สวัสดี

ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Topics - Admin

หน้า: 1 ... 5 6 [7] 8 9 ... 73
91
เทคนิคเปิดร้านหมูกระทะ (แบบไม่ต้องซื้อแฟรนไชส์)

ถ้าถามหาร้านยอดฮิตชนิดขวัญใจวัยรุ่น วัยเรียน ร้านที่เหมาะกับการเลี้ยงสังสรรค์หมู่ญาติพี่น้อง เพื่อนฝูง คำตอบส่วนใหญ่บอกว่าให้ไป “ ร้านหมูกระทะ ” หลายคนบอกว่าเปิดร้านหมูกระทะไม่ใช่เรื่องง่ายๆ กว่าที่ร้านหมูกระทะสักแห่งจะประสบความสำเร็จได้มีสูตรเด็ดเคล็ดลับที่ใครอยากลงทุนเปิดร้านควรศึกษาให้เข้าใจ

เปิดร้านหมูกระทะ 1 ร้านต้องเตรียมอุปกรณ์อะไรบ้าง

นิยามคำว่าร้านหมูกระทะ สิ่งที่ต้องเตรียมคือวัตถุดิบ เช่น เนื้อหมู เนื้อหมู หมูสามชั้น คอหมูหมักงา ไก่ ตับหมู เซี่ยงจี๊ ปลาหมึกสด ปลาหมึกหลอด ลูกชิ้นหมู ลูกชิ้นปลา ลูกชิ้นไก่ เนื้อปลาสด ฯลฯ ซึ่งต้นทุนของร้านหมูกระทะจะแปรผันกับขนาดของร้าน คำว่าร้านขนาดเล็กประมาณ 10 โต๊ะ , ร้านขนาดกลางประมาณ 20-30 โต๊ะ , ร้านขนาดใหญ่ประมาณ 30 โต๊ะขึ้นไป งบการลงทุนในส่วนของร้านแตกต่างกันไปตามการตกแต่ง

ทีนี้ลองมาดูอุปกรณ์เบื้องต้นและราคาอุปกรณ์ที่จำเป็นต้องมี เช่น
กระทะย่าง ราคาประมาณ 160 บาท/ใบ
เตาอั้งโล่หมูกระทะ ราคาประมาณ 210 บาท/ใบ
 ที่คีบถ่าน ราคาประมาณ 15 บาท/ชิ้น
ไม้คีบยกเตาถ่าน ราคาประมาณ 105 บาท/ชิ้น
ตะแกรงรองเตา ราคาประมาณ 65 บาท/ชิ้น โ
ต๊ะ เก้าอี้-เตา กระทะ (แบบสั่งทำ) ราคาตามแต่แบบที่ต้องการ
โต๊ะยาวตั้งอาหาร
จาน ช้อน ถ้วยน้ำจิ้ม
ตะกร้าใส่ผัก ถาดลึกใส่อาหาร
โถใส่น้ำจิ้ม ตะเกียบ
หม้อขนาดใหญ่สำหรับใส่น้ำจิ้ม และต้มน้ำซุป

เปิดร้านหมูกระทะ 1 ร้านลงทุนเท่าไหร่?
เราคำนวณจากการเปิดร้านขนาดเล็กไม่เกิน 10 โต๊ะคนสนใจลงทุนต้องเตรียมอุปกรณ์เบื้องต้นตามที่กล่าวไปซึ่งเงินทุนสำหรับค่าอุปกรณ์ประมาณ 30,000 – 40,000 บาท (ตามคุณภาพสินค้า) เป็นต้นทุนที่ยังไม่รวมค่าเช่า ค่าปลูกสร้างร้าน – ที่ดิน และควรมีทุนหมุนเวียนประมาณ 7,000 – 10,000 บาท/วัน โดยควรจะมีการจ้างแรงงานประมาณ 3 – 4 คนหากเป็นร้านขนาดเล็ก นอกจากนี้สิ่งสำคัญที่ต้องมีคือวัตถุดิบที่หลากหลายและวัตถุดิบนี่เองที่จะเป็นตัวแปรสำคัญของกำไรร้านหมูกระทะ ต้นทุนวัตถุดิบเฉลี่ยต่อวันในแต่ละร้านนั้นไม่เท่ากัน บางร้านมีวัตถุดิบเดิมเหลือมากก็ซื้อเติมน้อยต้นทุนในวันนั้นก็จะน้อย ซึ่งหลักการที่ทำให้ร้านหมูกระทะมีกำไรควรให้ต้นทุนอาหารควรอยู่ที่ 25-30% และต้นทุนด้านแรงงานควรอยู่ที่ 15-20% นอกจากนี้ยังมีเรื่องต้นทุนคงที่ได้แก่ ค่าเช่า เงินเดือนพนักงาน เฉลี่ยแล้วควรอยู่ที่ 15-20% รวมถึงต้นทุนผันแปร เช่นค่าแก๊ส ค่าน้ำ ค่าไฟ จิปาถะในแต่ละเดือนควรอยู่ที่ 10-15% ซึ่งร้านหมูกระทะหลายร้านนิยมให้บริการแบบ “บุฟเฟ่ต์” ก็ยิ่งต้องระวังเรื่อง “ต้นทุนอาหาร” และต้องควบคุมในเรื่องวัตถุดิบเหล่านี้ให้ดี เพราะคือตัวชี้วัดกำไรของร้านค้า และหากเป็นบุฟเฟ่ต์ก็ต้องมีเมนูอาหารที่หลากหลาย เช่น ข้าวผัด ส้มตำ ยำต่างๆ ฯลฯ ต้นทุนค่าอาหารในแต่ละวันก็จะสูงขึ้นได้อีกด้วย เราจึงควรคำนวณได้ว่าปริมาณลูกค้าในแต่ละวันที่แท้จริงของเราอยู่ที่เท่าไหร่จะได้ควบคุมต้นทุนวัตถุดิบได้อย่างมีคุณภาพ


สอบถาม ปรึกษา คลิกเลย /size]



92
หินเทียม ทำมาจากอะไร

ปัจจุบันวัสดุในการตกแต่งบ้านมีมากมาย เลือกกันไม่ถูกกันเลยทีเดียว เพราะไม่มีความรู้ในตัวผลิตภัณฑ์นั้นๆ มาคราวนี้ผมของพูดถึงวัสดุตัวนึงที่ใช้ตกแต่งผนัง

นั่นก็หินเทียม กันนะครับ

ชื่อมันก็บอกว่า หินเทียม แน่นอน มันไม่ใช่หินจากธรรมชาติแหงๆ วิธีการผลิตหินเทียม ก็แล้วแต่สูตรลับของแต่ละแบรนด์ แต่วัตถุดิบหลักในกระบวนการผลิตคือ ปูนขาว เม็ดหินภูเขาไฟ แม่สี และสารกันเชื้อรา ตะไคร่น้ำ

หินเทียมไฮคร๊าฟสโตนเป็นหินเทียมที่เลียนแบบหินธรรมชาติ ผลิตมาจากวัสดุธรรมชาติและองค์ประกอบจากเคมีบางส่วน มีทั้งสิ้น 88 รุ่น 500 เฉดสี โดยแต่ละเฉดสี สามารถแบ่งได้ตามรหัสขึ้นต้น CSI - ……. หินเทียมไฮคร๊าฟสโตนเหมาะสาหรับตกแต่งผนังและพื้น ใช้ได้กับงานภายในและภายนอกอาคาร โดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับปัญหา การกัดกร่อนตัวเองเหมือนหินธรรมชาติ และการเกิดเชื้อรา ตระไคร่น้า เพราะในส่วนผสมของหินเทียมไฮคร๊าฟสโตน ได้มีการคัดเลือกวัสดุเกรดเอ วัสดุหลักๆ อาทิเช่น

1.เม็ดหินภูเขาไฟ ที่จะทาให้หินเทียมไฮคร๊าฟสโตนมีน้าหนักเบากว่าหินธรรมชาติ 30-40% และยังมีส่วนช่วยในการป้องการการเกิดเชื้อราตระไคร้น้าได้อีกด้วย

2.แม่สี ที่ใช้เป็นส่วนผสมคือสี ไอออนออกไซด์พิกเม้นต์ (Oxide Pigment) เป็นสีที่มีความคงทน ผสมในชิ้นงานเป็นเนื้อเดียวกัน สามารถทาให้หินเทียมไฮคร๊าฟสโตนมีอายุการใช้งานได้มากกว่า 20 ปีขึ้นไป(ไม่เป็นอันตรายต่อผู้ใช้ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม)

3.สารกันน้า “Water Repellent” เป็นสารที่ช่วยป้องกันการเกิดปัญหาเกี่ยวกับ เชื้อรา ตระไคร่น้า โดยหินเทียมไฮคร๊าฟสโตนได้มีการใช้สารกันน้านี้ในตัวผลิตภัณฑ์และมีการทาเคลือบด้านนอกของตัวผลิตภัณฑ์ไว้ด้วย จึงทาให้ลดโอกาสการเกิดปัญหาได้มากยิ่งขึ้น

4.รูปแบบชิ้นงาน ที่มีความหลากหลาย ได้นาวิวัฒนาการจากอเมริกา ในการดีไซน์ชิ้นงานให้ มีลวดลายชิ้นงาน 100-1,000 ลาย ในแต่ละรุ่น ซึ่งจะสามารถสังเกตุได้ว่าผนังหินเทียมไฮคร๊าฟสโตน เมื่อปูโชว์แล้วนั้น แทบจะไม่เห็นชิ้นงานที่ซ้ากัน

5.ความสามารถในการผลิต ที่สามารถรองรับความต้องการของผู้บริโภคได้มากถึง 4,000-5,000 ตร.ม.ต่อเดือน และการเตรียมสต๊อกสินค้าเพื่อจัดส่งลูกค้าได้ทันที โดยสามารถจัดส่งทันทีที่มีการสั่งซื้อและหากมีการสั่งผลิตเพิ่มเติมโดยประมาณไม่เกิน2-3สัปดาห์หลังการสั่งซื้อ

