ประสิทธิภาพของน้ำมันเครื่องที่ดี จะต้องผ่านการใช้งานไม่เกินระยะทางที่คู่มือกำหนด ระดับน้ำมันเครื่องจะต้องอยู่ในระดับที่เหมาะสม ซึ่งเราสามารถตรวจเช็คได้จากก้านวัดน้ำมันเครื่อง และขณะเดินทางควรมีน้ำมันเครื่องสำรองติดรถไว้อย่างน้อย 1 ลิตร เผื่อได้ใช้ในยามฉุกเฉิน

จุดที่ 7 เช็คหม้อน้ำ ท่อยาง และ ระบบหล่อเย็น
ระบบระบายความร้อน ถือเป็นอีกหัวใจหลักของเครื่องยนต์ เพราะด้วยความร้อนสะสมในขณะที่เครื่องยนต์ทำงาน บวกกับอุณหภูมิภายนอกที่ร้อน หากระบบระบายความร้อนไม่ดีหรือมีปัญหา อาจทำให้เครื่องยนต์น็อคได้ ดังนั้นเราควรเช็คระดับน้ำหล่อเย็นในหม้อพักและหม้อน้ำ เช็คการทำงานของพัดลมหม้อน้ำและมอเตอร์ ตรวจสอบรอยรั่วของหม้อน้ำ ท่อยาง และข้อต่อต่างๆ หากตรวจพบว่ามีน้ำไหลซึม ควรรีบแก้ไขโดยด่วน

จุดที่ 8 ชุดเครื่องมือประจำรถ
เช่น ล้อ-ยางอะไหล่ ,แม่แรง ,ชุดเครื่องมือในการถอดล้อ ,ที่เติมลมฉุกเฉิน ,สายพ่วงแบต ,สายลากรถ ,ไฟฉาย ซึ่งเครื่องมือเหล่านี้ควรมีติดรถเอาไว้ จะได้อุ่นใจยามเดินทาง มีแล้วไม่ได้ใช้ ดีกว่าจะใช้แล้วไม่มีนะครับ


ติดต่อสอบถาม


66
rtd88 รถขนส่ง / การตรวจเช็คความพร้อมของรถ
« กระทู้ล่าสุด โดย Admin เมื่อ กรกฎาคม 30, 2022, 08:42:51 AM »
การตรวจเช็คความพร้อมของรถ
การตรวจเช็คความพร้อมของรถ ในกรณีที่มีการจอดเป็นระยะเวลานาน ควรตรวจสอบสภาพยางทั้งหมดเพื่อดูความเสียหายที่มองเห็นได้ด้วยสายตา (เช่นการบาดหรือบวม) และการสึกหรอที่ผิดปกติและการตรวจสอบความดันลมขณะลมเย็นของยางทุกล้อ​

- หากการตรวจสอบพบว่าความดันลมยางคงเหลือต่ำกว่า 14psi ให้ตรวจสอบสาเหตุที่ทำให้ลมรั่วที่มองเห็นได้และหากไม่พบสิ่งผิดปกติใดใด ควรเติมลมยางให้อยู่ในระดับมาตรฐานตามวิธีการการทำงานที่ปลอดภัย
- ในกรณีที่พบความดันลมยางคงเหลือต่ำกว่า 14 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว ให้ถอดยางออกมาเพื่อทำการตรวจสอบภายในท้องยาง เพื่อดูสิ่งบ่งชี้ของความเสียหายภายในเช่นรอยรอยพับจากการวิ่งบด​
- สำหรับยางในตำแหน่งล้อคู่ ควรถอดยางที่จับคู่กันออกมาตรวจสอบด้วยเช่นกัน​
- ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่ายางทุกตำแหน่งล้อมีการติดตั้งฝาวาล์วที่ถูกต้องเหมาะสมกับการใช้งาน

การดูแลยางในช่วงเวลาที่ต้องจอดเป็นเวลานาน
ทุกๆสี่เดือนหากเป็นไปได้ควรมีการขับรถวนรอบลานจอดหรือขับอยู่ในบริเวณระแวกใกล้เคียง สำหรับในกรณีที่ไม่สามารถเคลื่อนย้ายรถได้ อย่างน้อยยางควรได้รับการหมุนหนึ่งในสี่ของเส้นรอบวง ​

