This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.
Messages - Admin
37
« เมื่อ: กรกฎาคม 31, 2022, 05:11:05 PM »
ต่อเติมบ้านอย่างไรดี ? ไม่ให้มีปัญหาตามมา
หลายๆคนคงจะเคยได้ยินข่าวความเสียหายจากการต่อเติมบ้านกันมาบ้าง ไม่ว่าจะเป็นบ้านทรุด , การแตกร้าว หรือ น้ำรั่วซึม ซึ่งสิ่งเหล่านี้ถือเป็นปัญหาใหญ่ของการอยู่อาศัยเลยทีเดียวใช่มั้ยคะ สำหรับใครที่กำลังจะต่อเติมบ้านแล้วคิดว่าต่อเติมนิดๆหน่อยๆคงไม่เป็นอะไรมากนั้น วันนี้เรามีบทความเกี่ยวกับข้อควรระวังต่างๆในการต่อเติม รวมถึงความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับกฎหมายและโครงสร้าง เพื่อให้บ้านของเราเมื่อต่อเติมไปแล้วนั้นไม่มีปัญหาบานปลายค่ะ
การต่อเติมบ้านนั้นถือเป็นการเพิ่มพื้นที่ใช้สอยให้กับตัวบ้าน เมื่อเราอยู่ไปซักระยะนึง เราอาจจะอยากปรับเปลี่ยนหรืออยากได้พื้นที่มากขึ้น รวมถึงการขยายครอบครัวด้วยนะคะ หลายๆคนก็ลองทำแบบงูๆปลาๆจ้างช่างมาต่อเติมเลย หรือบางครอบครัวก็ค่อยๆต่อเติมไปเรื่อยๆโดยไม่คำนึงถึงโครงสร้าง จากสิ่งที่เรากล่าวมา อาจจะทำให้มีปัญหาในการต่อเติมตามมาได้ค่ะ ก่อนที่จะทำการต่อเติม เรามาดูกันก่อนว่าโดยปกติแล้วเราสามารถต่อเติมบ้านตรงไหนได้บ้าง ถ้าแบ่งตามที่คนนิยมทำกันจะมีอยู่ 4 ส่วนด้วยกันคือ
ต่อเติมหน้าบ้าน เพื่อทำหลังคากันสาด, หลังคาที่จอดรถ
ต่อเติมข้างบ้าน เพื่อทำเป็นห้องอเนกประสงค์
ต่อเติมหลังบ้าน เพื่อทำเป็นครัวไทย
ต่อเติม ปรับปรุงพื้นที่ภายในบ้าน เช่น กั้นห้องเพิ่ม, ทุบผนังห้องออก
โดยการต่อเติมแต่ละแบบนั้นจะมีปัจจัยให้คำนึงหลากหลาย เราจำเป็นต้องทราบเกี่ยวกับโครงสร้างบ้านเดิมที่เราอยู่ก่อนค่ะ ว่าคืออะไรจะได้ทำการต่อเติมได้ถูกต้องและไม่มีผลกระทบกับโครงสร้าง สำหรับการต่อเติมภายนอกบ้านจะมีเรื่องของกฎหมายมาประกอบด้วย ซึ่งจะมีอะไรบ้างเราไปดูกันเลยค่ะ
ต่อเติมอย่างไรไม่ให้ผิดกฎหมาย
กฎหมายเป็นสิ่งที่สำคัญและไม่ควรจะมองข้ามในการต่อเติมบ้าน หากเราทำการต่อเติมไปแล้วผิดกฎหมายก็จะเดือดร้อนต้องมาทุบทิ้งกัน หรืออาจจะเกิดการร้องเรียนขึ้นทำให้เป็นปัญหาใหญ่ตามมา ทำให้เราเสียทั้งเงิน เสียทั้งเวลา สำหรับกฎหมายที่เกี่ยวกับการต่อเติมบ้านนั้นหลักๆแล้วก็จะมีเรื่องระยะต่างๆรอบตัวบ้าน
ระยะห่างระหว่างอาคาร
การต่อเติมอาคารชั้นเดียว หรืออาคารที่มีความสูงไม่เกิน 9 เมตร เช่นการต่อเติมพื้นที่ครัวด้านหลังบ้าน , ต่อเติมห้องด้านข้างรวมถึงลานจอดรถนั้น จะมีข้อกำหนดเรื่องระยะห่างของผนังและที่ดินบ้านข้างเคียง ดังนี้
- ผนังที่มีช่องเปิด ( เช่น หน้าต่าง, ช่องลมระบายอากาศ, ช่องแสง หรือบล็อคแก้ว) ควรมีระยะห่างจากแนวเขตที่ดินข้างเคียงไม่น้อยกว่า 2.00 เมตร
- ผนังทึบ (ไม่มีช่องแสง) ควรมีระยะห่างจากแนวเขตที่ดินข้างเคียงไม่น้อยกว่า 50 เซนติเมตร
สำหรับหมู่บ้านจัดสรรโดยทั่วไปแล้ว เราสามารถเจรจากับเพื่อนบ้านด้านข้างฝั่งที่เราต่อเติม ถ้าเพื่อนบ้านยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษร เราก็สามารถสร้างชิดแนวเขตที่ดินได้ค่ะ
ระยะชายคา, กันสาด
การต่อเติมชายคา (ที่พื้นที่ด้านบนไม่สามารถขึ้นไปใช้งานได้) จะต้องเว้นระยะจากชายคา จนถึงแนวเขตที่ดิน ไม่น้อยกว่า 50 เซนติเมตร เช่นเดียวกันกับการต่อเติมผนังทึบค่ะ
ระยะระเบียงชั้นบน
การต่อเติมระเบียงชั้นบน หรือหลังคาที่สามารถขึ้นไปใช้งานด้านบนได้ จะต้องเว้นระยะจากระเบียง จนถึงแนวเขตที่ดินไม่น้อยกว่า 2.00 เมตร เช่นเดียวกับการต่อเติมผนังที่มีช่องเปิดค่ะ
ระยะห่างจากถนนสาธารณะ
สำหรับใครที่อยากจะต่อเติมบ้านออกมาทางด้านหน้าจะเป็นห้องอเนกประสงค์หรือห้องอื่นๆก็ดี จะต้องคำนึงถึงกฎหมายดังนี้ อาคารพักอาศัยที่สูงไม่เกิน 3 ชั้น หรือสูงไม่เกิน 10 เมตร และพื้นที่รวมไม่เกิน 1,000 ตารางเมตร จะมีกฏหมายบังคับเกี่ยวกับแนวร่นอาคารจาก ทางสาธารณะ ดังนี้
- ถ้าถนนสาธารณะกว้างน้อยกว่า 6.00 เมตร ร่นแนวอาคารห่างจากกึ่งกลาง ถนนสาธารณะ อย่างน้อย 3.00 เมตร
- ถ้าถนนสาธารณะกว้างมากกว่าง 6.00 เมตร ริมแนวอาคารห่างจากถนนสาธารณะ
- อาคารสูงไม่เกิน 3 ชั้น, พื้นที่ไม่เกิน 300 ตารางเมตร ร่นจากเขตถนนอย่างน้อย 0.50 เมตร
- อาคารสูงไม่เกิน 3 ชั้น, พื้นที่เกิน 300 ตารางเมตร ร่นจากเขตถนนอย่างน้อย 1.00 เมตร
ทำความรู้จักโครงสร้างภายนอกบ้าน
การต่อเติมพื้นที่ด้านนอกบ้านส่วนใหญ่แล้ว สิ่งที่เราควรคำนึงถึงก็คือโครงสร้างพื้นและเสาเข็มค่ะ โดยปกติแล้วบ้านจัดสรรมักจะทำการเทพื้นบริเวณที่จอดรถและลานซักล้างด้านหลังบ้านมาให้ ส่วนใหญ่เป็นการเทคอนกรีตเสริมเหล็กแบบบนดิน (Slab On Ground) หรือ บนคาน (Slab on Beam) ที่ลงเสาเข็มมาให้ด้วย ซึ่งแต่ละแบบก็จะมีข้อดี–ข้อเสียแตกต่างกันไป
พื้นคอนกรีตวางบนดิน (Slab On Ground)
Slab On Ground เป็นพื้นคอนกรีตหล่อบนพื้นดินหรือทรายบดอัด ไม่มีคานรองรับ มักใช้สำหรับพื้นชั้นล่าง ส่วนใหญ่มักใช้ทำพื้นของที่จอดรถ การถ่ายน้ำหนักของพื้นประเภทนี้จะถ่ายลงสู่พื้นดินโดยตรงโดยกระกระจายแรง ดังนั้นการบดอัดดินหรือทรายให้แน่นเป็นสิ่งสำคัญมาก หากไม่ทำให้ดินแน่นก่อนคอนกรีตอาจแตกจากการทรุดตัวได้ พื้นคอนกรีตวางบนดินนี้ ต้องอยู่อย่างอิสระจากโครงสร้างส่วนอื่น ๆ เพราะมีอัตราการทรุดตัวตามดินที่สูงค่ะ หากจำเป็นต้องมีส่วนที่ติดกันควรจะแยกรอยต่อ โดยการคั่นด้วยแผ่นโฟม หรือออกแบบลดระดับพื้นบริเวณขอบพื้นโดยรอบ หรือจะวางหินกรวดตกแต่งอย่างที่บ้านจัดสรรนิยมทำให้เพื่อปกปิดรอยต่อก็ได้เช่นกันค่ะ