หินเทียมสังเคราะห์สามารถใช้ทำอะไรได้บ้าง
วัสดุหินเทียมสังเคราะห์ของ THG เป็นอะครีลิค 100% ด้วยคุณสมบัติหลักๆคือสามารถดัดโค้งได้ ทำความสะอาดง่าย ไม่ดูดซึมน้ำจึงทำให้สามารถนำหินเทียมสังเคราะห์ไปตกแต่งใช้ในงานได้ในแทบบทุกส่วนของการออกแบบภายใน ทีนี้เรามาดูกันดีกว่า ว่าเราจะสามารถนำหินเทียมสังเคราะห์ไปใช้งานกับส่วนไหนหรือสถานที่ใดได้บ้าง

1.ใช้ในโรงพยาบาล ด้วยนอกจากคุณสมบัติที่กล่าวไปข้างต้นแล้ว หินเทียมสังเคราะห์ยังมีคุณสมบัติกันรังสี และเป็นวัสดุที่ไม่มีรูพรุนจึงลดการเกิดและสะสมของแบคทีเรียต่างๆ
2.ใช้ในสำนักงาน สามารถนำหินเทียมสังเคราะห์ไปทำโต๊ะประชุมหรือโต๊ะทำงานในออฟฟิศได้ ด้วยผิวมันวาวสวยงาม สะอาดตา สามารถเจาะเพื่อเดินปลั๊กพ่วงใช้ในสำนักงานได้
3.เคาท์เตอร์ฝ่ายต้อนรับหรือชั้นวางสินค้า อย่างที่กล่าวไปหินเทียมสังเคราะห์มีคุณสมบัติที่ดัดโค้งได้ทำให้สามารถออกแบบได้หลายรูปทรงจึงเหมาะที่จะใช้ในการส่วนต้อนรับที่ต้องการสะกดสายตาของผู้มาเยี่ยมเยียน
4.เคาท์เตอร์ครัว ด้วยคุณสมบัติไม่ลามไฟ ทำความสะอาดง่ายจึงทำให้เหมาะในการใช้งานในห้องครัวทำเคาท์เตอร์ โต๊ะทานข้าว
5. อ่างล้างหน้า ช่องวางของหรือชั้นวางของในห้องน้ำGallery
หินเทียมสังเคราะห์สามารถนำไปใช้งานส่วนอื่น และสถานที่อื่นๆอีกมากมายขึ้นอยู่กับความต้องการและการออกแบบของคุณ หากคุณมีความสนใจต้องการนำหินเทียมสังเคราะห์ไปใช้ในการออกแบบ สามารถติดต่อเรา (Treehomegroup Thailand) เพื่อดูตัวอย่างสีและรุ่นของหินเทียมสังเคราะห์เพิ่มเติมได้เลยค่า


ติดต่อ เทพช่างปูนปั้น/size]



93
      ประตูรั้วนั้นถือเป็นองค์ประกอบสำหรับของตัวบ้าน เป็นปราการด่านแรกที่ผู้มาเยือน หรือผู้ผ่านไปผ่านมาจะได้พบ รวมถึงรั้วนั้นสามารถบ่งบอกความเป็นตัวตนของเจ้าของบ้านได้  สำหรับใครที่กำลังคิดจะเปลี่ยนแปลงรั้วบ้าน และกำลังมองหาไอเดียหรือวิธีการทำรั้วที่เหมาะสมกับบ้านของเรา รับรองว่าบทความนี้จะเป็นตัวช่วยให้คุณได้ดีเลยทีเดียวครับ   รู้แบบนี้แล้วอย่ารอช้าไปเริ่มกันเลยที่เรื่องแรกคือความสำคัญของรั้วครับ

ความสำคัญของรั้ว
      รั้วถือเป็นสัญลักษณ์อย่างนึงของการบ่งบอกถึงความเป็นเจ้าของในบริเวณพื้นที่นั้นๆ เป็นสิ่งที่มีไว้เพื่อป้องกันบุคคลภายนอกหรือสัตว์ที่ไม่พึงประสงค์ ไม่ให้เข้ามาในบริเวณบ้านเรา นอกจากนี้แล้วรั้วยังสร้างความเป็นส่วนตัวให้กับผู้อยู่อาศัยอย่างเราอีกด้วยครับ  รั้วสามารถบ่งบอกความเป็นตัวตนของเจ้าบ้านได้ อย่างเช่น บ้านไหนที่ทำรั้วมิดชิด แทบจะมองเข้าตัวบ้านไม่เห็น นั้นก็อาจจะหมายถึงเจ้าของบ้านหลังนั้นชอบความเป็นส่วนตัวเอามากๆ ไม่ต้องการให้คนมารบกวน อย่างนี้เป็นต้นครับ

      รั้วหรือประตูรั้วเป็นสิ่งที่เรานั้นต้องผ่านมันอยู่ทุกวี่ทุกวัน การออกแบบรั้วที่สวยงาม ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้บ้านของเรานั้นดูน่าอยู่มากยิ่งขึ้น   การเลือกวัสดุในการทำรั้วให้เข้ากับสภาพแวดล้อมของบ้านเราก็ถือเป็นอีกประการสำคัญหนึ่ง ที่จะให้รั้วบ้านของเรา นอกจากจะสวยแล้วก็อยู่คงทน ทนแดด ทนฝน และคุ้มค่ากับเงินที่เราเสียไป

วัสดุยอดนิยมที่ใช้ในการทำรั้ว
 รั้วไม้ระแนงหรือรั้วไม้เทียม
      ประตูรั้วไม้นอกจากเป็นวัสดุที่คลาสสิคและเป็นที่นิยมแล้ว  รั้วไม้ยังมีความโดดเด่นในเรื่องของลวดลาย ที่จะมีความแตกต่างกันออกไป การเลือกขนาดก็มีความแตกต่าง อาทิ การใช้ไม้ระแนงขนาดเล็กมาเรียงต่อกันแบบถี่ๆ ก็จะทำให้รั้วบ้านของเราดูนุ่มนวล อ่อนโยนมากกว่าการใช้ไม้แผ่นใหญ่ที่ดูหนักแน่น และดูแข็งแกร่งกว่า   สำหรับใครที่ต้องการให้หน้าบ้านของตัวเองดูสว่าง  บียอนขอแนะนำให้เลือกไม้ที่มีสีอ่อน เพราะจะทำให้หน้าบ้านของคุณดูโปร่ง สบายตา มากกว่าไม้ที่มีสีเข้มครับ

      อายุการใช้งานของไม้จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับ การดูแลรักษา เช่น การทาสีเคลือบเงาด้าน บนเนื้อไม้ ช่วยป้องกันให้ไม้แตกลอกได้ช้าลง หรือการทาน้ำยากันปลวก ช่วยให้ไม้นั้นๆอยู่ได้นาน โดยปราศจากการกัดกินของปลวกครับ


ติดต่อ เทพช่างปูนปั้น/size]



94
เปลี่ยนรั้วไม้ปาร์เก้ เป็นรั้วปูนปั้นลายไม้ สวยทนทาน

       รั้วบ้านเป็นอีกส่วนที่ทำให้บ้านดูสวย รั้วบ้านก็มีมากมายหลายรูปแบบหลายสไตล์ตามความชื่นชมของเจ้าของบ้าน อีกหนึ่งรั้วที่ได้รับความนิยมก็คือ รั้วไม้ปาร์เก้ แต่ก็ไม่มีความทนทานเท่าไหร่นัก แต่วันนี้เราจะพาไปดูไอเดียในการเปลี่ยนรั้วไม้ปาร์เก้ เป็นรั้วปูนปั้นลายไม้ เสมือนไม้จริงๆ สวยมากๆ เป็นไอเดียจากผู้ใช้เฟสบุ๊ก ยาปูนปััน ปูนเป็นไม้ ได้โพสต์ภาพพร้อมระบุว่า…

รั้วบ้านน่ามอง 12 ไอเดีย
เคยรู้สึกไหมว่า รั้วบ้าน ที่กั้นขอบเขตบ้านเพื่อความปลอดภัยนั้นกลับกลายเป็นผนังทึบตันไม่ชวนมอง แถมปิดกั้นวิวสวยๆนอกบ้านด้วย เราจึงมีไอเดียใหม่ๆที่หลากหลายในการตกแต่งรั้วบ้านให้ดูดีชวนมองมาฝาก

01 รั้วไม้กึ่งทึบกึ่งโปร่ง
ไอเดียนี้เหมาะกับบ้านที่มีรั้วชิดตัวบ้านจึงต้องการมุมมองที่ดูโปร่งขึ้น เพื่อช่วยลดความอึดอัดของพื้นที่ เพียงทำรั้วโครงเหล็กขนาด 80 x 160 เซนติเมตร แล้วยึดระแนงไม้ขนาด 1 นิ้ว เข้ากับโครงเหล็กด้วยนอตเว้นช่องให้ห่างกันทุกๆ 2 นิ้ว ให้เกิดมุมมองแบบกึ่งทึบกึ่งโปร่ง วิธีนี้สามารถถอดเปลี่ยนชิ้นไม้ออกมาซ่อมแซมได้ง่าย แต่สำหรับด้านที่มีรั้วติดเพื่อนบ้านหรือถนน ควรตีระแนงให้มิดชิดเพื่อความเป็นส่วนตัว

02 รั้วกิ่งไม้ไผ่
รั้วแบบนี้ได้ไอเดียมาจากบ้านญี่ปุ่นที่นิยมมัดกิ่งไม้แห้งเป็นมัดๆแล้วยึดเป็นแนวรั้วด้วยไม้ไผ่ รั้วจากวัสดุธรรมชาตินี้เหมาะกับบ้านในสวน ให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติ แต่ถ้าหากรู้สึกไม่ปลอดภัยจะก่อผนังปูนหรือรั้วเหล็กซ่อนอยู่ภายในอีกชั้นก็ช่วยได้