อย่างไรก็ตามก่อนที่จะเคลื่อนย้ายรถบรรทุกหรือรถพ่วง ควรตรวจสอบให้ดีว่ายางอยู่ในสถาพปกติ ไม่มีปัญหาลมอ่อน เมื่อพบว่าลมยางอ่อนต้องทำการแก้ไขให้เรียบร้อยตามแนวทางระบุไว้ในหัวข้อก่อนก่อนหน้านี้

การเตรียมความพร้อมของรถเพื่อนำกลับมาใช้งาน​
ก่อนที่จะนำรถกลับมาใช้งาน ให้ตรวจสอบความดันลมยางขณะลมเย็นของยางทุกล้อ​และปรับตามคำแนะนำของผู้ผลิตยาง​




ติดต่อสอบถาม


67
rtd88 รถขนส่ง / วิธีเลือก รถรับจ้างให้ตรงตามความต้องการในการขนย้าย
« กระทู้ล่าสุด โดย Admin เมื่อ กรกฎาคม 30, 2022, 08:42:03 AM »
วิธีเลือก รถรับจ้างให้ตรงตามความต้องการในการขนย้าย
วิธีเลือก รถรับจ้างกรุงเทพ ขนย้ายของที่ตรงตามความต้องการในการขนย้าย ผู้ที่กำลังมองหา
 รถรับจ้างขนของ ขนย้ายสำนักงาน ขนย้ายสินค้าโรงงาน ขนย้ายหอ ย้ายคอนโด ขนของย้ายบ้าน
ขนย้ายเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ รถรับจ้างขนของแบบไหนที่คิดว่าดีและตรงใจสำหรับผู้ใช้บริการทุกท่าน
นั่นก็คือ การให้การบริการเพราะการให้การบริการ คือหัวใจหลักสำคัญของรถรับจ้างขนของ อย่างเช่น

1. ลูกค้าโทรมาขอคำปรึกษา หรืออยากทราบราคาในการขนย้ายกับเจ้าหน้าที่ ลูกค้าก็จะดูน้ำเสียงว่าพนักงานนั้นเต็มใจให้ข้อมูล แนะนำกับเราแบบชัดเจนหรือไม่ การที่เราจะใช้บริการรถรับจ้างสิ่งแรกที่จะเกิดความประทับใจแรก ก็เป็นรายละเอียดเล็กๆน้อยๆนี่แหล่ะค่ะ ที่จะทำให้ลูกค้าประทับใจ
ในความเป็นกันเองและใส่ใจของพนักงานในการให้ข้อมูลและคำแนะนำ เพื่อทำให้ผู้ใช้บริการเกิดความพึงพอใจสูงสุด

2. ผู้ใช้บริการรถรับจ้างขนของ จะต้องรู้ก่อนว่า ของที่จะทำการขนย้าย ขนย้ายสำนักงาน ขนย้ายสินค้าโรงงาน ขนย้ายหอ ย้ายคอนโด ขนของย้ายบ้าน ขนย้ายเฟอร์นิเจอร์ หรือย้ายอะไรก็ตาม จะต้องทราบถึง ปริมาณและน้ำหนัก เพื่อที่จะเลือกรถรับจ้างขนของได้ตรงกับการขนย้าย
 ซึ่งจะทำให้ประหยัดและสิ่งของไม่ชำรุดเสียหายอีกด้วย

3. ดูถึงสภาพรถรับจ้างขนของ ว่ามีสภาพดี สะอาดและปลอดภัยหรือไม่ ก่อนที่จะใช้บริการ รถรับจ้างขนของ ควรที่จะดูสภาพรถเป็นสำคัญ เพราะจะได้ไม่เกิดอุบัติเหตุ และรถไม่เสียระหว่างการขนย้าย