โดยโครงสร้างส่วนใหญ่ของลานจอดรถนั้นเป็นระบบคอนกรีตเสริมเหล็ก (ค.ส.ล.) เป็นการเพิ่มความสามารถของคอนกรีตให้รับแรงได้มากขึ้นโดยใช้เหล็กเข้ามาช่วยนั่นเองค่ะ ซึ่งโดยทั่วไปแล้วพื้นคอนกรีตเสริมเหล็กจะสามารถรับน้ำหนักได้ 200 – 400 กิโลกรัมต่อตารางเมตร สำหรับลานจอดรถขนาดมาตรฐาน 1 คันนั้น จะมีขนาด 2.40 x 5.00 เมตร หรือประมาณ 12 ตารางเมตร รถเก๋ง 1 คัน จะมีน้ำหนักประมาณ 1,000 – 1,500 กิโลกรัม ต่อคัน , รถกระบะ 1 คัน น้ำหนักประมาณ 1,500 – 1,600 กิโลกรัม ต่อคัน ซึ่งเพียงพอต่อการใช้พื้นโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็กวางบนดิน
พื้นคอนกรีตวางบนคาน (Slab On Beam)
เป็นพื้นคอนกรีตเสริมเหล็กที่ถ่ายน้ำหนักลงสู่คานโดยตรง นิยมใช้ในบ้านและอาคารทั่วไป ลักษณะการถ่ายน้ำหนักของพื้นประเภทนี้มี 2 แบบนะคะ คือ
– พื้นทางเดียว (One Way Slab)
– พื้นสองทาง (Two Way Slab)
พื้นคอนกรีตวางบนคานอาจเป็นได้ทั้งพื้นคอนกรีตหล่อในที่หรือพื้นคอนกรีตสำเร็จรูปก็ได้ค่ะ แต่สำหรับพื้นส่วนเปียกอย่างเช่น ห้องน้ำ พื้นระเบียงนอกบ้าน ซึ่งเสี่ยงต่อการรั่วซึม ควรใช้เป็นพื้นคอนกรีตหล่อในที่จะสามารถทนต่อความชื่นได้มากกว่าพื้นสำเร็จรูปค่ะ
โครงสร้างเสาเข็ม ( Pile )
ต่อมาสิ่งที่สำคัญสำหรับการต่อเติมบ้านก็คือเสาเข็ม โดยเสาเข็มเป็นโครงสร้างที่เสริมการรับน้ำหนักและป้องกันการทรุดตัว โดยมีหลักการคือช่วยเพิ่มแรงต้านน้ำหนักของตัวบ้านหรือพื้นที่ส่วนต่อเติม ไม่ให้ทรุดตัวลง ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับรูปแบบและความลึกของเสาเข็มด้วยค่ะ ถ้าเสาเข็มนั้นสั้นไม่ถึงชั้นดินแข็งจะมีเพียงแรงเสียดทานระหว่างพื้นผิวเสาเข็มกับดิน (Skin Friction) แต่ถ้าเสาเข็มนั้นลึกถึงชั้นดินแข็งก็จะมีแรงต้านที่ปลายเสาเข็ม (End Bearing) เพิ่มขึ้นค่ะ และอีกอย่างที่ควรคำนึงถึงนั่นก็คือความแข็งของชั้นดินในแต่ละพื้นที่ ถ้าบ้านใครมีที่ดินอยู่ใกล้กับน้ำ หรือดินพึ่งถมมาไม่นาน(ไม่เกิน 2 ปี) ดินจะไม่แน่นมากทำให้มีโอกาสทรุดตัวมากกว่า จึงจำเป็นต้องใช้เสาเข็มที่ลึกขึ้นค่ะ ดังนั้นเบื้องต้นเราจึงควรรู้ว่าบ้านของเราใช้เสาเข็มอะไร ถ้าเราซื้อบ้านจากโครงการแนะนำว่าให้ถามก่อนซื้อหรือตัดสินใจต่อเติม ถ้าเป็นบ้านที่สร้างเองก็ควรถามวิศวกรหรือผู้ออกแบบเอาไว้ เราจะได้มีข้อมูลสำหรับการต่อเติมในอนาคต
เสาเข็มเดิมของภายในบ้านทั่วไปที่นิยมใช้ แบ่งออกได้ 3 ประเภทใหญ่ๆ ได้ดังนี้
เสาเข็มคอนกรีตอัดแรง (prestressed concrete pile)
เสาเข็มคอนกรีตอัดแรงเป็นที่นิยมมากที่สุดในอาคารพักอาศัย เป็นเสาคอนกรีตที่ทำจากปูนซีเมนต์ชนิดแข็งตัวเร็วและโครงเหล็กภายในทำจากลวดเหล็กอัดแรงกำลังสูงค่ะ ใช้วิธีการตอกลงไปในดิน ซึ่งเป็นวิธีที่ไม่ยุ่งยากและราคาไม่แพง “แต่เวลาตอกจะเกิดแรงสั่นสะเทือน” แบ่งย่อยออกตามลักษณะรูปทรงหลากหลาย เช่น
เสาเข็มรูปตัวไอ (มักใช้เป็นโครงสร้างรับน้ำหนักตัวบ้าน)
เสาเข็มสี่เหลี่ยมตัน
เสาเข็มหกเหลี่ยมหรือแปดเหลี่ยมชนิดกลวง
เสาเข็มรูปตัวที
เสาเข็มเจาะ (bored pile)
เสาเข็มเจาะนั้นต้องใช้เครื่องมือเจาะลงบนที่ดินบนพื้นที่ใช้งานเลย จากนั้นจึงใส่เหล็กและเทคอนกรีตลงไปเพื่อหล่อเป็นเสาเข็ม จะมีกรรมวิธีก่อสร้างที่ยุ่งยาก และใช้เวลามากกว่า เหมาะกับงานที่ต้องการรับน้ำหนักสูง “แต่จะไม่เกิดแรงสั่นสะเทือนเวลาติดตั้ง” และมีข้อจำกัดเรื่องขนาดกับความลึกน้อยกว่า รับน้ำหนักได้มากกว่า ส่วนราคานั้นจะแพงและมีขั้นตอนการติดตั้งยากกว่า
เสาเข็มเจาะแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ
เสาเข็มเจาะขนาดเล็ก( small diameter bored pile ) เส้นผ่านศูนย์กลางอยู่ในช่วง 35-60 เซนติเมตร ความลึกอยู่ในช่วงประมาณ 18-23 เมตร กรรมวิธีที่ใช้ในการเจาะมักจะเป็นแบบแห้ง ( dry process )โดยใช้เครื่องมือขุดเจาะธรรมดา วิธีการไม่ยุ่งยากซับซ้อน
เสาเข็มเจาะขนาดใหญ่( large diameter bored pile ) เส้นผ่านศูนย์กลางมากกว่า 60 เซนติเมตรขึ้นไป ความลึกอยู่ในช่วงประมาณ 25-65 เมตร กรรมวิธีที่ในการเจาะมักจะเป็นระบบเปียก ( wet process ) ซึ่งจะมีความยุ่งยาก และหน้างานเลอะเทอะมากกว่าค่ะ
เสาเข็มกลมแรงเหวี่ยงอัดแรง (prestressed concrete spun pile)
โดยทั่วไปแล้วจะเรียกกันว่าเสาเข็มสปัน ผลิตโดยการใช้ กรรมวิธีปั่นคอนกรีตในแบบหล่อซึ่งหมุนด้วยความเร็วสูงทำให้เนื้อคอนกรีตมีความหนาแน่นสูงกว่าคอนกรีตที่หล่อโดยวิธีธรรมดา มีลักษณะเป็นเสากลม ตรงกลางกลวง ฝังโครงลวดเหล็กอัดแรง การตอกเสาชนิดนี้สามารถทำได้หลายแบบ ทั้งวิธีการตอกด้วยปั้นจั่นแบบธรรมดาและแบบกด เนื่องจากตรงกลางกลวงช่วยลดแรงสั่นสะเทือนเวลาตอกได้ค่ะ ช่วยให้ไม่สะเทือนกระทบต่อโครงสร้างเดิมเท่าเสาเข็มอัดแรงธรรมดา
ติดต่อสอบถาม
41
« เมื่อ: กรกฎาคม 30, 2022, 09:11:19 AM »
ประวัติ “พวงหรีด”… สัญลักษณ์แห่งความอาลัยในพิธีศพ
