สวัสดี

ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: แนะนำหินธรรมชาติและหินเทียม ที่น่ารู้ก่อนจะนำเอาไปใช้งาน  (อ่าน 3812 ครั้ง)

Admin
  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1088
    • ดูรายละเอียด
หินเป็นวัสดุที่มีลวดลายสวยงามเป็นธรรมชาติและไม่ซ้ำกัน โดดเด่นที่ความแข็งแรงทนทาน ซึ่งหินแต่ละชนิดจะมีคุณสมบัติการนำไปใช้งานและการดูแลแตกต่างกัน อย่างหินที่ปูพื้นภายในบ้านควรมี พื้นผิวเรียบมันเพื่อให้เดินสบายเท้า หินปูพื้นภายยอกบ้านควรมีพื้นผิวหยาบเพื่อป้องกันลื่นและหินตกแต่งผนังสามารถเล่นลวดลายและพื้นผิวได้หลากหลาย

1.หินขัด หรือ เทอราซโซ (Terrazzo) จะ เป็นการผสมซีเมนต์ หินเกล็ด สีซีเมนต์ และน้ำเข้าด้วยกันแล้วเทหล่อลงพื้นที่เตรียมไว้ เมื่อแห้งก็จะขัดหน้าผิวให้เรียบเงา การปูหินขัดนั้นสมควรจะมีรอยต่อเป็นระยะ เพราะหากเกิดอุบัติเหตุที่ทำให้พื้นหินร้าว จะง่ายต่อการเทซ่อมแค่ช่วงระยะที่มีปัญหา ไม่ต้องลาดเทใหม่ไปตลอดทั้งพื้น ราคาต่อตารางเมตรของหินขัดนั้นย่อมเยาว์กว่าหินแกรนิตหรือหินอ่อนพอสมควร ในปัจจุบันมีรีสอร์ทหลากหลายแห่งเลือกใช้หินขัดในการทำพื้น เนื่องจากให้ความรู้สึกอ่อนโยนเป็นธรรมชาติ และสามารถทำลวดลายได้หลากหลายโดยการใช้แนวรอยต่อให้เป็นประโยชน์
2.ขัดสำเร็จรูป การทำหินขัดในแบบหล่อเป็นแผ่นๆ เพื่อให้สามารถนำไปติดตั้งด้วยการปู คล้ายกับกระเบื้องปูพื้น โดยใช้ปูนทรายหรือกาวซีเมนต์ เป็นตัวยึดเกาะแผ่นหินขัดสำเร็จรูปกับพื้น
3.หินกาบ ในปัจจุบัน เราจะพบว่าแนวคิดหวนคืนสู่ธรรมชาติได้กลับมาได้รับความนิยมสูงขึ้นมาก การตกแต่งพื้นที่บ้าน ทั้งภายในและภายนอก ด้วยวัสดุจากธรรมชาติ เช่น ไม้หรือวัสดุเทียมไม้ หินหรือวัสดุเลียนแบบหิน เพื่อสร้างบรรยากาศบ้านคนเมืองให้ดูเหมือนได้ใกล้ชิดและอยู่ท่ามกลางธรรมชาติจึงมีให้เห็นได้ทั่วไปในหลายๆ โครงการบ้านจัดสรร และหินกาบก็เป็นอีกวัสดุหนึ่งที่คนนิยมนำมาใช้ประดับประดา เพื่อเพิ่มความสวยงามตามแนวคิดหวนคืนสู่ธรรมชาติ
4.หินทราย มีผิวสัมผัสเป็นทรายละเอียด มีหลายสี ซึ่งจะเป็นสีอ่อนสบายตา มีทั้งแบบผิวธรรมชาติ ผิวต๊อก ผิวขัดเรียบ ผิวพ่นไฟ แบบตัดด้วยมือ และตัดด้วยเครื่อง สีของหินทรายที่มีวางจำหน่ายตามท้องตลาด ได้แก่ เหลือง, แดง, ขาว, เขียวข้อดีของหินทราย
5.หินล้าง,กรวดล้าง,ทรายล้าง เป็นการตกแต่งตกแต่งพื้นผิวให้มีผิวสัมผัสดูเป็นธรรมชาติ โดยการใช้วัสดุจากธรรมชาติ (หิน กรวด ทราย) มาเป็นส่วนผสม ใช้ร่วมกับส่วนผสมหลักปูนซีเมนต์ขาว เพื่อให้ผิวสัมผัสออกมาเป็นธรรมชาติ สามารถใช้ได้ในงานตกแต่งพื้น ผนัง ทั้งภายในและภายนอกอาคาร โดยที่ข้อดีของหินล้าง กรวดล้าง ทรายล้าง มีผิวสัมผัสดูเป็นธรรมชาติ  สามารถออกแบบได้ตามความต้องการเพราะสามารถใช้ส่วนผมสได้อย่างอิสระไม่จำกัดรูปแบบขึ้นอยู่กับการออกแบบ และ ด้วยความที่มีผิวสัมผัสหยาบมีแรงเสียดทานสูงทำให้ไม่ลื่น  และทนแดดทนฝน จึงเหมาะสำหรับใช้งานในภายนอก มักจะพบเห็นในส่วนของทางเดินภายนอกอาคารที่ปราศจากหลังคาคลุม พื้นหรือลานทำกิจกรรมกลางแจ้ง รวมถึงพื้นทางเดินรอบสระว่ายน้ำ อีกทั้งยังจะพบเห็นการใช้งานในส่วนของโครงการรีสอร์ทต่าง ๆ
6.หินอ่อน (Marble) คือหินเนื้อแน่น ซึ่งส่วนใหญ่ประกอบด้วยแคลเซียมคาร์บอเนต ที่ตกผลึกเป็นแคลไซท์เม็ดเล็กๆ บรรดาหินอ่อนทั้งหลายนั้นเกิดจากแคลเซียมคาร์บอเนต ซึ่งได้สะสมเอาไว้ในท้องทะเล หรือมหาสมุทรมาก่อน ต่อมาได้เกิดมีการเคลื่อนไหวขึ้นในบริเวณดังกล่าว คือที่ๆ เคยเป็นทะเล หรือมหาสมุทรมาก่อน ก็ต้องกลายเป็นตรงกันข้าม กล่าวคือทะเลกลายเป็นภูเขาขึ้นมา และที่ๆ เคยเป็นบกเป็นภูเขามาก่อนก็กลับเป็นทะเล และในกรรมวิธีการเช่นว่านี้ยังพรั่งพร้อมไปด้วยอาการต่างๆ ทางธรณีอีกเช่น เกิดมีแมกมาไหลออกมา และพอดีหินที่สะสมไว้ในทะเลเมื่อก่อนโน้น ไปโดนกับแมกมาดังกล่าวเข้า และการที่แมกมาไหลขึ้นมานั้นเต็มไปด้วยความร้อน ความดัน และกาซต่างๆ เลยทำให้แคลเซียมคาร์บอเนต ต้องละลายแล้วตกผลึกอีกจึงเกิดเป็นหินอ่อนขึ้นมาได้ในที่สุด