4. ราคาเท่าในการขนย้าย รถรับจ้างขนของ มีหลากหลายขนาด หลากหลายรูปแบบ ราคาจะมีความแตกต่างกันออกไป ดังนั้น หากเราต้องการประหยัดเราจะต้องรู้ถึงปริมาณของสินค้าเพราะเป็นสิ่งสำคัญเช่นกันสำหรับการขนย้าย ถ้าเกิดตัวผู้ใช้บริการรถรับจ้างขนของ
บอกว่าต้องการรถที่มีขนาดใหญ่ในการขนย้าย แต่ของที่ผู้ใช้บริการมีเพียงของขึ้นใหญ่เพียง 1-2 ชิ้น และที่เหลือเป็นของจุกจิก ก็จะทำให้ตัวผู้ใช้บริการเกิดความสิ้นเปลืองโดยไม่ใช้เหตุ ดังนั้น หากมีการขนย้าย จึงจำเป็นจะต้องมีการวางแผนที่ดีรู้ถึงปริมาณของที่จะทำการขนย้ายและปรึกษากับทางผู้ให้บริการ
ว่าควรใช้รถแบบไหน ? จะเป็นรถกระบะรับจ้าง รถรับจ้างย้ายบ้าน รถขนของ รถ 6 ล้อรับจ้าง รถพ่วงรับจ้าง รถสิบล้อรับจ้าง เป็นต้นฯ จะต่อตัวลูกค้าและถือเป็นการวางแผนที่ดีด้วยประหยัดคุ้มค่ามากแน่นอน !

5. ตัวพนักงานขับขี่ให้บริการพูดจาสุภาพมีความเป็นกันเอง ยิ้มแย้มแจ่มใสแสดงถึงความใส่ใจในรายละเอียดของตัวผู้ใช้บริการรถรับจ้างขนของและมีน้ำใจในการช่วยเหลือในการยกของด้วยต่อให้มีทีมงานยกของให้ก็ตาม

6. จะต้องเป็นเครือข่ายที่ใหญ่และมีเครือข่ายรถครอบคลุมทุกพื้นที่ ให้บริการในทุกจุดทั่วประเทศไทย นั่นก็คือผู้ที่ใช้บริการรถรับจ้างขนของที่ต้องการจะใช้บริการรับจ้างขนของแน่นอนว่ามีมากมายหลากหลายพื้นที่จะต้องตอบสนองลูกค้าได้ทุกคนไม่ว่าจะอยู่ใกล้หรือไกลแค่ไหน เราก็ต้องให้บริการได้ถึงที่หมายนั่นเองค่ะ




ติดต่อสอบถาม


68
rtd88 รถขนส่ง / รถรับจ้าง 4 วิธีเลือกให้ถูกงานขนส่งอย่างเซียน
« กระทู้ล่าสุด โดย Admin เมื่อ กรกฎาคม 30, 2022, 08:41:26 AM »
รถรับจ้าง 4 วิธีเลือกให้ถูกงานขนส่งอย่างเซียน
เคยไหม? เวลาจะเรียก รถรับจ้าง แต่ไม่รู้ว่าจะเลือกรถแบบไหนให้เหมาะกับงาน ‘ขนดี’ มีวิธีง่ายๆ ในการเลือกรถขนส่งมานำเสนอ ซึ่งการเลือกรถขนส่งให้ตรงกับงาน นอกจากช่วยในการประหยัดต้นทุน
ค่าขนส่งแล้ว ยังเป็นการรักษาสภาพสินค้าให้ปลอดภัย ไม่เกิดความเสียหาย สินค้าถึงมือลูกค้าตรงเวลา กำไรมาเน้นๆ อุปกรณ์เสริมรถรับจ้าง รถรับจ้าง รถรับจ้าง 4 วิธีเลือกให้ถูกงานขนส่งอย่างเซียน
อุปกรณ์เสริมรถรับจ้าง

รถตู้ทึบ ตู้มีประตูปิดมิดชิดติดท้ายกระบะ เหมาะสำหรับสินค้าที่ต้องระวังความเสียหายจากแดด-ลม-ฝน รวมถึงสินค้าต้องระมัดระวังในการขนย้าย เช่น เฟอร์นิเจอร์, เครื่องใช้ไฟฟ้า, อาหารแห้ง, สินค้าทั่วไป ฯลฯ
อุปกรณ์เสริมรถรับจ้าง รถรับจ้าง รถรับจ้าง 4 วิธีเลือกให้ถูกงานขนส่งอย่างเซียน