“พวงหรีด” ถือเป็นสัญลักษณ์แห่งความอาลัยในงานศพมายาวนาน แต่น้อยคนนักที่จะทราบถึงประวัติพวงหรีดว่ามีต้นกำเนิดมาจากที่ใด เกิดขึ้นเมื่อใด เริ่มเข้ามาในประเทศไทยได้อย่างไร และเหตุใดจึงได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายกันมากขึ้นจนถึงปัจจุบัน วันนี้เลอหรีดจะมาเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติพวงหรีดให้ทุกคนฟังกันค่ะ
ต้นกำเนิดของพวงหรีด
ก่อนที่จะนำพวงหรีดมาใช้ในพิธีงานศพนั้น แท้จริงแล้วประวัติพวงหรีดมีต้นกำเนิดมาจากประเทศทางแถบทวีปยุโรปตอนใต้ในสมัยอารยธรรมอีทรัสคัน เมื่อประมาณ 400 ปีก่อนคริสตกาล ซึ่งตามประวัติพวงหรีดได้ปรากฏหลักฐานว่ามีการค้นพบมงกุฎทองสำหรับมอบให้แก่นักรบ เพื่อใช้เป็นเกียรติยศสำหรับนักรบเมื่อเวลาออกรบค่ะ โดยจะแกะสลักเป็นลายใบไม้กับดอกไม้และตกแต่งให้มีความสวยงาม พอเข้าสู่ในช่วงยุคโรมันโบราณก็จะมีการนำหรีดมาประดับศีรษะ เรียกว่า “Laurel Wreath” (ลอเรลหรีธ) ซึ่งมีลักษณะเป็นการนำใบไม้มาสานกัน ต่อมาเมื่อเข้าสู่ในช่วงศตวรรษที่ 16 – 19 ชาวคริสเตียนได้มีการนำกระดาษและริบบิ้นมาทำเป็นพวงหรีดกระดาษ โดยตัดและตกแต่งเป็นรูปใบไม้กับดอกไม้ เพื่อใช้สำหรับเฉลิมฉลองในงานเทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า (Advent) แต่ใช้ได้ไม่นานก็เปลี่ยนมาใช้ดอกไม้จริงแทน เนื่องจากมีความสวยงามมากกว่า ซึ่งพวงหรีดที่ว่านี้จะมีลักษณะเป็นทรงกลมประดับด้วยดอกไม้สดนานาชนิด คล้ายกับพวงหรีดดอกไม้สด แต่จะมีขนาดเล็กกว่าพวงหรีดที่เห็นกันอยู่ในปัจจุบัน เมื่อตกแต่งพวงหรีดเสร็จก็จะนำไปประดับหรือแขวนไว้ในโบสถ์อย่างสวยงามค่ะ และเมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป ทุกสิ่งก็เปลี่ยนแปลงตาม ไม่เว้นแม้แต่พวงหรีดที่กลายมาเป็นสัญลักษณ์หรือสิ่งที่ใช้แสดงความอาลัยต่อการจากไปของผู้ล่วงลับที่นำมามอบให้แก่ครอบครัวหรือญาติของผู้เสียชีวิตในงานศพมากขึ้นอย่างที่เห็นกันอยู่จนถึงปัจจุบัน
ประวัติพวงหรีดในประเทศไทย
กว่าที่พวงหรีดจะกลายเป็นสัญลักษณ์แห่งความอาลัยยอดนิยมในประเทศไทยนั้น ตามประวัติพวงหรีดได้กล่าวไว้ว่าอารยธรรมของชาติตะวันตกเริ่มเข้ามามีบทบาทและแพร่หลายเป็นอย่างมากในยุคล่าอาณานิคม หรือในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ก็ได้รับเอาอารยธรรมตะวันตกหลายอย่างเข้ามาในประเทศไทย ไม่เว้นแม้แต่พวงหรีดค่ะ โดยมีหลักฐานว่ามีการค้นพบภาพถ่ายของการนำดอกไม้นานาชนิดมาจัดแต่งเป็นวงกลม ลักษณะคล้ายกับพวงหรีดขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2447 ในงานพระเมรุของสมเด็จพระปิยมาวดีศรีพัชรินทรมาตา หรือ เจ้าจอมมารดาเปี่ยม พระสนมเอกในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 นั่นเองค่ะ ซึ่งในช่วงแรกนั้นพวงหรีดจะได้รับความนิยมเฉพาะในสังคมชนชั้นสูงเท่านั้น แต่เมื่อเวลาผ่านไปไม่นานก็เริ่มมีการแพร่หลายในชนชั้นกลาง ไปจนถึงบุคคลทั่วไป โดยวัตถุประสงค์ของการมอบพวงหรีดนั้นก็เพื่อเป็นการแสดงความเคารพและความอาลัยต่อผู้วายชนม์ และด้วยประวัติพวงหรีดที่ได้กล่าวมาข้างต้นนี้เองทำให้สามารถคาดการณ์ได้ว่าในสมัยนั้นพวงหรีดได้ถูกนำเข้ามาใช้เป็นสื่อแทนความอาลัยในประเทศไทยนับแต่นั้นเป็นต้นมาค่ะ
ความนิยมและการแพร่หลายของพวงหรีด
ตามประวัติพวงหรีดในประเทศไทยที่ได้กล่าวถึงไปเมื่อข้างต้นนี้ทำให้เห็นว่าพวงหรีดได้เริ่มมีการนำมาใช้เฉพาะในงานศพของเจ้านายและชนชั้นสูง จนกระทั่งต่อมาก็ได้มีการแพร่หลายกันมากขึ้นในชนชั้นกลางไปจนถึงคนทั่วไปค่ะ ซึ่งพวงหรีดนั้นไม่ได้มีเพียงแค่ความสวยงามเท่านั้น แต่ยังมีสัจธรรมแห่งชีวิตที่เตือนใจมนุษย์ทุกคนอีกด้วยค่ะว่า เมื่อเวลาหมุนผ่านไป ดอกไม้สดที่เคยมีสีสันสวยงามก็เริ่มเปลี่ยนสี เหี่ยวเฉา และร่วงโรยไปตามกาลเวลา เปรียบได้กับชีวิตของมนุษย์เราที่ไม่ยั่งยืน ทุกคนต่างล้วนมีการเกิด แก่ เจ็บ ตายเป็นธรรมดานั่นเองค่ะ ยิ่งไปกว่านั้นดอกไม้ประดับพวงหรีดยังสามารถสื่อแทนความหมาย อารมณ์และความรู้สึกถึงผู้ล่วงลับได้มากเลยทีเดียวค่ะ ทำให้พวงหรีดกลายเป็นสัญลักษณ์แห่งการแสดงความอาลัยในงานศพที่ได้รับความนิยมกันอย่างแพร่หลายตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เรียกได้ว่าหากมีงานศพครั้งใดเป็นต้องมีพวงหรีดไว้สื่อแทนความอาลัยที่มีต่อผู้ล่วงลับทุกครั้งไปค่ะ โดยในทุกวันนี้พวงหรีดก็ได้มีพัฒนาการมากขึ้นจนมีประเภทพวงหรีดให้เลือกซื้ออย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นพวงหรีดดอกไม้สดที่ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนาน, พวงหรีดผ้า หรือจะเป็นพวงหรีดทางเลือกประเภทอื่น ๆ อย่างเช่น พวงหรีดพัดลม, พวงหรีดนาฬิกา และพวงหรีดต้นไม้ เมื่อเสร็จสิ้นพิธีศพก็สามารถนำไปใช้ประโยชน์ต่อหรือจะนำไปบริจาคก็ได้เช่นกันค่ะ นอกจากนั้นพวงหรีดแต่ละประเภทก็ยังมีโทนสีพวงหรีดต่าง ๆ ให้เลือกมากมายตามความเหมาะสมของผู้ล่วงลับอีกด้วยนะคะ
เมื่อทราบเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติพวงหรีดว่ามีต้นกำเนิดมาจากที่ใด ตั้งแต่เมื่อไร และเหตุใดจึงได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในปัจจุบันล่ะก็หายสงสัยกันแล้วใช่มั้ยล่ะคะ ทีนี้หากมีงานศพครั้งใด อย่าลืมมาเลือกซื้อพวงหรีดที่ร้านเลอหรีดของเรานะคะ เพราะนอกจากจะมีพวงหรีดคุณภาพดีแล้วยังมีบริการจัดส่งฟรีถึงศาลาวัดอีกด้วยค่ะ