03 รั้วตาราง
เลือกตกแต่งรั้วปูนด้วยการทำโครงเหล็กเป็นช่องๆแล้วใส่วัสดุตกแต่งลงในช่องนั้น อาจติดตั้งแบบถาวรหรือปรับเปลี่ยนแก้เบื่อได้ อย่างไอเดียนี้ใช้การจัดเรียงหินปูนซ้อนกันแล้วโบกปูนจนเต็มช่อง สลับกับการกรุหญ้าเทียมหรือจะปลูกสวนแนวตั้งลงไปแทน ก็ดูสวยเป็นธรรมชาติดี

04 รั้วปูนสี
ถ้าชอบรั้วแนวโบราณดูเก่าๆ ให้ลองใช้เทคนิคงานฉาบปูนขาวผสมผงสีที่ต้องการลงไปเทคนิคนี้ไม่ทำให้เกิดปัญหาสีหลุดล่อน นิยมฉาบให้พื้นผิวไม่เรียบดูเข้ากับสวนป่าและธรรมชาติรอบๆ นอกจากนี้ยังสามารถตกแต่งด้วยเทคนิคการปั้นปูนให้เป็นลวดลายคิ้วบัวหรือซุ้มต่างๆ ที่ดูแปลกตาได้ด้วย

05 รั้วอิฐเก่า
กำแพงก่ออิฐโชว์แนวยังใช้ได้ทุกยุคทุกสมัยแถมสามารถปรับเปลี่ยนให้เข้ากับสไตล์บ้านได้หลากหลาย อย่างการทำซุ้มโค้งแบบช่องหน้าต่างโบสถ์ ใช้วางเชิงเทียนตกแต่งสวนเวลากลางคืน หรือจะทำซุ้มหน้าต่างหลอกติดบานไม้เก่าสไตล์คันทรี่ก็ดูน่าสนใจไปอีกแบบ หรือปลูกมอสส์ไว้บนกำแพงอิฐแล้วรดน้ำให้ผนังชื้นก็ได้บรรยากาศรั้วแบบบาหลีได้ไม่ยาก

06 รั้วกระถางต้นไม้
ถ้าบ้านหลังไหนมีเนื้อที่แคบ แต่ต้องการเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้บ้าน แนะนำให้ทำสวนกระถางบนรั้วเสียเลย ด้วยการนำห่วงเหล็กดัดกลมสำหรับสวมกระถางมายึดเข้ากับผนังจะติดให้เท่ากันหรือจัดองค์ประกอบให้ดูแปลกตาก็ได้ตามใจชอบ

07 รั้วสูงโปร่ง
เหมาะกับบ้านที่มีพื้นที่น้อยหรือมีรั้วชิดกับบ้านแนะนำให้ทำรั้วให้ดูสูงโปร่งคลุมตัวบ้านเพื่อกันมุมมองจากภายนอกทั้งชั้นบนและชั้นล่างโดยตีโครงเหล็กเว้นระยะห่างเท่าๆ กันให้ความรู้สึกกึ่งทึบกึ่งโปร่ง ช่วยลดความอึดอัดลงได้

08 รั้วสวนแนวตั้ง
ทำสวนแนวตั้งบนรั้วบ้านเสียเลยด้วยการเชื่อมโครงเหล็กยึดกับกำแพงแล้วใส่ตุ้มดินลงไปเพื่อใช้ปลูกไม้ใบที่มีกิ่งก้านสวยๆ และไม่ต้องการดินมากอย่างเฟินชนิดต่างๆ

09 รั้วมีรู
รั้วบ้านไม่จำเป็นต้องทึบตันเสมอไปลองเพิ่มลูกเล่นด้วยการเจาะทะลุลวดลายเป็นชื่อบ้านหรือเลขที่บ้านก็ดูเก๋ดี ทั้งยังใช้มองดูแขกที่มาเยี่ยมเยือนได้อีกด้วยไอเดียนี้ทำได้ไม่ยาก แค่ใส่บล็อกเหล็กที่ดัดเป็นลวดลายหรือตัวอักษรลงไปในขั้นตอนการก่อรั้วอิฐฉาบปูน เพื่อฝากโครงสร้างไว้ให้รับน้ำหนักอยู่ได้ด้วยตัวเอง

10 รั้วบังสายตา
หากรั้วบ้านเดิมเตี้ยจนบังสายตาจากเพื่อนบ้านไม่ได้ แนะนำให้ทำแผงอะลูมิเนียมแบบมีรูเล็กๆ ให้ดูโปร่งตาและมีน้ำหนักเบาสามารถยึดกับโครงสร้างเหล็กของกำแพงบ้านได้ ไอเดียนี้ช่วยบังสายตาจากภายนอกได้ดี ทั้งยังดูสวยงามด้วย

11 รั้วตีนตุ๊กแก
หากกำแพงปูนดูเรียบและแข็งกระด้าง เรามีไอเดียเพิ่มความสดชื่นง่ายๆ มาฝากด้วยการปลูกต้นตีนตุ๊กแกสีเขียวให้เลื้อยปกคลุมทั่วทั้งกำแพงเริ่มจากก่อกระบะดินยาวตลอดแนวกำแพง เพื่อให้ต้นตีนตุ๊กแกเลื้อยขึ้นที่สูงหรือจะปลูกพรรณไม้ชนิดอื่นอย่างพลูด่างหรือเดปให้ห้อยลงมาคลุมกำแพงแทนก็ได้เพียงย้ายกระบะดินให้อยู่บนแนวกำแพงด้านบนแทน

12 รั้วชั้นวาง
ยึดชั้นไม้ไว้กับรั้วบ้านใช้วางของตกแต่งเช่น กระถางต้นไม้หรืองานประติมากรรมเหมาะกับบ้านที่มีพื้นที่แคบๆ เพื่อให้เกิดมุมมองที่สวยงามมากขึ้น

ติดต่อ เทพช่างปูนปั้น/size]



95
ปูนซีเมนต์ปั้นสำเร็จรูป - เหมาะสำหรับงานปั้น ตกแต่ง ปั้นลวดลาย

ปูนซีเมนต์ปั้นสำเร็จรูป -  ปูนปั้นสำเร็จรูป ทีพีไอ
ปูนปั้นสำเร็จรูปทีพีไอคือ ปูนปั้นสำเร็จรูปสมัยใหม่ใช้งานง่าย เหมาะสำหรับงานตกแต่ง และ เหมาะสำหรับงานปั้น  ปั้นลวดลาย ฯลฯ สามารถผสมน้ำแล้วใช้ได้เลย สะดวก รวดเร็ว แข็งแรง ทนทาน เพราะผ่านการทดสอบโดยช่างปั้นมืออาชีพ ว่ามีคุณสมบัติที่สามารถทำงานปั้นได้ดีตามความต้องการ เหมาะสำหรับงานปั้นของยุคสมัยใหม่

ปูนปั้นสำเร็จรูปทีพีไอเป็น ปูนปั้นสำเร็จรูป ผลิตภัณฑ์ที่ผ่านขั้นตอนการผลิตที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมและ ดีต่อโลก เนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบในการช่วยลดปัญหาภาวะโลกร้อนได้ในปัจจุบัน โดยการลดการทำลายมลภาวะทางสิ่งแวดล้อม มีประสิทธิภาพในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์(Co2)จากการผลิต  โดยเน้นแผนการผลิตที่ไม่ให้ก่อผลต่อสภาวะแวดล้อมและ ขั้นตอนการผลิตที่มีมาตรฐาน รวมทั้งยังมีการรีไซเคิลวัสดุเหลือใช้เพื่อช่วยในการประหยัดทรัพยากรณ์ธรรมชาติเพื่อให้ใช้ทรัพยากรณ์ธรรมชาติได้อย่างคุ้มค่าที่สุด รวมถึงโครงการปลูกป่าทดแทนธรรมชาติเพื่อสิ่งแวดล้อมที่ดี   สร้างบรรยากาศที่ดีต่อประชาชน

ดังนั้นผลิตภัณฑ์[ur=https://line.me/R/ti/p/@920oextyl]ปูนปั้นสำเร็จรูป[/url]ทีพีไอจึงเป็นผลิตภัณฑ์คุณภาพที่ที่ได้มาตรฐานที่ดีจึงได้รับฉลากคาร์บอนเป็นรายเดียวในประเทศไทย เป็นรายแรก

ประเภทการใช้งาน
 -ใช้ปั้่นรูปทรงต่างๆ
-ใช้ปั้นลวดลายสำหรับตกแต่งบริเวณต่างๆ เพื่อความสวยงาม
-ปั้นง่าย สะดวก แข็งแรงทนทานได้ตุณภาพ
-ใช้งานได้ง่าย เพียงผสมน้ำแล้วปั้นตามต้องการ

วิธีผสมปูนแบบโบราณ
วิธีผสมปูนแบบโบราณนี้ ข้าพเจ้าขนานศรีเลา เกษพรหม ได้รวบรวมจากแหล่งข้อมูล 3 แหล่ง คือ
จากคำบอกเล่าของ พ่อหนานคำ สมสุข และ พ่อหนานจัน พรชัย อดีตเจ้าอาวาสวัดศรีสองเมือง ตำบลไชยสถาน อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งปัจจุบันทั้ง 2 ท่านได้เสียชีวิตไปแล้ว ในอดีตท่านทั้ง 2 เป็นพระภิกษุที่ชำนาญในด้านการก่อสร้างถาวรวัตถุในวัด การก่อสร้างหลายอย่างที่บางครั้งทางวัดได้จ้างช่างมาจากจังหวัดลำพูน ท่านทั้ง 2 ก็ได้ช่วยช่างเหล่านั้นทำการก่อสร้างด้วย ดังนั้นช่างจากลำพูนจึงได้ถ่ายทอดวิชาการช่าง ตลอดถึงกรรมวิธีของส่วนผสมวัสดุ โดยเฉพาะการผสมปูนตามสูตรโบราณให้
จากบทความของพระครูวิจิตรการโกศล เขียนเรื่อง "ปูนโขลก" ในนิตยสารศิลปากร (25.5) กรุงเทพฯ 2524 หน้า 20-28
จากการบันทึกของช่างอย่างไม่เป็นระบบ ในสมุดพับหนังสาของล้านนา
หวังว่าท่านที่มีความสนใจจะได้นำไปศึกษาและเปรียบเทียบกับวิธีอื่นๆ ต่อไป
 