อุปกรณ์เสริมรถรับจ้าง
รถตู้เย็น สำหรับการขนส่ง ที่ต้องเก็บรักษาอุณหภูมิ เพื่อคงสภาพและความสดใหม่ โดยเฉพาะสินค้าประเภทวัตถุดิบอาหารสดอย่างปลาหรือผัก สินค้าแช่แข็ง ไอศกรีม
รวมไปถึงอุปกรณ์การแพทย์บางชนิดที่ต้องเก็บรักษาด้วยความเย็น

อุปกรณ์เสริมรถรับจ้าง รถรับจ้าง รถรับจ้าง 4 วิธีเลือกให้ถูกงานขนส่งอย่างเซียน
อุปกรณ์เสริมรถรับจ้าง
คอกผ้าใบ ใช้ในงานขนส่งสินค้า ที่ต้องระวังแดด-ลม-ฝน แต่จะมีต้นทุนถูกกว่ารถตู้ทึบ เหมาะกับสินค้าประเภทวัสดุก่อสร้าง, ผลไม้, สินค้าการเกษตร ฯลฯ
อุปกรณ์เสริมรถรับจ้าง รถรับจ้าง รถรับจ้าง 4 วิธีเลือกให้ถูกงานขนส่งอย่างเซียน
อุปกรณ์เสริมรถรับจ้าง
ท้ายพื้นเรียบ เหมาะสำหรับขนย้ายสินค้าขนาดใหญ่ น้ำหนักมาก เช่น รถยนต์, เครื่องจักร, ตู้คอนเทนเนอร์, วัสดุก่อสร้างขนาดใหญ่ เป็นต้น

ติดต่อสอบถาม


69
rtd88 รถขนส่ง / 4 วิธีเลือกใช้บริการ “รถรับจ้าง”
« กระทู้ล่าสุด โดย Admin เมื่อ กรกฎาคม 30, 2022, 08:40:37 AM »
4 วิธีเลือกใช้บริการ “รถรับจ้าง”
เพื่อขนส่งสินค้า หรือของใช้ส่วนตัว เราควรค้นหามูลให้ดีเพราะ ในการเคลื่อนย้ายสินค้าหรือสิ่งของต่าง ๆ นั้น
ถ้าของเราเกิดเสียหายขึ้นมา อาจจะจะส่งผลต่อธุรกิจหรืออาจจะต้องเสียเงินกับเรื่องที่ไม่ควรให้เกิดขึ้นอย่างแน่
ก็จะมาบอกวิธีเลือกผู้ให้บริการรถรับจ้างขนส่งสินค้าแบบมืออาชีพ ที่หลายคน ๆ ต้องอ่าน
รถรับจ้าง เกณฑ์หลักสำคัญในการเลือก “รถรับจ้าง” แบบมืออาชีพ
รถขนส่ง ขนของแบบมืออาชีพ กับขนดี รถย้ายบ้าน

1.เลือกบริษัทที่ รถย้ายบ้าน มีความน่าเชื่อถือ  >> สำหรับความน่าเชื่อถือนั้น เราต้องดูว่ารถที่เราจะเรียกมาใช้บริการนั้น เราควรดูว่ามีที่อยู่ที่สามารถติดต่อได้จริงไหม
 รายระเอียดต่างๆควรระบุให้ชัดเจน ทางที่ดีควรเลือกใช้บริการกับผู้ที่มีประสบการณ์ ก็จะช่วยเพิ่มความมั่นใจได้มากยิ่งขึ้น

2.มีการประเมิณราคาอย่างสมเหตุสมผล  >> เรื่องของราคาในการขนส่งนั้น ถือเป็นปัจจัยหลังในการตัดสินใจเลือกใช้บริการในอันดับต้นๆ
 การที่ผู้รับจ้างสามารถประเมิณราคาได้อย่างสมเหตุสมผล มีที่มาที่ไปได้อย่างชัดเจน ก็จะช่วยให้เรามั่นใจว่าเราจะไม่ถูกเอาเปรียบจากการประเมิณราคาที่ไม่สมเหตุสมผล