หรีด (อังกฤษ: wreath) เป็นดอกไม้ที่จัดแต่งขึ้นตามโครงรูปต่าง ๆ เช่น วงกลม วงรี มักมีใบไม้เป็นส่วนประกอบด้วย ใช้เพื่อวัตถุประสงค์หลายประการ เช่น เคารพศพ ประดับตกแต่ง หรือทำเป็นมงคล (เครื่องสวมศีรษะ)
ต้นกำเนิด
หรีดทองใช้เป็นมงคล (เครื่องสวมศีรษะ) อายุราวกลางปีที่ 400 ก่อนคริสตกาล
พวงหรีดมีต้นกำเนิดตั้งแต่สมัยอารยธรรมอีทรัสคันในแถบทวีปยุโรปตอนใต้[1] จากการพบมงกุฎทองสำหรับนักรบเมื่อเวลาออกรบเพื่อเป็นเกียรติยศโดยแกะเป็นลายใบไม้และดอกไม้ อายุราว 400 ปีก่อนคริสตกาล ในยุคโรมันโบราณมีการใช้หรีดมาประดับศีรษะ โดยเรียกว่า ลอเรลหรีธ (laurel wreath) โดยใช้ใบไม้สานกัน
ในประเทศไทย
อารยธรรมตะวันตกเริ่มแพร่หลายอย่างมากในยุคล่าอาณานิคม หรือในสมัยรัชกาลที่ 5 ซึ่งมีการรับเอาอารยธรรมตะวันตกหลายอย่างเข้ามาในประเทศไทย โดยปรากฏหลักฐานภาพถ่ายการนำดอกไม้หลากหลายชนิดมาตกแต่งเป็นพวงกลมคล้ายพวงหรีดครั้งแรก ในพระเมรุของสมเด็จพระปิยมาวดีศรีพัชรินทรมาตา หรือ เจ้าจอมมารดาเปี่ยม พระสนมเอกในรัชกาลที่ 4 ในพ.ศ. 2447 ด้วยเหตุนี้เองทำให้คาดการณ์ได้ว่าพวงหรีดได้ถูกนำเข้ามาในประเทศไทยและใช้เป็นสื่อแทนความโศกเศร้าตั้งแต่สมัยนั้น[2]
ชนิดของพวงหรีด
ในปัจจุบันพวงหรีดนอกจากพวงหรีดที่ทำมาจากดอกไม้สดแล้ว ยังมีพวงหรีดแบบใหม่ ๆ เกิดขึ้นมาอีกหลายชนิด เช่น พวงหรีดดอกไม้สด พวงหรีดดอกไม้แห้งหรือดอกไม้ประดิษฐ์ พวงหรีดผ้าชนิดต่าง ๆ พวงหรีดพัดลม พวงหรีดต้นไม้ (ส่วนมากนิยมเป็นต้นโมกเพราะเป็นต้นไม้มงคล) พวงหรีดนาฬิกา และพวงหรีดหนังสือ เป็นต้น โดยจุดประสงค์ของพวงหรีดชนิดใหม่ ๆ เกิดขึ้นมาเพราะ สมัยก่อนคนนิยมสั่งพวงหรีดดอกไม้สด โดยเฉพาะงานศพของผู้มีชื่อเสียง เป็นที่รู้จัก ก็มักจะได้พวงหรีดมาก บางครั้งก็เต็มจนล้นศาลาวัด ทำให้บางครั้งเป็นภาระของทางวัดที่ต้องเป็นผู้จัดการพวงหรีดที่ใช้แล้ว จึงมีคนเสนอให้มีการใช้พวงหรีดชนิดใหม่ ๆ เช่น พวงหรีดผ้า พวงหรีดพัดลม ซึ่งเมื่อใช้แล้วก็เหมือนเราบริจาคผ้าหรือพัดลมให้วัด ทางวัดก็จะสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ต่อไป ไม่ต้องนำไปทิ้งเหมือนพวงหรีดดอกไม้สด หรือพวงหรีดที่เป็นต้นไม้ซึ่งโดยส่วนมากนิยมเป็นต้นโมก เพราะเป็นต้นไม้มงคล ทางวัดก็จะสามารถนำไปปลูกต่อไป ช่วยลดปัญหาโลกร้อนได้
ปัจจุบัน ดอกไม้สด 10 ชนิดที่นิยมนำมาจัดพวงหรีด ได้แก่ ดอกมัม, ดอกสแตติส, ดอกเยอบีร่า, ดอกกล้วยไม้, ดอกลิลลี่, ดอกคาร์เนชั่น, ดอกไฮเดรนเยีย, ดอกกุหลาบ, ดอกหน้าวัว และ ดอกแคสเปีย[3]
การสั่งพวงหรีดในยุคปัจจุบัน
ในสมัยก่อนหากคนต้องการจะไปงานศพ ก็มักจะไปสั่งพวงหรีดเอาที่ร้านพวงหรีดซึ่งโดยมากตั้งอยู่ตามข้างวัด โดยเฉพาะวัดดัง ๆ ซึ่งมีจัดงานศพบ่อย เป็นประจำ แต่เนื่องจากในปัจจุบันสภาพสังคมเปลี่ยนไป บางคนต้องทำงานจนดึกกว่าจะเลิกงานก็ไปสั่งพวงหรีดไม่ทันเพราะต้องเจอปัญหารถติดหลังเลิกงาน หรือบางบริษัทก็ต้องส่งพวงหรีดไปงานศพของญาติลูกน้องแต่ไม่มีเวลาไปร้านพวงหรีดเนื่องจากไม่ได้ไปงานศพเองหรืองานศพจัดที่ต่างจังหวัด เป็นต้น ทำให้ปัจจุบันมีการสั่งพวงหรีดออนไลน์เกิดขึ้น [4] ตามยุคสมัยที่เทคโนโลยีมีความก้าวหน้าและเจริญขึ้น ซึ่งก็ได้รับความนิยมและสามารถอำนวยความสะดวกได้อย่างมาก
ติดต่อสอบถาม
42
« เมื่อ: กรกฎาคม 30, 2022, 09:10:11 AM »
หรีด (อังกฤษ: wreath) เป็นดอกไม้ที่จัดแต่งขึ้นตามโครงรูปต่าง ๆ เช่น วงกลม วงรี มักมีใบไม้เป็นส่วนประกอบด้วย ใช้เพื่อวัตถุประสงค์หลายประการ เช่น เคารพศพ ประดับตกแต่ง หรือทำเป็นมงคล (เครื่องสวมศีรษะ)
ต้นกำเนิด
หรีดทองใช้เป็นมงคล (เครื่องสวมศีรษะ) อายุราวกลางปีที่ 400 ก่อนคริสตกาล
พวงหรีดมีต้นกำเนิดตั้งแต่สมัยอารยธรรมอีทรัสคันในแถบทวีปยุโรปตอนใต้[1] จากการพบมงกุฎทองสำหรับนักรบเมื่อเวลาออกรบเพื่อเป็นเกียรติยศโดยแกะเป็นลายใบไม้และดอกไม้ อายุราว 400 ปีก่อนคริสตกาล ในยุคโรมันโบราณมีการใช้หรีดมาประดับศีรษะ โดยเรียกว่า ลอเรลหรีธ (laurel wreath) โดยใช้ใบไม้สานกัน
ในประเทศไทย
อารยธรรมตะวันตกเริ่มแพร่หลายอย่างมากในยุคล่าอาณานิคม หรือในสมัยรัชกาลที่ 5 ซึ่งมีการรับเอาอารยธรรมตะวันตกหลายอย่างเข้ามาในประเทศไทย โดยปรากฏหลักฐานภาพถ่ายการนำดอกไม้หลากหลายชนิดมาตกแต่งเป็นพวงกลมคล้ายพวงหรีดครั้งแรก ในพระเมรุของสมเด็จพระปิยมาวดีศรีพัชรินทรมาตา หรือ เจ้าจอมมารดาเปี่ยม พระสนมเอกในรัชกาลที่ 4 ในพ.ศ. 2447 ด้วยเหตุนี้เองทำให้คาดการณ์ได้ว่าพวงหรีดได้ถูกนำเข้ามาในประเทศไทยและใช้เป็นสื่อแทนความโศกเศร้าตั้งแต่สมัยนั้น[2]
ชนิดของพวงหรีด
ในปัจจุบันพวงหรีดนอกจากพวงหรีดที่ทำมาจากดอกไม้สดแล้ว ยังมีพวงหรีดแบบใหม่ ๆ เกิดขึ้นมาอีกหลายชนิด เช่น พวงหรีดดอกไม้สด พวงหรีดดอกไม้แห้งหรือดอกไม้ประดิษฐ์ พวงหรีดผ้าชนิดต่าง ๆ พวงหรีดพัดลม พวงหรีดต้นไม้ (ส่วนมากนิยมเป็นต้นโมกเพราะเป็นต้นไม้มงคล) พวงหรีดนาฬิกา และพวงหรีดหนังสือ เป็นต้น โดยจุดประสงค์ของพวงหรีดชนิดใหม่ ๆ เกิดขึ้นมาเพราะ สมัยก่อนคนนิยมสั่งพวงหรีดดอกไม้สด โดยเฉพาะงานศพของผู้มีชื่อเสียง เป็นที่รู้จัก ก็มักจะได้พวงหรีดมาก บางครั้งก็เต็มจนล้นศาลาวัด ทำให้บางครั้งเป็นภาระของทางวัดที่ต้องเป็นผู้จัดการพวงหรีดที่ใช้แล้ว จึงมีคนเสนอให้มีการใช้พวงหรีดชนิดใหม่ ๆ เช่น พวงหรีดผ้า พวงหรีดพัดลม ซึ่งเมื่อใช้แล้วก็เหมือนเราบริจาคผ้าหรือพัดลมให้วัด ทางวัดก็จะสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ต่อไป ไม่ต้องนำไปทิ้งเหมือนพวงหรีดดอกไม้สด หรือพวงหรีดที่เป็นต้นไม้ซึ่งโดยส่วนมากนิยมเป็นต้นโมก เพราะเป็นต้นไม้มงคล ทางวัดก็จะสามารถนำไปปลูกต่อไป ช่วยลดปัญหาโลกร้อนได้