ติดต่อ เทพช่างปูนปั้น/size]



96
มาตราส่วนในการผสมปูนก่อและฉาบ
 อุปกรณ์และส่วนผสม
ปูนขาวที่เผาแล้วออกจากเตาใหม่ๆ 9 ส่วน
ทรายร่อนละเอียด 5 ส่วน (กรณีใช้ก่ออิฐ ถ้าใช้ฉาบ ลดลงเหลือ 3-4 ส่วน)
น้ำต้มหนังควาย
น้ำต้มเปลือกไม้ไก๋ (?)
น้ำอ้อยที่เคี่ยวแล้ว (ได้ที่เรียกกันว่า "น้ำอ้อยแกว้ง" ยิ่งดี)
วิธีหมักและการผสม
นำผงปูนขาวที่ได้จากเผาผาปูน ใส่ในถังที่จะหมัก หรือใส่ในหลุมที่เตรียมไว้ ขนาดของหลุมขึ้นอยู่กับปริมาณงานที่ใช้ จากนั้นใส่น้ำต้มเปลือกไก๋ น้ำต้มหนังควายลงไป แล้วคนให้เข้ากัน โดยกะว่าให้เหลวพอสมควรหรือให้น้ำท่วมปูน ทิ้งไว้ประมาณ 15 วัน จึงใส่น้ำอ้อยแล้วคนให้ทั่ว จากนั้นต้องกวนทุก 7 วัน ระยะเวลาในการแช่หมัก อย่างน้อยต้อง 1 เดือนขึ้นไปจึงจะใช้ได้ดี ยิ่งใช้เวลาในการหมักนานก็ยิ่งดี

1.สูตรผสมปูนสำหรับก่ออิฐ

ปูนที่หมักกับส่วนผสมไว้แล้ว 9 ส่วน
ทรายหยาบล้างน้ำ 5 ส่วน
2. สูตรผสมปูนสำหรับฉาบ

ปูนขาว 7 ตวง
ทราย 7 ตวง
น้ำอ้อย 1 ตวง
น้ำมันยาง 1 ตวง
น้ำต้มเปลือกไม้ไก๋ ตามสมควร
น้ำต้มไม้ประดู่ ตามสมควร
นำวัสดุทั้งหมดผสมให้เข้ากันแล้วนำไปตากแดดให้แห้ง เมื่อต้องการใช้ให้นำปูนผสมที่ตากแห้ง 4 ตวง ผงปูนขาว 2 ตวง นำมาคลุกเคล้าให้เข้ากัน ร่อนด้วยผ้าขาวบาง แล้วจึงนำไปผสมกับส่วนผสมต่างๆ อีกครั้งหนึ่ง ได้แก่
ผงปูน 3 ตวง
น้ำมันยาง ครึ่งตวง
น้ำอ้อย ครึ่งตวง
น้ำต้มหนังควาย 3 ตวง
น้ำต้มเปลือกไก๋ ตามสมควร
ผสมทุกอย่างลงไปแล้วคนให้เข้ากัน ถ้าต้องการให้เนื้อปูนมีสีดำให้ใส่ผงมินหม้อ (เขม่าก้นหม้อ) ถ้าต้องการจะให้มีสีแดงให้ใส่ดินแดง ถ้าต้องการให้เป็นสีเหลืองให้ใส่หรดาล ถ้าให้เป็นสีเขียวให้ใส่ขี้สนิมทองเหลืองหรือทองแดง ถ้าต้องการให้เป็นสีมุ่ย (เทา) ให้ใส่น้ำคราม จากนั้นจึงนำไปโบกฉาบตามความต้องการ ปูนจะเกาะตัวกันไม่กะเทาะออกโดยง่าย ถึงแม้อิฐข้างในจะผุไป ปูนนี้ก็จะยังเกาะกันอยู่ 

มาตราส่วนผสมปูนปั้น
 
สูตรที่ 1
ปูนขาวที่หมักกับส่วนผสมต่างๆ ที่ใช้สำหรับการก่อฉาบ นำไปตากแห้งแล้วตำด้วยครก ตักออกร่อนให้ละเอียด 4 ส่วน
ทรายร่อนละเอียด 1 ส่วน
กระดาษสาแช่น้ำให้เปื่อย
น้ำอ้อย
เอาทรายร่อนและกระดาษสาที่แช่น้ำให้เปื่อยแล้วใส่ครกตำ ถ้าใช้ปริมาณมากใช้ครกตำข้าว (ครกมอง) ตำทรายและกระดาษสาให้เข้ากัน แล้วใส่ปูนขาวร่อนตามส่วน ตำให้เข้ากันแล้วจึงใส่น้ำอ้อยพอสมควร ตำไปเรื่อยๆ จนเหนียวนิ่มให้ปั้นได้ เก็บใส่กระป๋องสำหรับใช้ปั้นลวดลายต่างๆ ตามต้องการ

สูตรที่ 2
ปูนขาวร่อนและแห้งสนิท9 ตวง (9 ส่วน)
น้ำมันละหุ่งหรือน้ำมันทั่งอิ๊ว 100% 1 ตวง ถ้าต้องการให้แข็งเร็วก็เพิ่มได้อีกนิดหน่อย
ผงอิฐบดละเอียด ร่อนดีแล้ว 5 ตวง
ทรายละเอียดครึ่งตวง
ใส่ปูนขาวร่อนตามส่วนที่ต้องการลงในครก ใส่อิฐป่นและทรายละเอียดตามลงไป คนให้เข้ากัน แล้วตำไปเรื่อยๆ พอเข้ากันดีแล้วเติมน้ำมันละหุ่งหรือทั่งอิ๊วลงไปทีละนิด ทีละนิด อย่าได้เติมทีเดียว คือเติมไปตำไป เมื่อตำจนเข้ากันดีแล้วหยิบขึ้นบีบดู ถ้ามีรอยแตกยังใช้ไม่ได้ ต้องตำต่อไปอีก จนกระทั่งบีบดูแล้วไม่มีรอยแตกและนิ่มเหมือนกับดินน้ำมัน จึงจะใช้ได้ดี

สูตรที่ 3 (ใช้ได้ทั้งภายในและภายนอก)
ทรายร่อนละเอียด 4 ตวง (ถ้าต้องการเหนียวมากยิ่งขึ้นใช้ทราย 2 ตวง)
ปูนขาวร่อนละเอียด 4 ตวง
น้ำอ้อย 1 ตวง
น้ำมันยาง 1 ตวง
น้ำมันละหุ่ง 3 ตวง
กล้วยตีบคำ ตามสมควร
นำส่วนผสมดังกล่าวนี้คนให้เข้ากัน แล้วใส่ในครกกระเดื่องตำให้เหนียว จึงนำไปปั้นลวดลายได้ตามความต้องการ

สูตรที่ 4
ปูนขาวร่อนละเอียด 3 ตวง
ทรายละเอียดร่อน 3 ตวง
น้ำอ้อย 2 ตวง
น้ำต้มเปลือกไม้ไก๋ 5 ตวง
น้ำต้มหนังควาย 7 ตวง
น้ำได้จากการแช่ลูกสมอ 3 ตวง
น้ำต้มผลมะตูม 3 ตวง
นำส่วนผสมทั้งหมดผสมเข้าด้วยกัน แล้วนำไปตำกับครกกระเดื่อง ถ้าปูนข้นไปให้เติมน้ำต้มหนังควายลงไปอีกจนพอดี ตำให้เหนียวนุ่ม แล้วจึงนำไปปั้นลวดลายได้ตามความต้องการ 

วิธีปั้นและวิธีเก็บปูนที่เหลือ
 
สูตรที่ 1
ก่อนปั้นให้ละลายปูนด้วยน้ำให้เหลวพอสมควร ทาลงบนพื้นที่จะปั้นดอกหรือลวดลายเพื่อให้ปูนที่ปั้นติดแน่น จากนั้นจึงทำการปั้นลวดลาย หากปูนเหลือและต้องการเก็บไว้ปั้นในวันต่อไป ให้เก็บใส่หม้อหรือกระป๋องแล้วเทน้ำใส่จนท่วมปูนเพื่อกันปูนแห้ง จากนั้นจึงปิดฝา เมื่อจะใช้ในวันต่อไป ก็เทน้ำออกให้เหลือแต่ปูนที่ใช้ปั้นได้ ถ้าหากปูนแห้ง ให้ใส่ครกตำใหม่อีกครั้งหนึ่ง

สูตรที่ 2
พื้นที่หรือผนังที่จะติดดอกหรือลวดลายต้องสะอาด ให้ใช้สำลีชุบน้ำมันละหุ่งหรือทั่งอิ๊วเช็ดถูให้ทั่ว จนกระทั่งไม่มีฝุ่นและแห้งสนิทไม่เปียกชื้น ใช้ปูนปั้นละลายด้วยน้ำมันละหุ่งหรือทั่งอิ๊วให้เหลวพอสมควร ทาลงบนพื้นที่จะทำการติดดอก อย่าทาให้มากเกินไป จากนั้นจึงทำการปั้นดอกลวดลายต่างๆ ส่วนปูนที่เหลือจากงานที่ค้างไว้ หากต้องการที่จะเก็บไว้ปั้นในวันต่อไป ควรเก็บไว้ในกระป๋องที่มีฝาปิดมิดชิด ก่อนที่จะปิดฝาให้เอาผ้าชุบน้ำมันละหุ่งหรือทั่งอิ๊วให้เปียกชุ่ม คลุมปูนในกระป๋องอีกชั้นหนึ่งแล้วจึงปิดฝาให้แน่น เก็บไว้ในร่ม อย่าให้ถูกแดดหรือความร้อน

ติดต่อ เทพช่างปูนปั้น/size]