3.มีอุปกรณ์และรถให้เลือกใช้งานตามความเหมาะสม  >> สินค้าแต่ละอย่างนั้นมีความหลากหลายไม่เหมือนกัน
การที่มีรถให้เลือกหลากหลายประเภทก็จะช่วยรักษาความปลอดภัยใหักับสิ่งของเราได้มากยิ่งขึ้น เพราะลูกค้าที่ต้องการขนส่งสินค้านั้นไม่ใช่แค่สิ่งของทั่วๆไป การที่อุปกรณ์เสริมหรือรถหลายประเภทก็จะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ใช้บริการได้อย่างง่ายดาย

4.เลือกผู้ให้บริการรถ6ล้อรับจ้าง ที่มีประสบการณ์ในการทำงานหารถรับจ้าง  >> การขนส่งสินค้าบางอย่างที่มีมูลค่ามากๆ อย่างเช่น
ทีวี ตู้เย็น เครื่องซัก ตู้กระจก ต่างๆนั้น ผู้ให้บริการควรมีประสบการ์ในการเคลื่อย้ายสิ่งของเหล่านี้เพื่อไม่ให้เกิดความชำรุดกับสิ่งของเหล่านี้ได้



ติดต่อสอบถาม


70
rtd88 รถขนส่ง / ประเภทรถรับจ้าง
« กระทู้ล่าสุด โดย Admin เมื่อ กรกฎาคม 30, 2022, 08:40:02 AM »

รถรับจ้าง คือรถแบบไหน มีรถกี่ประเภท?
6ล้อรถรับจ้าง ปัจจุบันรถรับจ้างทั่วไปมีให้บริการเป็นจำนวนมากทั้งที่มีสังกัดและไม่มีสังกัด ตัวอย่างเช่น รถรับจ้างทั่วไป
รับจ้างขนของที่จอดอยู่ริมถนน มีป้ายรับจ้างติด มีทั้งรถ 10 ล้อ 6 ล้อ 4 ล้อขอนแก่น รวมถึง รถ6ล้อรับจ้าง ส่วนอีกจำพวกหนึ่งคือรถรับจ้างขนของที่อยู่ในสังกัด
หมายถึงคือ บริษัทที่ให้บริการขนของ ขนย้าย รับจ้างทั่วไป รถรับจ้างขนของขอนแก่น ซึ่งพวกบริษัทเหล่านี้จะมีรถหลายประเภทให้เลือกบริการด้วยกัน
และมีการรับผิดชอบในการขนส่งค่อนข้างสูง ส่วนเรื่องราคาก็สูงขึ้นด้วยนั่นเอง

[url=http://ประเภทรถรับจ้าง]ประเภทรถรับจ้าง[/url]
รายละเอียดรถบรรทุกที่ให้บริการ
ยาว กว้าง สูง น้ำหนัก
1.รถบรรทุก 4 ล้อใหญ่ ยาว3.10 เมตร กว้าง1.70 เมตร สูง1.70 เมตร 2 ตัน
2.รถบรรทุก 6 ล้อเล็ก ยาว4.30 เมตร กว้าง1.90 เมตร สูง1.70 เมตร 4 ตัน
3.รถบรรทุก 6 ล้อกลางยาว 5.50 เมตร กว้าง2.10 เมตร สูง1.90 เมตร 5 ตัน
4.รถบรรทุก 6 ล้อใหญ่ ยาว6.50(เปิดท้าย7เมตร) เมตร กว้าง2.40เมตรสูง 2.50 เมตร 7 ตัน
5.รถกระบะตอนเดียวหลังคาสูง ยาว2.10เมตร กว้าง1.50เมตร สูง1.85 เมตร บรรทุกน้ำหนัก1ตัน


ติดต่อสอบถาม


หน้า: 1 ... 5 6 [7] 8 9 10