ปัจจุบัน ดอกไม้สด 10 ชนิดที่นิยมนำมาจัดพวงหรีด ได้แก่ ดอกมัม, ดอกสแตติส, ดอกเยอบีร่า, ดอกกล้วยไม้, ดอกลิลลี่, ดอกคาร์เนชั่น, ดอกไฮเดรนเยีย, ดอกกุหลาบ, ดอกหน้าวัว และ ดอกแคสเปีย[3]
การสั่งพวงหรีดในยุคปัจจุบัน
ในสมัยก่อนหากคนต้องการจะไปงานศพ ก็มักจะไปสั่งพวงหรีดเอาที่ร้านพวงหรีดซึ่งโดยมากตั้งอยู่ตามข้างวัด โดยเฉพาะวัดดัง ๆ ซึ่งมีจัดงานศพบ่อย เป็นประจำ แต่เนื่องจากในปัจจุบันสภาพสังคมเปลี่ยนไป บางคนต้องทำงานจนดึกกว่าจะเลิกงานก็ไปสั่งพวงหรีดไม่ทันเพราะต้องเจอปัญหารถติดหลังเลิกงาน หรือบางบริษัทก็ต้องส่งพวงหรีดไปงานศพของญาติลูกน้องแต่ไม่มีเวลาไปร้านพวงหรีดเนื่องจากไม่ได้ไปงานศพเองหรืองานศพจัดที่ต่างจังหวัด เป็นต้น ทำให้ปัจจุบันมีการสั่งพวงหรีดออนไลน์เกิดขึ้น [4] ตามยุคสมัยที่เทคโนโลยีมีความก้าวหน้าและเจริญขึ้น ซึ่งก็ได้รับความนิยมและสามารถอำนวยความสะดวกได้อย่างมาก
จุดเริ่มต้นของพวงหรีด
พวงหรีดนั้นมีต้นกำเนินในแถบทวีปยุโรปตอนใต้ตั้งแต่สมัยอารยธรรมอีทรัส โดยเริ่มจากการค้นพบมงกุฎทองสำหรับสวมใส่ของนักรบเวลาออกรบเพื่อแสดงถึงเกียรติยศ โดยลวดลายส่วนใหญ่จะเป็นลายใบไม้และดอกไม้ ต่อมาในยุคโรมันก็ได้มีการนำหรีดมาประดับบนศีรษะ ซึ่งถูกเรียกว่า ลอเรลฟรีธ (laurel wreath) เป็นการนำใบไม้มาสานกัน
พวงหรีดเข้ามาในประเทศไทยได้อย่างไร
สำหรับการเข้ามาของพวงหรีดในประเทศไทยนั้นเริ่มขึ้นเมื่อสมัยรัชกาลที่ 5 นั่นเอง ซึ่งในยุคนั้นเป็นยุคที่อารยธรรมตะวันตกเริ่มแพร่หลายเนื่องจากเป็นยุคล่าอาณานิคม แน่นอนว่าพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ของเราได้เปิดรับอารยธรรมนี้เข้ามาในประเทศไทยเป็นครั้งแรก โดยหลักฐานที่ปรากฎให้ได้ทราบกันคือภาพถ่ายดอกไม้หลากหลายชนิดมาตกแต่งเป็นพวงกลมๆ คล้ายพวงหรีดในพระเมรุของสมเด็จพระปิยมาวดีศรีพัชรินทรมาตา หรือ เจ้าจอมมารดาเปี่ยม พระสนมเอกในรัชกาลที่ 4 เมื่อพ.ศ. 2447 นั่นเอง จึงทำให้คาดการณ์ได้ว่าพวงหรีดได้เข้ามาสู่ประเทศไทยแล้ว ซึ่งมีการเริ่มใช้พวงหรีดในงานศพของเหล่าชนชั้นสูง จากนั้นชนชั้นกลางและชนชั้นล่างก็เริ่มที่จะใช้พวงหรีดกันในงานศพเรื่อยมา
ความเชื่อเกี่ยวกับพวงหรีด
หากพูดถึงความเชื่อเกี่ยวกับพวงหรีดในประเทศไทยแล้ว คงเลี่ยงไม่ได้ที่จะพูดถึง การห้ามนำพวงหรีดเข้ามาในบ้านนั่นเอง เรียกว่าเป็นความเชื่อที่ผู้หลักผู้ใหญ่หลายคนให้ความสำคัญอย่างมาก เนื่องจากประเทศไทยนั้นใช้พวงหรีดในการแสดงถึงความโศกเศร้าและมอบให้กับผู้ที่ล่วงลับเพื่อแสดงความเคารพ เพราะฉะนั้นผู้หลักผู้ใหญ่จึงมักจะถือกันว่าไม่ควรนำเข้าบ้านมา ไม่อย่างนั้นจะเกิดเรื่องร้ายๆ ขึ้น
พวงหรีดชนิดต่างๆ
พวงหรีดที่เรามักจะเห็นกันนั้นจะเป็นพวงหรีดดอกไม้สดสีต่างๆ ที่ถูกจัดเรียงเป็นวงกลมอย่างสวยงามและถูกนำมาติดตั้งไว้ภายในและภายนอกของงานศพ หากแต่วัดนั้นไม่สามารถที่จะกำจัดพวงหรีดหลังจบงานให้หมดไปได้ บางวัดก็มีพวงหรีดล้นจนก่อให้เกิดปัญหา ทั้งนี้ร้านค้าพวงหรีดต่างๆ จึงเริ่มที่จะประยุกต์และผลิตพวงหรีดชนิดอื่นๆ นอกจากพวงหรีดดอกไม้กันนั่นเอง ตัวอย่างเช่น พวงหรีดผ้าแพร พวงหรีดนาฬิกา หรือที่นิยมกันในสมัยนี้มากขึ้นก็คือพวงหรีดพัดลมนั่นเอง
สำหรับพวงหรีดพัดลมนั้นเรียกได้ว่าเหมือนเป็นการทำบุญก็ว่าได้ เพราะนอกจากเราจะได้แสดงความเคารพต่อศพตามธรรมเนียมแล้ว เมื่อจบงานทางวัดยังสามารถนำพัดลมไปใช้งานต่อได้อีกด้วย อย่างเช่นร้าน บุญมาพวงหรีดพัดลม ก็เป็นร้านพวงหรีดพัดลมที่นำพัดลมคุณภาพดีอย่างแบรนด์ฮาตาริมาประดับด้วยดอกไม้สวยงาม ซึ่งทางร้านจะนำรายได้ส่วนหนึ่งมาทำประโยชน์ต่อสังคมอีกด้วย เรียกว่าเป็นร้านที่น่าสนใจร้านหนึ่งเลยทีเดียว
ติดต่อสอบถาม
43
« เมื่อ: กรกฎาคม 30, 2022, 09:09:07 AM »
ทำไมงานศพถึงต้องใช้พวงหรีด
ทำไมงานศพถึงต้องใช้พวงหรีด บางคนคงคิดว่าทำไม ? เพราะอะไร ? ทำไมต้องพวงหรีด ? พวงหรีดสำคัญอย่างไร ? ก็อาจจะเป็นคำถามของใครบางคนที่อาจสงสัยในเรื่องของพวงหรีด ร้านดอกไม้ ผกาฟลอริส Pakaflorist ขอเสนอ พวงหรีดดอกไม้สด พวงหรีด พวงมาลา พวงมาลาดอกไม้สด พวงหรีดวงรี ที่มีความสวยงาม ดูดี และ พวงหรีดดอกไม้สด พวงหรีด พวงมาลา พวงมาลาดอกไม้สด หรูหราเหมาะสมแก่การไว้อาลัย เราออกแบบการจัด พวงหรีดดอกไม้สด พวงหรีด พวงมาลา พวงมาลาดอกไม้สด พวงหรีดวงรี ใหม่ ๆ ให้เข้ากับยุคสมัยอยู่ตลอดเวลา เพราะการจัดดอกไม้คือศิลปะ คือการสื่อสารโดยการนำดอกไม้มาจัดให้สวยงาม รวมถึงการออกแบบการจัดวางดอกไม้ ทำให้เกิดเป็นการสื่อภาษาใหม่อีกรูปแบบหนึ่ง วันนี้ร้านดอกไม้ผกาฟลอริสจะมาบอกเล่าให้ฟัง และอยากให้ทราบถึงคุณค่าของพวงหรีดจะเป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้ผู้ให้ ผู้รับ และผู้ส่งมีความรู้สึกประทับใจค่ะ
พวงหรีดคืออะไร ?