ประเภทของหิน
โลกของเรามีแก๊สเป็นชั้นบรรยากาศห่อหุ้มเอาไว้ ที่บริเวณพื้นผิวโลกมีน้ำเป็นส่วนใหญ่ ส่วนเปลือกโลกที่เป็นของแข็งประกอบไปด้วยดินและหิน ซึ่งหินเป็นของแข็งที่เป็นส่วนผสมของแร่ธาตุต่าง ๆ ปะปนกัน เมื่อแร่ธาตุต่าง ๆ หลอมละลายเป็นของเหลวร้อนมีลักษณะเป็นหินหนืดอยู่ใต้เปลือกโลกจะเรียกว่า "แมกมา (Magma)" เมื่อเกิดภูเขาไฟปะทุ หินหนืดจะถูกดันขึ้นมาสู่ผิวโลก ไหลทะลักออกจากปากปล่องภูเขาไฟกลายเป็น "ลาวา (Lava)" เมื่อลาวาเย็นตัวลงก็จะเกิดเป็นหินอัคนี เมื่อสภาพแวดล้อมเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาอันยาวนาน หินอัคนีเกิดการผุกร่อน เผชิญกับความดันความร้อน ก็จะกลายสภาพเป็น หินตะกอน (หินชั้น) และหินแปรในที่สุด
หินอัคนี (Igneous Rock)
เกิดจากการเย็นตัวลงของหินหนืดร้อนหรือลาวาที่ปะทุออกมาจากใต้พื้นโลก มีความแข็งมากกว่าหินประเภทอื่น ๆ หินอัคนีมีหลายชนิด แล้วแต่แร่ธาตุที่เป็นส่วนประกอบและลักษณะการเย็นตัว เช่น
หินแกรนิต เกิดจากการเย็นตัวช้า ๆ ของลาวา ทำให้มีผลึกขนาดใหญ่ มีความแข็งแรงและทนทานต่อการกัดกร่อน จึงถูกนำมาใช้ในงานก่อสร้าง
หินบะซอลต์ เกิดจากการเย็นตัวลงอย่างรวดเร็วของลาวา มีผลึกขนาดเล็กและมีรูพรุน แต่มีความแข็งแรงทนทาน จึงถูกนำมาใช้ในงานก่อสร้างเช่นกัน
หินออบซิเดียน เกิดจากการเย็นตัวลงแบบฉับพลันของลาวา ไม่มีผลึก มีแร่ซิลิกาสูงจึงมีลักษณะคล้ายแก้วสีดำ ผิวเรียบ มีความมันวาว รอยแตกคม สมัยโบราณถูกนำมาใช้เป็นมีดและอาวุธ