97
ขั้นตอนการทำปูนปั้น
ประติมากรรมงานปูนลายไม้ ” โต๊ะนั่งขอนไม้”
      หากเรากำลังมองหาโต๊ะนั่่งเล่นในสวนหน้าบ้าน หลังบ้านหรือในสวนหย่อมแสนสวยงามและร่มรื่นที่ทำจากไม้  ปัจจุบันไม้ท่อนใหญ่ๆ คงจะหายากเต็มที หรือหากเป็นไม้จริงคงจะราคาแพงไม่ใช่น้อย ซึ่งนอกจากจะเป็นการตัดไม้ทำลายป่าที่อยู่น้อยนิดแล้ว ยังไม่เป็นการอนุรักษ์ธรรมชาติ เป็นสาเหตุ ที่มาของสภาพอากาศโลกที่เลวร้าย ภัยธรรมชาติที่เห็น ๆ กันอยู่
       มาวันนี้เพื่อเป็นการตอบสนองความต้องการผลิดภัณฑ์ที่ทำจากไม้อีกทางเลือกหนึ่ง สำหรับผู้ที่สนใจเฟอร์นิเจอร์จากไม้ เป็นการช่วยอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ไปในตัว  เราลองมาทำ”โต๊ะนั่่งขอนไม้” กันดู

อุปกรณ์
๑. เกียง
๒. ถาดถือปูน
๓. เหล็กแกะลาย
๔. ไม้กวาดปัดฝุ่น
๕. คีมตัดลวด
๖. กรรไกรตัดตาข่าย
๗. กระป๋องใส่ปูน
๘. มีดคว้าน
วัสดุ ได้แก่ ทรายละเอียด ทรายหยาบ ปูน ลวด ลวดตาข่าย

วิธีการผสมปูน ส่วนผสม ทราย ๒ ส่วน ปูน ๓ ส่วน (แก่ปูน) น้ำอย่าให้เหลว

วิธีการทำ
๑. เตรียมโครงลวด ชิ้นงาน เพื่อเป็นที่ยึดติดปูน ตามขนาดที่ต้องการ
๒. ผสมปูน ทรายละเอียดตามสูตร
๓. เทปูนที่ผสมแล้ว เพื่อเป็นพื้นตามขนาดพื้นของชิ้นงาน
๔. วางโครงลวดให้ติดกับชิ้นงาน รอแห้ง
๕. ฉาบ ตามโครงลวดด้านนอกเสร็จแล้ว รอปูนแห้ง
๖. ฉาบตกแต่งภายในให้เรียบร้อยรอแห้ง
๗. ผสมปูน ทรายหยาบตามสูตร ฉาบเป็นเปลือกนอกให้ทั่ว
๘. ระหว่างรอแห้งพอหมาด ๆ ทำการตกแต่งลาย ด้วยเหล็กขูด ตกแต่งลายธรรมชาติ ทิ้งไว้ให้แห้ง
๙. หลังจากแห้งแล้ว ตกแต่งด้วยการทาสีบนชิ้นงาน

เกษตรกรปรับตัวด้วยการทำเฟอร์นิเจอร์ปูนปั้นลายไม้...สู้ภัยแล้ง

เกษตรกรในอำเภอตรอน จังหวัดอุตรดิตถ์ ไอเดียเจ๋ง ปั้นปูนเป็นเฟอร์นิเจอร์ลายไม้ เอาใจคนรักธรรมชาติ แบบไม่ต้องตัดไม้ทำลายป่า แถมสร้างรายได้งามในยามประสบปัญหาภัยแล้ง

เฟอร์นิเจอร์ลายไม้สวยๆ เหล่านี้ ไม่ได้ถูกตัดมาจากป่า แต่ทำจากปูนปั้น ที่ริเริ่มโดยนายนิติกร ปะจิราพัง อายุ 43 ปี ชาวบ้านหมู่ 12 ต.วังแดง อ.ตรอน จากความชอบศิลปะเป็นการส่วนตัว และเล็งเห็นว่าต้นไม้ลดน้อยลงทุกที อีกทั้งยังมีปัญหาภัยแล้งและราคาข้าวก็ตกต่ำ จึงได้หันมาทำอาชีพปั้นปูนลายไม้ ทำเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ ทั้ง ชุดโต๊ะ เก้าอี้ กระถางต้นไม้ พื้นปูถนน โดยทำมา 5 ปีแล้ว ทำให้มีรายได้เพิ่มเป็นหลักหมื่นบาทต่อเดือน

วิธีการทำว่า มี 7 ขั้นตอน คือ

1.เตรียมโครงลวดชิ้นงานเพื่อเป็นที่ยึดปูนตามขนาดที่ต้องการ
2.ผสมปูนอัตราส่วน ทรายละเอียด 2 ส่วน ต่อปูน 1 ส่วน
3.เทปูนที่ผสมแล้วเพื่อเป็นพื้นกระถาง แล้วรอให้แห้ง
4.ใส่ทรายในชิ้นงานเพื่อจะได้ขึ้นรูปได้สะดวก
5.ฉาบปูนตามโครงลวด หนาประมาณ 1 เซนติเมตร
6.ฉาบปูนชั้นที่ 2 อัตราส่วน ทรายละเอียด 1 ส่วน ต่อปูน 1 ส่วน


ติดต่อ เทพช่างปูนปั้น/size]



98
หินอ่อนเทียม หรือ หินเทียม ผลิตจากวัสดุสังเคราะห์หินเทียม เคลือบผิวหน้าด้วย UV high gloss มีลักษณะมันวาว ทนทานต่อรอยขูดขีด ทนต่อความชื้นและน้ำ ไม่ติดไฟและลามไฟ ใช้เป็นวัสดุตกแต่งภายใน เช่น ผนังทีวี ผนังต่างๆ ที่ต้องการความสวยงาม มีความคล้ายหินจริง แต่มีราคาถูกกว่าหินจริง

หินเทียม (Composite Stone) คือหินที่นำมารวมันแล้วสังเคราห์ออกมาเป็นหินเทียม มีข้อดีคือไม่มีรูพรุนสามารถป้องกันการดูดซึมน้ำได้อย่างสมบูรณ์ จึงไม่เป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรค นอกจากนี้หินสังเคราะห์ที่ผลิตขึ้นจาก อะคริลิกยังสามารถป้องกันรังสียูวีและมีอายุการใช้งานยาวนาน ตลอดจนสีของพื้นผิวไม่เปลี่ยนแปลงเพราะไม่ทำปฏิกิริยากับแสงยูวี ทนความร้อน กรดและด่าง ด้วยเหตุผลดังกล่าวทำให้ตอบโจทย์ในเรื่องของการตกแต่งและดีไซน์ที่สวยงามได้เป็นอย่างดี

หินสังเคราะห์ หรือ หินเทียม จะไม่มีรูพรุนไม่ก่อให้เกิดการสะสมของเชื้อโรคต่างๆ จึงนิยมนำมาทำเป็นท็อปโต๊ะมากกว่า หินอ่อนและหินแกรนิต หินเทียมมีหลายประเภท ได้แก่ หินเทียมที่ผลิตจาก อะครีลิค 100% สามารถป้องกันรังสียูวีทำให้สีไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงและมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน ทนความร้อนกรดและด่างสามารถดัดโค้งได้ง่าย จึงเป็นที่นิยมในอุตสาหกรรมการตกแต่งและออกแบบ หินเทียมที่ผลิตจากอะครีลิคผสมโพลีเอสเตอร์ หินเทียมชนิดนี้จะแตกต่างกับหินเทียมชนิดแรก เพียงตรงที่ดัดโค้งง้อได้ยากกว่า และหินประเภทสุดท้าย หินสังเคราะห์ที่เรียกว่า Engineered Stone จะมีส่วนผสมของแร่หินควอตซ์ แก้วโพลิเมอร์เรซิ่นและสี คุณสมบัติพิเศษของหินชนิดนี้ คือมีความต้านทานต่อการเกิดรอยด่างสูง และสามารถทนความร้อนได้มากกว่า 200 องศาเซลเซียส การเลือกหินแต่ละชนิดให้เหมาะสมจะช่วยตอบโจทย์การตกแต่งพื้นที่ของคุณให้มีคุณภาพที่ดีมากยิ่งขึ้น

ข้อแตกต่างระหว่างหินอ่อนเทียมและหินอ่อนจริง

                หินอ่อนจริง หรือเป็นหินอ่อนตามธรรมชาติมีการใช้งานตกแต่งผนังหินอ่อนมานาน ใช้ในอุตสาหกรรมตกแต่งภายใน และอุตสาหกรรมก่อสร้าง ซึ่งมีข้อจำกัดคือ หินอ่อนจะมีน้ำหนักมากทำให้ต้องติดตั้งโครงเหล็กมารองรับหินอ่อน ทำให้มีค่าใช้จ่ายในการติดตั้งสูง ประกอบกับหินอ่อนต้องติดเอง และมีมูลค่าค่อนข้างสูงเป็นผลให้สถาปนิก ผู้ออกแบบ มัณฑนศิลป์ หรือผู้ออกแบบภายใน มีปัญหาเรื่องงบประมาณกับลูกค้าอีกทั้งปัจจุบันทางด้านคุณสมบัติ เช่น ความหนา เป็นผลให้การติดตั้งหินอ่อนทำได้เฉพาะพื้นที่กว้างขวางเท่านั้น

การมีวัสดุ หินอ่อนเทียม เข้ามาเลือกใช้ในงานตกแต่งภายใน เป็นทางเลือกให้ผู้ออกแบบได้เลือกใช้ โดยมีคุณสมบัติทำเป็นวัสดุสังเคราะห์ การเลือกใช้หินอ่อนเทียมสามารถติดตั้งได้เกือบทุกพื้นผิว เพราะมีน้ำหนักเบา อีกทั้งสามารถติดตั้งได้โดยช่างทั่วไป และหินอ่อนเทียมนี้มีผิวคล้ายกับผิวหินอ่อนจริงมากขึ้นทุกวัน มีความมันวาวในเนื้อหินอ่อนจริง สามารถสัมผัสได้ใกล้เคียงกับหินอ่อนจริง การเลือกใช้ให้เข้ากับคุณสมบัติกับหินอ่อนมีให้เลือกหลายขนาด และหลายหิน หินอ่อนมีมูลค่าถูกกว่าหินอ่อนจริงประมาณ 10 เท่าของหินอ่อนจริง