พวงหรีดคือสิ่งของที่ไม่ว่าจะทำด้วยดอกไม้สดหรือสิ่งของเครื่องใช้ เช่น พวงหรีดที่ทำขึ้นจาก ผ้า พัดลม ฯลฯ ที่ผู้ส่งมีความประสงค์ที่อยากจะส่งให้กับครอบครัวของผู้วายชนม์เพื่อแสดงความไว้อาลัย ความคิดถึง และแสดงความเคารพต่อผู้วายชนม์ พวงหรีดจึงเป็นที่นิยมส่งกันในศาสนาพุทธและศาสนาคริสต์
ทำไมเราต้องส่งพวงหรีด
การที่เราส่งพวงหรีดดอกไม้สด หรือ พวงมาลานั้น เป็นการแสดงความไว้อาลัยและแสดงความเสียใจต่อคนที่จากไป นอกจากการไปร่วมพิธีการไว้อาลัยและพูดคุยแสดงความเสียใจ ทางร้านดอกไม้ผกาฟลอริส Pakaflorist จึงมีจุดประสงค์และพันธมิตรในการช่วยและเชื่อมต่อผู้ที่ต้องการร่วมไว้อาลัยกับครอบครัวผู้วายชนม์ ในการแสดงความรู้สึกเสียใจและยังช่วยให้คนที่กำลังเสียใจรู้สึกลดลงได้ไม่มากก็น้อย
ความรู้สึกของผู้ส่งพวงหรีด
เพื่อน ๆ คงเคยส่งพวงหรีดดอกไม้สด พวงมาลา คงเข้าใจความรู้สึกที่เราได้แสดงความรู้สึกความอาลัยไปยังครอบครัวของผู้ที่เสียชีวิต การที่เราได้ทราบข่าวของการสูญเสียของบุคคลที่เราเคารพรัก และเมื่อเราทราบข่าวเราก็ต้องส่งพวงหรีดดอกไม้สดหรือพวงมาลา เพื่อพวงหรีดดอกไม้สดหรือพวงมาลา ซึ่งเป็นสิ่งที่เราจะได้มีโอกาสในการแสดงความรู้สึกไปยังครอบครัวของเขา
ความรู้สึกของผู้รับพวงหรีด
ความรู้สึกนี้คงเป็นไปได้ยาก ถ้าไม่เกิดขึ้นกับตัวเราเอง ในการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก ไม่ว่าจะครอบครัวไหนก็ตาม ถ้าใครเป็นคนนั้นคงไม่ทราบหรอกว่าพวงหรีดคืออะไร หรือไม่คิดว่าครอบครัวเราจะมีคนส่งพวงหรีดดอกไม้สดหรือพวงมาลา มาให้ จนได้รับพวงหรีดดอกไม้สด หรือ พวงมาลา จากคนรู้จักที่สนิท และ คนที่ห่างไกลกันที่เขายังนึกถึงเรา เมื่อพวงหรีดดอกไม้สดหรือพวงมาลา แขวนเรียงรายมากมายอยู่ในศาลาไม่ว่าใครก็ตามก็ต้องรู้สึกตื้นตันแทนผู้วายชนม์ที่มีคนเคารพรักมากขนาดนี้ เป็นความรู้สึกยากที่จะอธิบายถ้าสิ่งนั้นไม่ได้เกิดขึ้นกับตัวเราเอง
พวงหรีด พวงมาลา นั้นจึงมีความสำคัญต่อการแสดงความอาลัย ทั้งในฐานะผู้ให้และฐานะผู้รับ วันนี้เราขออนุญาติมาแนะนำ พวงหรีดพวงมาลา พวงมาลาดอกไม้สด ที่นิยมสั่งกันมากที่สุดมีแบบไหนบ้าง ตามมาดูกันเลย
1. ชื่อพวงหรีด : พวงหรีดดอกไม้สด ศศิมาลัย 9
รหัสพวงหรีด : PKLW009
ประเภทพวงหรีด : พวงหรีดดอกไม้สด
ลักษณะพวงหรีด : พวงหรีดดอกไม้สดเป็นแบบทรงรี พวงหรีดดอกไม้สด มีโทนสีที่ดูเป็นธรรมชาติคือสีขาว ดูอบอุ่น สวยงาม หรูหราขึ้นมาทันใด ทำให้พวงมาลาดูมีเอกลักษณ์และยังมีความโดดเด่นอีกด้วย พวงหรีดดอกไม้สด ยังเพิ่มความสดชื่นให้แก่ผู้ที่มองอีกด้วยพวงหรีดดอกไม้สดถ้าเจ้าภาพเห็นต้องปลื้มใจเป็นอย่างยิ่ง พวงหรีดดอกไม้สดพวงนี้มองดูเรียบ ๆ แต่แฝงไปด้วยใจที่อาลัยแด่ผู้ที่จากไป
ดอกไม้ที่ใช้จัดพวงหรีด : ดอกเบญจมาศ หรือดอกมัม , ดอกกุหลาบ , ดอกลิลลี่
2. ชื่อพวงหรีด : พวงหรีดดอกไม้สด พวงมาลา 12
รหัสพวงหรีด : PKSW012
ประเภทพวงหรีด : พวงหรีดดอกไม้สด
ลักษณะพวงหรีด : พวงหรีดดอกไม้สดเป็นแบบทรงกลม พวงหรีดดอกไม้สด มีโทนสีที่ดูเป็นธรรมชาติคือสีขาว และสีม่วง ดูสวยงาม หรูหราขึ้นมาทันใด ทำให้พวงมาลาดูมีเอกลักษณ์และยังมีความโดดเด่นอีกด้วย พวงหรีดดอกไม้สด ยังเพิ่มความสดชื่นให้แก่ผู้ที่มองอีกด้วยพวงหรีดดอกไม้สดถ้าเจ้าภาพเห็นต้องปลื้มใจเป็นอย่างยิ่ง พวงหรีดดอกไม้สดพวงนี้มองดูเรียบ ๆ แต่แฝงไปด้วยใจที่อาลัยแด่ผู้ที่จากไป
ดอกไม้ที่ใช้จัดพวงหรีด : ดอกเบญจมาศ หรือดอกมัม , ดอกกล้วยไม้
3. ชื่อพวงหรีด : พวงหรีดดอกไม้สด ศศิมาลัย 11
รหัสพวงหรีด : PKLW011
ประเภทพวงหรีด : พวงหรีดดอกไม้สด
ลักษณะพวงหรีด : พวงหรีดดอกไม้สดเป็นแบบทรงรี พวงหรีดดอกไม้สด มีโทนสีที่ดูเป็นธรรมชาติคือสีชมพู ดูสดใส สวยงาม แต่หรูหรา ทำให้พวงมาลาดูมีเอกลักษณ์และยังมีความโดดเด่นอีกด้วย พวงหรีดดอกไม้สด ยังเพิ่มความสดชื่นให้แก่ผู้ที่มองอีกด้วยพวงหรีดดอกไม้สดถ้าเจ้าภาพเห็นต้องปลื้มใจเป็นอย่างยิ่ง พวงหรีดดอกไม้สดพวงนี้มองดูเรียบ ๆ แต่แฝงไปด้วยใจที่อาลัยแด่ผู้ที่จากไป
ดอกไม้ที่ใช้จัดพวงหรีด : ดอกคาร์เนชั่น , ดอกกุหลาบ , ดอกเบญจมาศ , ดอกลิลลี่
4. ชื่อพวงหรีด : พวงหรีดดอกไม้สด พวงอัปสร 5
รหัสพวงหรีด : PKAS005
ประเภทพวงหรีด : พวงหรีดดอกไม้สด