หินตะกอนหรือหินชั้น (Sedimentary Rock)
ที่เรียกว่าหินตะกอนเพราะเกิดจากการจับตัวกันของเศษตะกอนต่างๆ ทั้งซากพืชซากสัตว์ เศษดินโคลน กรวด ทราย และเศษหินต่าง ๆ ที่ผุกร่อน ที่ถูกสายน้ำ สายลมพัดพามาตกตะกอนทับถมกัน มีลักษณะเป็นแผ่นเป็นชั้น จึงเรียกว่าหินชั้นด้วย มีหลายชนิด แล้วแต่ชนิดของตะกอนที่ทับถมกัน เช่น
หินกรวด เกิดจากเศษกรวดทับถมกันจนจับตัวกันแน่นแข็ง มีเนื้อหยาบ นิยมนำมาทำถนน
หินทราย เกิดจากการทับถมกันของเม็ดทรายขนาดเล็ก จึงมีเนื้อละเอียดกว่าหินกรวด นิยมนำมาใช้ในงานตกแต่งอาคาร สิ่งปลูกสร้าง ใช้ทำรูปแกะสลัก
หินดินดาน เกิดจากการทับถมกันของเศษดินโคลน ดินเหนียว ทรายแป้ง มีเนื้อละเอียดมาก เกาะตัวกันเป็นชั้นบาง ๆ เปราะแตกง่าย นิยมนำมาใช้ในงานเครื่องปั้นดินเผา
หินปูน เกิดจากการทับถมกันของซากสัตว์ กระดูกสัตว์ กระดองสัตว์ทะเลอย่าง ปู กุ้ง หอย หินปูนจึงมีองค์ประกอบเป็นแคลไซต์ ถูกกัดกร่อนได้ง่ายด้วยกรด หินปูนใช้ทำปูนซีเมนต์เพื่อผสมเป็นคอนกรีตสำหรับงานก่อสร้าง

หินแปร (Metamorphic Rock)
เป็นหินที่เกิดจากการแปรสภาพของหินอื่นๆ หรือของหินแปรเอง โดยเนื้อหินมีการแปรสภาพไปจากเดิมเพราะได้รับแรงดันและอุณหภูมิสูง อย่างเช่นแรงดันและความร้อนสูงจากแมกมาใต้เปลือกโลก แต่ไม่ใช่การแปรสภาพจากการหลอมเหลว หินแปรมีหลากหลายชนิด เช่น
หินชนวน เกิดจากการแปรสภาพของหินดินดาน จึงมีเนื้อละเอียด เป็นชั้นบาง ๆ สามารถกระเทาะออกจากกันได้ นิยมนำมาทำเป็นกระดานชนวน กระดานดำ ใช้มุงหลังคาหรือปูทางเท้า
หินอ่อน แปรสภาพมาจากหินปูน นิยมนำมาใช้ในการตกแต่งอาคารเพื่อความสวยงาม ทั้งยังใช้ในงานแกะสลัก
หินควอร์ตไซต์ แปรสภาพมาจากหินทราย มีความหนาแน่นมากกว่าหินทราย ประกอบไปด้วยผลึกของเม็ดทรายขนาดไล่เลี่ยกัน มีความคงทนสูงมาก

ติดต่อสอบถาม