MT FIXTURE เราจึงเพิ่มเติมตัวเลือก ให้ลูกค้าทุกท่านได้  “เลือก” เฟอร์นิเจอร์อย่างแท้จริงเพิ่มขึ้นอีก นากจากจะมีให้เลือกทั้ง ลามิเนตลายไม้ ลามิเนตลายหินอ่อน ลามิเนตสีสันต่างๆ ทั้งแบบเงาและแบบด้าน หรือโครงสร้างของเหล็ก และสเตนเลส มีสีสันให้เลือกมากมาย

โดยมีตัวเลือก “แผ่นหิน” เพิ่มเข้ามาภายในเว็บไซต์ สร้างความหลากหลายแบบเป็นเอกลักษณ์ให้เฟอร์นิเจอร์ของคุณลูกค้าทุกท่านให้เป็นตัวเดียวในโลกยิ่งขึ้นไปอีก
ขั้นตอนการทำปูนปั้น
ประติมากรรมงานปูนลายไม้ ” โต๊ะนั่งขอนไม้”
      หากเรากำลังมองหาโต๊ะนั่่งเล่นในสวนหน้าบ้าน หลังบ้านหรือในสวนหย่อมแสนสวยงามและร่มรื่นที่ทำจากไม้  ปัจจุบันไม้ท่อนใหญ่ๆ คงจะหายากเต็มที หรือหากเป็นไม้จริงคงจะราคาแพงไม่ใช่น้อย ซึ่งนอกจากจะเป็นการตัดไม้ทำลายป่าที่อยู่น้อยนิดแล้ว ยังไม่เป็นการอนุรักษ์ธรรมชาติ เป็นสาเหตุ ที่มาของสภาพอากาศโลกที่เลวร้าย ภัยธรรมชาติที่เห็น ๆ กันอยู่
     

ติดต่อ เทพช่างปูนปั้น/size]



99
การปั้นปูนปั้นปูนปั้นปั้นในการตกแต่งภายในของบ้านสมัยใหม่ด้วยปูนปั้นด้วยมือของคุณเอง

เพื่อให้การตกแต่งภายในน่าเบื่อดูน่าสนใจเป็นไปได้ด้วยการปั้นปูนปั้น ใครก็ตามที่เคยทำงานร่วมกับ plasticine จะจดจำความนุ่มนวลในการสร้างรูปแบบดั้งเดิม ขั้นตอนการทำปูนปั้นตกแต่งคล้ายกับการทำงานกับ plasticine แต่ความเป็นไปได้ที่ยิ่งใหญ่ของวัสดุปูนปั้นทำให้เกิดความคิดสร้างสรรค์และกระตุ้นจินตนาการ

เนื้อหา
1 การกลับมาของปูนปั้น
2 รูปแบบของปูนปั้น: ในตัวคุณทุกคนที่รักชุดเป็นสิ่งที่ดี
2.1 จากคลาสสิคไปจนถึงสมัยใหม่
3 ความน่าสนใจของปูนปั้นโพลียูรีเทนคืออะไร
4 วิธีทำปูนปั้นด้วยมือของคุณเอง
4.1 จากร่างเพื่อรูปร่าง: เคล็ดลับ plasticine เม่น
4.2 เตรียมส่วนผสมยิปซั่ม
4.3 ดีบักไปยังโมเดลต้นฉบับ
4.4 วิธีการติดตั้ง

การกลับมาของปูนปั้น
เมื่อไม่นานมานี้การปูนปั้นปูนปั้นถือได้ว่าเป็นของที่ระลึกในอดีตซึ่งไม่พอดีกับแนวคิดภายในที่ทันสมัย อย่างไรก็ตาม moldings ลืมสักครู่เป็นวัสดุตกแต่งมุ่งมั่นมุ่งมั่นไปข้างหน้า

การตกแต่งปูนปั้นอย่างสมบูรณ์ไม่มีการแข่งขันเพื่อเสริมสร้างการตกแต่งภายในให้มากที่สุด ผลิตภัณฑ์จากปูนปั้นปูนปั้นช่วยให้คุณสามารถเลือกและชื่นชอบความหลากหลายของตัวเลือกตกแต่ง ปูนปั้นเป็นรูปประดับนูน (ประดิษฐ์และประดับประดา) โดยใช้เทคโนโลยีและสูตรพิเศษ วัสดุเหล่านี้เป็นพลาสเตอร์, กระดาษอัดแอ, คอนกรีตและยูรีเทน

ปูนปั้นเดิมถูกนำมาใช้ในอาคารด้านนอกของอาคารและสำหรับการตกแต่งปราสาทพระราชวังและอาคารทางศาสนา แต่ moldings ตกแต่งอย่างมีความสุขได้ตามในการตกแต่งภายในของบ้านส่วนตัวและอพาร์ทเม้นที่ทันสมัย พอจะสัมผัสได้ถึงความแปลกใหม่และรสชาติที่กลมกล่อมของรูปแบบที่โดดเด่น ผลตอบแทนปูนปั้นและเราหวังเป็นเวลานาน!

การปั้นปูนปั้นสามารถนำมาเปรียบเทียบกับแฟชั่นที่ตามอำเภอใจที่พยายามอย่างพิถีพิถันในการสร้างบุญใหม่ ๆ

ความคล้ายคลึงกันอย่างเด่นชัดของปลาครึ่งครึ่งและดาวครึ่งดวงที่ยืมนกและดอกไม้ที่ยอดเยี่ยมในการปูนปั้นปูนปั้นสอดคล้องกับสถาปัตยกรรมคลาสสิก

ผลิตภัณฑ์ตกแต่งและกรอบหน้าต่างเตาผิงเพดานและซุ้มประตูต่างๆที่มีความสูง พื้นผิวหนาแน่นและด้านในของแม่พิมพ์ปูนปลาสเตอร์สร้างเอฟเฟกต์แสงที่เหลือเชื่อ การเปลี่ยนผ่านและ chiaroscuros ได้รับเรืองแสงนุ่มและอ่อนโยน

ปูนปั้นตกแต่งด้วยสีขาวสามารถผสมผสานกับโทนสีพาสเทลที่อ่อนโยน: ชมพูฟ้าและเขียวอ่อน

ความเป็นไปได้ในการผสมผสานที่ลงตัวนี้เป็นแพลตฟอร์มที่ยอดเยี่ยมในการสร้างผนังฝ้าเพดานหรือ plafond

การออกดอกของศิลปะการเรียนรู้ที่นำไปสู่การตกแต่งปูนปั้นเพื่อให้เกิดผลกระทบของพื้นที่ใช้สอยที่กลมกลืนกัน ตอนนี้รูปที่ไม่ถูกต้องของห้องสามารถยืดได้อย่างปลอดภัยโดยใช้ตำแหน่งที่ประสบความสำเร็จของปูนปั้น องค์ประกอบของปูนปั้นทำให้สามารถซ่อนการสื่อสารทางวิศวกรรมที่ตั้งอยู่ในที่มองเห็นได้จากดวงตาที่อยากรู้อยากเห็น

องค์ประกอบของปูนปั้นในสไตล์อาร์ตนูโวไม่ได้รับการตกแต่งด้วยรอยแยกบนผนัง แต่มีกรอบเตาผิงปล่องไฟและชั้นวางที่มีประสิทธิภาพ แต่ที่น่าสนใจที่สุดคือปูนปั้นเป็นสิ่งที่ดีในชุดทั้งหมดเริ่มต้นจากเปลือกยิปซั่มที่มนุษย์สร้างขึ้นและลงท้ายด้วยการปั้นยูรีเทน

หากคุณไม่กลัวกระบวนการสร้างสรรค์ในการสร้างปูนปั้นด้วยมือของคุณเองวิดีโอนี้จะบอกวิธีดำเนินการต่อเมื่อสร้างการตกแต่งภายในที่มีสไตล์

ความน่าสนใจของปูนปั้นโพลียูรีเทนคืออะไร
สำหรับนักออกแบบและนักออกแบบที่ทันสมัยการปรากฏตัวของโพลียูรีเทนทำให้เกิดยุคแห่งความคิดสร้างสรรค์ขึ้นใหม่รายได้แน่นอน ความหลากหลายของผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปในรูปแบบของ:

•ขอบและฐาน

•ซ็อกเก็ตและ cornices

•องค์ประกอบกรอบสำหรับเปิดประตูและหน้าต่าง, เฟอร์นิเจอร์

•ชิ้นส่วนที่มีช่องเก็บของสูง (pilasters, brackets, columns)

ถ้าคุณชอบการตกแต่งภายในที่น่าเบื่อที่อยู่ภายใต้การแลกเปลี่ยนตามปกติปูนปั้นเป็นของคุณ แม่พิมพ์และ moldings ที่ทำจากยูรีเทนมีความแข็งแรงและความต้านทานต่ออิทธิพลกล คุณภาพที่ดีคือความมั่นคงทางชีวภาพและความประหยัดในการติดตั้ง ธรรมชาติคำถามที่ครีพใน: "วิธีการทำปูนปั้นด้วยมือของตัวเอง"

วิธีทำปูนปั้นด้วยมือของคุณเอง
เทคโนโลยีทั่วไปสำหรับการสร้าง moldings ปูนปั้นและองค์ประกอบตกแต่งเป็นหนึ่งและประกอบด้วยขั้นตอนต่อไปนี้:

•การสร้างและการออกแบบรูปแบบร่าง

•การผลิตแบบจำลองและรูปร่าง

•หล่อและตกแต่งองค์ประกอบ

•การติดตั้งปูนปั้นปูนปั้น

ดีบักไปยังโมเดลต้นฉบับ
ตอนนี้จำเป็นต้องปรับแต่งและปรับแต่งผลิตภัณฑ์ สำหรับนี้ใช้เครื่องบดที่มีหัวพ่นและเนื้อ แบบจำลองเชิงคุณภาพไม่ควรมีความไม่สม่ำเสมอหรือความขรุขระรวมทั้งเปลือกหอยและชิป สำหรับการยึดเกาะที่ดีกับผิวด้านหลังของแม่พิมพ์จะใช้ตาข่าย