ลักษณะพวงหรีด : พวงหรีดดอกไม้สดเป็นแบบทรงกลม พวงหรีดดอกไม้สดแนววินเทจสีสันสดใส เหมือนนำสวนดอกไม้มาวางไว้ทั้งสวน และพวงหรีดดอกไม้สดยังมอบความสดชื่น สบายตาแก่ผู้ร่วมงานศพอีกด้วย ยังคลายความเศร้าได้ไม่มากก็น้อย พวงหรีดดอกไม้สดนี้จึงเหมาะที่สุด รับรองเจ้าภาพประทับใจสุด ๆ
ดอกไม้ที่ใช้จัดพวงหรีด : ดอกไลเซนทัส , ดอกลิลลี่ , ดอกคาร์เนชั่น , ดอกเบญจมาศ หรือดอกมัม
5. ชื่อพวงหรีด : พวงหรีดดอกไม้สด ศศิมาลัย 6
รหัสพวงหรีด : PKLW006
ประเภทพวงหรีด : พวงหรีดดอกไม้สด
ลักษณะพวงหรีด : พวงหรีดดอกไม้สดเป็นแบบทรงรี พวงหรีดดอกไม้สด มีโทนสีที่ดูเป็นธรรมชาติคือสีขาว และสีชมพู ดูอบอุ่น สวยงาม หรูหราขึ้นมาทันใด ทำให้พวงมาลาดูมีเอกลักษณ์และยังมีความโดดเด่นอีกด้วย พวงหรีดดอกไม้สด ยังเพิ่มความสดชื่นให้แก่ผู้ที่มองอีกด้วยพวงหรีดดอกไม้สดถ้าเจ้าภาพเห็นต้องปลื้มใจเป็นอย่างยิ่ง พวงหรีดดอกไม้สดพวงนี้มองดูเรียบ ๆ แต่แฝงไปด้วยใจที่อาลัยแด่ผู้ที่จากไป
ดอกไม้ที่ใช้จัดพวงหรีด : ดอกเบญจมาศ หรือดอกมัม , ดอกกุหลาบ , ดอกไลเซนทัส
6. ชื่อพวงหรีด : พวงหรีดดอกไม้สด พวงอัปสร 3
รหัสพวงหรีด : PKAS003
ประเภทพวงหรีด : พวงหรีดดอกไม้สด
ลักษณะพวงหรีด : พวงหรีดดอกไม้สดเป็นแบบทรงกลม พวงหรีดดอกไม้สดแนววินเทจสีสันสดใส เหมือนนำสวนดอกไม้มาวางไว้ทั้งสวน และยังมอบความสดชื่น สบายตาแก่ผู้ร่วมงานศพอีกด้วย ยังคลายความเศร้าได้ไม่มากก็น้อย พวงหรีดดอกไม้นี้จึงเหมาะที่สุด รับรองเจ้าภาพประทับใจสุด ๆ
ดอกไม้ที่ใช้จัดพวงหรีด : ดอกกล้วยไม้ , ดอกลิลลี่ , ดอกคาร์เนชั่น , ดอกเบญจมาศ หรือดอกมัม , ดอกเยอบีร่า
พวงมาลา พวงหรีดดอกไม้สด พวงมาลา พวงมาลาดอกไม้ ที่เราแนะนำจะมีการจัดเป็นรูปวงรี ซึ่งปัจจุบันนี้การจัดพวงหรีดดอกไม้ สามารถจัดได้หลากหลาย ขึ้นอยู่กับความต้องการของลูกค้า ที่จะนำไปแสดงความอาลัยให้กับผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว โดยทางร้านของเราเป็นผู้เชี่ยวชาญในการจัดพวงหรีดดอกไม้สด พวงมาลา พวงมาลาดอกไม้สด จัดช่อดอกไม้ แจกันดอกไม้ กระเช้าดอกไม้ ด้วยช่างปักดอกไม้ที่มีฝีมือในปักพวงหรีดดอกไม้สด พวงมาลา พวงมาลาดอกไม้ ให้ออกมาสวยงามตามที่ลูกค้าต้องการ ช่อดอกไม้ แจกันดอกไม้ กระเช้าดอกไม้ มานาน เราสามารถจัดดอกไม้ จัดช่อดอกไม้ แจกันดอกไม้ และกระเช้าดอกไม้ได้หลากหลายสไตล์ ทุกรูปแบบที่คุณลูกค้าต้องการ พร้อมมีบริการจัดส่งดอกไม้จากร้านดอกไม้ปากคลองตลาดใหม่ให้กับคุณ
ติดต่อสอบถาม
45
« เมื่อ: กรกฎาคม 30, 2022, 09:07:34 AM »
เจาะลึกประวัติของพวงหรีด
เจาะลึกประวัติการกำเนิดของพวงหรีด โดย บุญมา พวงหรีด
เมื่อพูดถึงพวงหรีดแล้ว เราก็มักจะนึกถึงงานศพกันอย่างแน่นอน แต่เพื่อนๆ รู้กันหรือไม่ว่าที่จริงแล้วพวงหรีดนั้นมีหลายประเภทด้วยกัน อีกทั้งพวงหรีดยังไม่ได้กำเนิดที่ประเทศไทยอีกด้วย ว่าแล้วเราก็จะมาพาเพื่อนๆ มารู้จักกับพวงหรีดกันอย่างลึกซึ้งกันนะ
จุดเริ่มต้นของพวงหรีด
พวงหรีดนั้นมีต้นกำเนินในแถบทวีปยุโรปตอนใต้ตั้งแต่สมัยอารยธรรมอีทรัส โดยเริ่มจากการค้นพบมงกุฎทองสำหรับสวมใส่ของนักรบเวลาออกรบเพื่อแสดงถึงเกียรติยศ โดยลวดลายส่วนใหญ่จะเป็นลายใบไม้และดอกไม้ ต่อมาในยุคโรมันก็ได้มีการนำหรีดมาประดับบนศีรษะ ซึ่งถูกเรียกว่า ลอเรลฟรีธ (laurel wreath) เป็นการนำใบไม้มาสานกัน
พวงหรีดเข้ามาในประเทศไทยได้อย่างไร
สำหรับการเข้ามาของพวงหรีดในประเทศไทยนั้นเริ่มขึ้นเมื่อสมัยรัชกาลที่ 5 นั่นเอง ซึ่งในยุคนั้นเป็นยุคที่อารยธรรมตะวันตกเริ่มแพร่หลายเนื่องจากเป็นยุคล่าอาณานิคม แน่นอนว่าพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ของเราได้เปิดรับอารยธรรมนี้เข้ามาในประเทศไทยเป็นครั้งแรก โดยหลักฐานที่ปรากฎให้ได้ทราบกันคือภาพถ่ายดอกไม้หลากหลายชนิดมาตกแต่งเป็นพวงกลมๆ คล้ายพวงหรีดในพระเมรุของสมเด็จพระปิยมาวดีศรีพัชรินทรมาตา หรือ เจ้าจอมมารดาเปี่ยม พระสนมเอกในรัชกาลที่ 4 เมื่อพ.ศ. 2447 นั่นเอง จึงทำให้คาดการณ์ได้ว่าพวงหรีดได้เข้ามาสู่ประเทศไทยแล้ว ซึ่งมีการเริ่มใช้พวงหรีดในงานศพของเหล่าชนชั้นสูง จากนั้นชนชั้นกลางและชนชั้นล่างก็เริ่มที่จะใช้พวงหรีดกันในงานศพเรื่อยมา
ความเชื่อเกี่ยวกับพวงหรีด
หากพูดถึงความเชื่อเกี่ยวกับพวงหรีดในประเทศไทยแล้ว คงเลี่ยงไม่ได้ที่จะพูดถึง การห้ามนำพวงหรีดเข้ามาในบ้านนั่นเอง เรียกว่าเป็นความเชื่อที่ผู้หลักผู้ใหญ่หลายคนให้ความสำคัญอย่างมาก เนื่องจากประเทศไทยนั้นใช้พวงหรีดในการแสดงถึงความโศกเศร้าและมอบให้กับผู้ที่ล่วงลับเพื่อแสดงความเคารพ เพราะฉะนั้นผู้หลักผู้ใหญ่จึงมักจะถือกันว่าไม่ควรนำเข้าบ้านมา ไม่อย่างนั้นจะเกิดเรื่องร้ายๆ ขึ้น