วิธีการติดตั้ง
ก่อนที่จะเริ่มติดตั้งวัสดุปูนปั้นปูนปั้นและวัสดุจำเป็นต้องมีการใช้ยิปซัมในผลิตภัณฑ์ไปยังที่อยู่อาศัย จากนั้นเตรียมพื้นผิวสำหรับการติดตั้งระดับทำความสะอาดและเช็ด

หากองค์ประกอบมีขนาดเล็กให้ติดกาวด้วยกาวพิเศษหรือกาว "เล็บเหลว"

สำหรับผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำหนักมาก (cornices หรือ ceiling cups) จำเป็นต้องจัดเตรียมระบบยึดสำหรับเชื่อมต่อ เป็นระบบของหมุดและโปรไฟล์ที่เชื่อมต่อกันอย่างสมบูรณ์แบบ


ติดต่อ เทพช่างปูนปั้น/size]



100
DIY ถังเปล่า ให้เป็นกระถางพิมพ์ลายไม้เก่า สวยสมจริงจนแยกไม่ออก !

        ทักทายชาว Blog ทุกคนจ้า สบายดีกันไหมเอ่ย ? เข้าเรื่องกันเลยดีกว่าสำหรับ Blog ของเราวันนี้จะพาทุกคนไปเพิ่มไอเดียกับการ DIY ถังเปล่าแสนธรรมดาที่เหลือใช้ให้กลายเป็นกระถางพิมพ์ลายไม้ หรือกระถางตอไม้นั่นเอง จะทำยาก ง่าย และออกมาเหมือนลายไม้จริงแค่ไหน ไปลงมือทำกันเลย !

มาเริ่มที่อุปกรณ์กันก่อน หลัก ๆ เลยก็จะมี ลูกกลิ้งพิมพ์ลายไม้ , กาวประสานคอนกรีต (Activator) , น้ำยาลอกแบบ , ปูน ทราย , ภาชนะผสมปูน

และจะขาดไปไม่ได้เลยก็คือ ถังเปล่าเหลือใช้ใบนี้นี่เอง จะสังเกตได้ว่าที่ผิวของถังจะมีรอยขูดขีดอยู่ด้วยนั่นเพราะช่างของเราแนะนำว่าควรใช้ของมีคมขูดขีดผิวถังให้เกิดร่องและความขรุขระเพื่อช่วยให้โอบเนื้อปูนได้ง่ายขึ้น ส่วนอุปกรณ์ที่เราเลือกใช้ขูดนั้นก็กรรไกรข้าง ๆ ถังนั่นและจ้า สะดวกดี ^^

ขั้นตอนการทำเราเริ่มจากผสมปูนและทรายให้เข้าก่อนในอัตราส่วน 1 : 1 เมื่อปูนและทรายเข้ากันดีแล้วจึงเทกาวประสานคอนกรีตลงไปพอประมาณ ใช้วิธีค่อย ๆ เททีละน้อยและคนให้เข้ากันจนได้เนื้อปูนที่ไม่เหลวไปหรือแข็งไป (เราใช้ Activator แทนน้ำ)

จากนั้นก็เริ่มโอบปูนที่ถังได้เลย โดยค่อย ๆ ตบเนื้อปูนจากด้านล่างของถังขึ้นไปด้านบน เพื่อให้เนียนเรียบและสามารถควบคุมการย้อยตัวของปูนได้ง่าย

อ้อ ! เราไม่ต้องโบกปูนหนามากนะเอาแค่พอดี ๆ ก็พอ เพราะ Activator หรือกาวประสานคอนกรีตที่เราผสมลงไปนั้นช่วยให้เนื้อปูนผสานกันและยึดเกาะดีเยี่ยมอยู่แล้ว

และแผ่นปูนที่เห็นนี่ก็มาจากเศษปูนเหลือจากที่เราผสมกาวประสานคอนกรีตไว้ ดูซิบางขนาดนี้ยังอยู่ตัวได้เลย ยืนยันอนุภาคของน้ำยา Activator ได้เป็นอย่างดีเลยใช่ไหมล่ะ ?

มาต่อกันที่ถังของเราดีกว่า เมื่อโอบขึ้นปูนเรียบร้อยแล้วก็จะเริ่มกลิ้งสร้างลายไม้ได้เลย แต่ก่อนกลิ้งพิมพ์ลาย ต้องฉีดน้ำยาลอกแบบที่ลูกกลิ้งและที่ผิวปูนให้ทั่วเพื่อป้องกันเนื้อปูนติดลูกกลิ้งออกมา

การกลิ้งสามารถกลิ้งได้มากกว่าหนึ่งรอบ โดยรอบแรกออกแรงกดเบา ๆ ก็พอ แค่ให้เริ่มเกิดลายก่อนในตอนแรก แล้วจึงมากลิ้งซ้ำเพื่อเสริมเติมแต่งให้ได้ลักษณะลวดลายไม้ที่ต้องการ ลักษณะการกลิ้งก็คล้ายกับการโอบปูนคือกลิ้งจากด้านล่างขึ้นบน

อาจไม่ต้องรอโอบปูนจนรอบถังก่อนแล้วจึงกลิ้งพิมพ์ลาย เพราะเนื้อปูนจะแห้งจนยากต่อการกลิ้ง สามารถโอบไปกลิ้งไปได้เลย (แต่รอปูนหมาดด้วยนิดนึงนะ)

ที่เห็นลายไม้ชัดเจนขนาดนั้นก็เพราะลูกกลิ้งพิมพ์ลายอันนี้แหละทุกคน

ส่วนขอบปากถังด้านบนช่างเราเลือกที่จะโอบเป็นลำดับสุดท้ายเพราะต้องอาศัยความปราณีตและใจเย็นสักนิด เนื่องจากส่วนนี้วัสดุเป็นอลูมิเนียม ต้องปั้น ๆ เนื้อปูนให้เป็นก้อนแล้วจึงต่อย ๆ โอบให้เข้ารูป

โอบแล้วก็อย่าลืมกลิ้งพิมพ์ลายไม้ให้เรียบร้อยล่ะ

เมื่อแต่งลวดลายจนพอใจแล้วก็ทิ้งไว้ให้ปูนแห้งสนิท อย่างน้อย 16 – 24 ชม. ก่อนจะมาเริ่มลงสีกัน แต่ไม่ควรนำไปตากแดดแรง ๆ โดยตรง เพราะอาจทำให้ปูนแตกได้ แนะนำว่าให้ไว้ในที่โล่งมีอากาศถ่ายเทก็พอ

เมื่อปูนแห้งสนิทแล้วก็สามารถเริ่มลงสีได้เลย เราเลือกใช้สี Antique Color อีกแล้ว (ติดใจจากก่อนหน้านี้ ใช้แล้วสีสวยถูกใจมากกกก ไปตามย้อนอ่านกันได้ 2 Blog เลย ทั้งเรื่องการตกแต่งแผ่นหินเทียม และ 6 เฉดสี) ก็เช่นเดิมเราต้องทาสีรองพื้นก่อนโดยเราเลือกเป็นเฉดน้ำตาล และไม่ผสมน้ำ

เริ่มทาได้เลย สังเกตได้ว่าก่อนหน้านี้ที่เราใช้สี Antique ทาตกแต่งอุปกรณ์ที่ใช้จะเป็นลูกกลิ้งทาสี แต่ครั้งนี้เราเลือกใช้เป็นแปรงทาสีแทน เพราะจะเหมาะสมกับลักษณะพื้นผิวของชิ้นงานมากกว่า ช่วยให้สีแทรกตัวได้ทั่วถึงการนูน - ต่ำของรายละเอียดกว่า

ทาให้ทั่วเลยนะ อย่าลืมฐานด้านล่างและขอบปากถังด้านบนล่ะ  ( ระหว่างทาหากรู้สึกว่าสีหนืด ๆ หรือทายาก อยากให้ทาลื่นไหลขึ้นสามารถผสมน้ำเปล่าได้ไม่เกิน 5% แต่สีก็จะอ่อนลงกว่าเดิมนะจ๊ะ ไม่ต้องตกใจ )

รอสีรองพื้นเซตตัวสักเล็กน้อย มาต่อที่สีไฮไลท์กันบ้าง

วันนี้เราเลือกใช้สีไฮไลท์เฉดน้ำตาลมะเกลือ เปิดฝาออกมาดู โอ้โห้ เนื้อสีเข้มข้นมากกกก !

ตัวสีไฮไลท์เราผสมน้ำเปล่าก่อนใช้งานในอัตราส่วน สี 1 ส่วน : น้ำ 2 ส่วน ผสมให้เข้ากันแล้วเริ่มทาตกแต่งได้เลย

ทาให้ทั่วเลย หื้มมม ชักเริ่มเห็นเป็นไม้ลาง ๆ แล้วล่ะ

เมื่อใช้สีไฮไลท์ก็ต้องไม่ลืมที่จะมีเศษผ้าไว้เคียงคู่เสมอด้วยนะจ๊ะ เพราะไว้สำหรับเช็ดตกแต่งบริเวณที่รู้สึกว่าเฉดสีมันเข้มไปอยากให้จาง ๆ ลงบ้างนั่นเอง

จากที่เข้ม ๆ ก่อนหน้านี้ก็จัดการเช็ด ๆ ซับ ๆ ออกมาบ้างแบบนี้

อยากให้ส่วนไหนเฉดสีอ่อนลงก็เช็ดส่วนนั้น ส่วนไหนอยากคงความคมเข้มของเฉดสีไว้ก็ไม่ต้องเช็ด ลองจินตนาการถึงผิวไม้เก่าจริง ๆ ดู จะเห็นได้ว่าเทคนิคนี้ช่วยให้ชิ้นงานมีมิติมากขึ้นทันที

เห็นไหมทุกคนมองด้วยตาเปล่าคือเหมือนผิวไม้เก่าผุ ๆ มากเลยใช่ไหมล่ะ ไม่บอกใครจะรู้ว่านี่คือผิวปูน !