พวงหรีดชนิดต่างๆ
พวงหรีดที่เรามักจะเห็นกันนั้นจะเป็นพวงหรีดดอกไม้สดสีต่างๆ ที่ถูกจัดเรียงเป็นวงกลมอย่างสวยงามและถูกนำมาติดตั้งไว้ภายในและภายนอกของงานศพ หากแต่วัดนั้นไม่สามารถที่จะกำจัดพวงหรีดหลังจบงานให้หมดไปได้ บางวัดก็มีพวงหรีดล้นจนก่อให้เกิดปัญหา ทั้งนี้ร้านค้าพวงหรีดต่างๆ จึงเริ่มที่จะประยุกต์และผลิตพวงหรีดชนิดอื่นๆ นอกจากพวงหรีดดอกไม้กันนั่นเอง ตัวอย่างเช่น พวงหรีดผ้าแพร พวงหรีดนาฬิกา หรือที่นิยมกันในสมัยนี้มากขึ้นก็คือพวงหรีดพัดลมนั่นเอง
สำหรับพวงหรีดพัดลมนั้นเรียกได้ว่าเหมือนเป็นการทำบุญก็ว่าได้ เพราะนอกจากเราจะได้แสดงความเคารพต่อศพตามธรรมเนียมแล้ว เมื่อจบงานทางวัดยังสามารถนำพัดลมไปใช้งานต่อได้อีกด้วย อย่างเช่นร้าน บุญมาพวงหรีดพัดลม ก็เป็นร้านพวงหรีดพัดลมที่นำพัดลมคุณภาพดีอย่างแบรนด์ฮาตาริมาประดับด้วยดอกไม้สวยงาม ซึ่งทางร้านจะนำรายได้ส่วนหนึ่งมาทำประโยชน์ต่อสังคมอีกด้วย เรียกว่าเป็นร้านที่น่าสนใจร้านหนึ่งเลยทีเดียว
เจาะลึกประวัติของพวงหรีด
เจาะลึกประวัติการกำเนิดของพวงหรีด โดย บุญมา พวงหรีด
เมื่อพูดถึงพวงหรีดแล้ว เราก็มักจะนึกถึงงานศพกันอย่างแน่นอน แต่เพื่อนๆ รู้กันหรือไม่ว่าที่จริงแล้วพวงหรีดนั้นมีหลายประเภทด้วยกัน อีกทั้งพวงหรีดยังไม่ได้กำเนิดที่ประเทศไทยอีกด้วย ว่าแล้วเราก็จะมาพาเพื่อนๆ มารู้จักกับพวงหรีดกันอย่างลึกซึ้งกันนะ
จุดเริ่มต้นของพวงหรีด
พวงหรีดนั้นมีต้นกำเนินในแถบทวีปยุโรปตอนใต้ตั้งแต่สมัยอารยธรรมอีทรัส โดยเริ่มจากการค้นพบมงกุฎทองสำหรับสวมใส่ของนักรบเวลาออกรบเพื่อแสดงถึงเกียรติยศ โดยลวดลายส่วนใหญ่จะเป็นลายใบไม้และดอกไม้ ต่อมาในยุคโรมันก็ได้มีการนำหรีดมาประดับบนศีรษะ ซึ่งถูกเรียกว่า ลอเรลฟรีธ (laurel wreath) เป็นการนำใบไม้มาสานกัน
พวงหรีดเข้ามาในประเทศไทยได้อย่างไร
สำหรับการเข้ามาของพวงหรีดในประเทศไทยนั้นเริ่มขึ้นเมื่อสมัยรัชกาลที่ 5 นั่นเอง ซึ่งในยุคนั้นเป็นยุคที่อารยธรรมตะวันตกเริ่มแพร่หลายเนื่องจากเป็นยุคล่าอาณานิคม แน่นอนว่าพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ของเราได้เปิดรับอารยธรรมนี้เข้ามาในประเทศไทยเป็นครั้งแรก โดยหลักฐานที่ปรากฎให้ได้ทราบกันคือภาพถ่ายดอกไม้หลากหลายชนิดมาตกแต่งเป็นพวงกลมๆ คล้ายพวงหรีดในพระเมรุของสมเด็จพระปิยมาวดีศรีพัชรินทรมาตา หรือ เจ้าจอมมารดาเปี่ยม พระสนมเอกในรัชกาลที่ 4 เมื่อพ.ศ. 2447 นั่นเอง จึงทำให้คาดการณ์ได้ว่าพวงหรีดได้เข้ามาสู่ประเทศไทยแล้ว ซึ่งมีการเริ่มใช้พวงหรีดในงานศพของเหล่าชนชั้นสูง จากนั้นชนชั้นกลางและชนชั้นล่างก็เริ่มที่จะใช้พวงหรีดกันในงานศพเรื่อยมา
ความเชื่อเกี่ยวกับพวงหรีด
หากพูดถึงความเชื่อเกี่ยวกับพวงหรีดในประเทศไทยแล้ว คงเลี่ยงไม่ได้ที่จะพูดถึง การห้ามนำพวงหรีดเข้ามาในบ้านนั่นเอง เรียกว่าเป็นความเชื่อที่ผู้หลักผู้ใหญ่หลายคนให้ความสำคัญอย่างมาก เนื่องจากประเทศไทยนั้นใช้พวงหรีดในการแสดงถึงความโศกเศร้าและมอบให้กับผู้ที่ล่วงลับเพื่อแสดงความเคารพ เพราะฉะนั้นผู้หลักผู้ใหญ่จึงมักจะถือกันว่าไม่ควรนำเข้าบ้านมา ไม่อย่างนั้นจะเกิดเรื่องร้ายๆ ขึ้น
พวงหรีดชนิดต่างๆ
พวงหรีดที่เรามักจะเห็นกันนั้นจะเป็นพวงหรีดดอกไม้สดสีต่างๆ ที่ถูกจัดเรียงเป็นวงกลมอย่างสวยงามและถูกนำมาติดตั้งไว้ภายในและภายนอกของงานศพ หากแต่วัดนั้นไม่สามารถที่จะกำจัดพวงหรีดหลังจบงานให้หมดไปได้ บางวัดก็มีพวงหรีดล้นจนก่อให้เกิดปัญหา ทั้งนี้ร้านค้าพวงหรีดต่างๆ จึงเริ่มที่จะประยุกต์และผลิตพวงหรีดชนิดอื่นๆ นอกจากพวงหรีดดอกไม้กันนั่นเอง ตัวอย่างเช่น พวงหรีดผ้าแพร พวงหรีดนาฬิกา หรือที่นิยมกันในสมัยนี้มากขึ้นก็คือพวงหรีดพัดลมนั่นเอง
สำหรับพวงหรีดพัดลมนั้นเรียกได้ว่าเหมือนเป็นการทำบุญก็ว่าได้ เพราะนอกจากเราจะได้แสดงความเคารพต่อศพตามธรรมเนียมแล้ว เมื่อจบงานทางวัดยังสามารถนำพัดลมไปใช้งานต่อได้อีกด้วย อย่างเช่นร้าน บุญมาพวงหรีดพัดลม ก็เป็นร้านพวงหรีดพัดลมที่นำพัดลมคุณภาพดีอย่างแบรนด์ฮาตาริมาประดับด้วยดอกไม้สวยงาม ซึ่งทางร้านจะนำรายได้ส่วนหนึ่งมาทำประโยชน์ต่อสังคมอีกด้วย เรียกว่าเป็นร้านที่น่าสนใจร้านหนึ่งเลยทีเดียว