เมื่อตกแต่งสีไฮไลท์จนพอใจแล้วก็ทิ้งไว้ให้แห้งสนิทอย่างน้อย 16 – 24 ชม. เหมือนเดิม จากนั้นก็มาเคลือบด้วย W-100

น้ำยาเคลือบเงา W-100 สูตรน้ำ เวลาทาจะออกสีขาวขุ่นแบบนี้เป็นเรื่องปกติ แต่ทิ้งไว้ก็จะหายไปเองไม่เป็นคราบไม่ต้องกังวลไปนะ ตัวน้ำยาเคลือบจะช่วยป้องกันชิ้นงานจากความชื้น เชื้อรา และยืดอายุการใช้งานของเนื้อสีที่ทาไปให้ยาวนานขึ้น

ทาน้ำยาเคลือบจนทั่วแล้วก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย จากนี้ก็ทิ้งให้แห้งสนิท อย่างน้อย 24 ชม. (ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ) จึงใช้งานได้ จะใช้เป็นถังขยะ วางตกแต่งสวน หรือเจาะรูที่ก้นถังทำเป็นกระถางปลูกต้นไม้ หรือจิปาถะอื่น ๆ ตามแต่ไอเดียและความสะดวกของแต่ละคนได้เลย

       ไม่ยากเลยใช่ไหมล่ะ ทุกคนก็สามารถ DIY กระถางพิมพ์ลายไม้แบบนี้ได้เช่นกัน เพราะอย่างที่เห็นขั้นตอนไม่มีอะไรยุ่งยากซับซ้อนเลย แถมอุปกรณ์ก็ไม่เยอะ เผลอ ๆ ฝึกทำไปทำมาทำสวยกว่าช่างของเราด้วยซ้ำ และถ้าเป็นแบบนั้นสามารถทำขายสร้างรายได้เสริมให้ตัวเองได้อีกด้วยนะจะบอกให้ ถ้าอยากลองพิสูจน์ฝีมือตัวเองว่าทำได้ไหม ก็เตรียมอุปกรณ์ให้พร้อมแล้วลงมือกันเลย !




ติดต่อ เทพช่างปูนปั้น/size]



101
ทาสีบ้านปูนเป็นลายไม้ ฝีมือช่างไทย เพิ่มกำไรให้งานช่าง

เพิ่มมูลค่าให้งานช่าง เปลี่ยนบ้านปูนเป็นบ้านไม้แบบไทย ไทย
เป็นที่ฮือฮากันในกลุ่มบ้านไอเดีย หลังจากสมาชิกได้แชร์คลิปข่าวจากเพจ Thai PBS รายการข่าววันใหม่ กับกรณีคุณลุงสมชาย เทียนไชย ช่างทาสีที่มีไอเดียสร้างสรรค์ผลงานกับสิ่งที่ตนรัก โดยคุณลุงได้บอกกับทางรายการว่า ปกติเป็นคนชอบลายไม้ พร้อมทั้งได้ผ่านการอบรมการทาสี งานปูนปั้น ได้นำความรู้ที่ศึกษามาต่อยอด จึงกลายเป็นสายงานใหม่ที่ให้ความแตกต่าง อีกทั้งยังเป็นเอกลักษณ์อันสวยงาม วิธีการของคุณลุงจะเน้นดูลายไม้จากของจริง จากนั้นนำลายไม้แต่ละชนิดวาดลวดลายให้เหมือนของจริง ลูกค้าสามารถเลือกลายไม้ได้ตามต้องการ เป็นอีกไอเดียที่สร้างความแตกต่างและสร้างรายได้ให้งานช่างเป็นอย่างดีเลยครับ สำหรับท่านใดต้องการติดต่อคุณลุงอาจต้องผิดหวังกันไป เพราะตอนนี้คิวงานค่อนข้างเยอะมาก อีกทั้งไม่สะดวกรับงานนอกสถานที่

สำหรับบ้านหลังดังกล่าวเป็นบ้านของ คุณเอ Tidarat Sinpaksa ผู้สื่อข่าว Thai PBS สมาชิกกลุ่มบ้านไอเดียของเรานั่นเอง ทางเว็บไซต์จึงได้ขออนุญาตนำภาพ Before & After ที่คุณเอเคยโพสต์ลงในกลุ่มมาให้ได้ชมกันคร่าวๆ โดยบ้านหลังนี้เดิมทีเป็นบ้านจัดสรรในย่านลำลูกกา คุณเอซื้อมือสองมาปรับปรุงใหม่ เรียกได้ว่าเปลี่ยนโฉมใหม่ เปลี่ยนอารมณ์ไปอย่างมากเลยครับ คุณเอเล่าให้ฟังถึงหลักการทาสีเบื้องต้น ดังนี้


ติดต่อ เทพช่างปูนปั้น/size]



102
การเปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสีย ปัญหาและอุปสรรคต่างๆ
การก่อสร้างระบบชิ้นส่วนสำเร็จรูปเป็นเทคโนโลยีที่นำมาใช้ในบ้านเรานานพอสมควร และมีหลากหลายระบบแต่ก็ยังไม่แพร่หลายมากนัก พอจำแนกเป็นข้อดีข้อเสียได้ ดังนี้

ข้อดีของการออกแบบระบบชิ้นส่วนสำเร็จรูป
- ลดปัญหาด้านการขาดแคลนแรงงาน ได้เป็นอย่างดี เนื่องจากการก่อสร้างระบบชิ้นส่วนสำเร็จรูป เนื่องจากทำการผลิตชิ้นส่วนจากโรงงานและนำมาติดตั้งบริเวณสถานที่ก่อสร้าง และการก่อสร้างด้วยระบบชิ้นส่วนสำเร็จรูปสามารถลดงานก่อและฉาบได้ ซึ่งจะช่วยลดปัญหาการขาดแรงงานในส่วนนี้ได้เป็นอย่างดี
- ลดระยะเวลาในการก่อสร้างได้เมื่อเทียบกับระบบการก่อสร้างปกติ สามารถก่อสร้างได้อย่างสะดวกเรียบร้อยมากขึ้น เนื่องจากต้องมีการเตรียมการวางแผนตั้งแต่การออกแบบโครงสร้าง และมีการความคุมการผลิตชิ้นส่วนการก่อสร้างจากโรงงานผลิตชิ้นส่วน
- ลดมลภาวะเรื่องฝุ่น และเสียงในขณะการก่อสร้าง ในบริเวณสถานที่ก่อสร้างได้เป็นอย่างดี
- ลดต้นทุนในการก่อสร้าง เมื่อมีการก่อสร้างรูปแบบอาคารที่ซ้ำกันเป็นจำนวนมาก และจากการออกแบบที่ครอบคลุมทุกขั้นตอนสามารถลดการใช้วัสดุอย่างชิ้นเปลืองและมีการสูญเสียน้อย
- โครงสร้างของอาคารระบบชิ้นส่วนสำเร็จรูปมีความแข็งแรงมากกว่าเมื่อเทียบกับระบบก่อสร้างปกติ เนื่องจากมีองค์ประกอบของโครงสร้างอาคารสามารถรับแรงได้

ข้อเสียของการ[ur=https://line.me/R/ti/p/%40650nudbtl]ออกแบบระบบชิ้นส่วนสำเร็จรูป[/url]
- ต้องมีการเตรียมงานที่รอบคอบ และครอบคลุมทุกขึ้นตอนของการก่อสร้างซึ่งจะทำให้ปริมาณงานในส่วนของการเตรียมงานและจัดทำ Shop Drawing มากขึ้น เมื่อเทียบกับการก่อสร้างระบบปกติ เนื่องจากต้องคำนึงถึง การผลิต การขนส่ง และการติดตั้ง เป็นอย่างมาก
- การออกแบบในด้านความสวยงามของโครงสร้างอาคารจะทำได้ยากขึ้น เนื่องจากผลิตระบบชิ้นส่วนสำเร็จรูปจำเป็นต้องมีการออกแบบชิ้นส่วนที่มีรูปแบบที่ง่ายต่อการผลิต กาขนส่ง และการติดตั้ง จึงทำให้เป็นข้อจำกัดในการออกแบบของการก่อสร้างระบบชิ้นส่วนสำเร็จรูป
- ข้อจำกัดของขนาดชิ้นส่วนสำเร็จรูป จะขึ้นอยู่กับการขนส่งและอุปกรณ์การยกติดตั้ง เช่น ขนาดของรถขนส่ง การรับน้ำหนักของถนน และขนาดของรถเครน หากมีการออกแบบชิ้นส่วนสำเร็จรูปที่มีขนาดใหญ่จะต้องรถขนส่งที่ออกแบบเฉพาะ และมีอุปกรณ์ยกติดตั้งที่มีขนาดพิเศษ และจะทำให้การติดตั้งยากลำบากมายิ่งขึ้น
- การออกแบบชิ้นส่วนสำเร็จต้องคำนึงถึงรูปแบบของชิ้นส่วนที่มีจำนวนมากและขนาดเดียวกัน เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพในการผลิตสูงสุด และลดต้นทุนวัสดุในการทำแบบหล่อ
- ความมั่นคงแข็งแรงของโครงสร้างระบบชิ้นส่วนสำเร็จรูปจะขึ้นอยู่กับความแข็งแรงของจุดต่อที่เชื่อมชิ้นส่วนสำเร็จรูปแต่ละส่วนเข้าด้วยกัน ซึ่งมีความซับซ้อนในการผลิตและการติดตั้งที่ทำได้ยาก
- การก่อสร้างด้วยระบบชิ้นส่วนสำเร็จรูป ด้วยทั่วไปแล้วแผ่นพื้นและผนังจะมีรอยต่อซึ่งต้องเสี่ยงต่อการรั่วซึมของรอยต่อที่สัมผัสน้ำ
- มีการลงทุนในระยะแรก เนื่องจากการสร้างโรงงานผลิตชิ้นส่วนสำเร็จรูป
- ผู้มีความรู้และความชำนาญในการก่อสร้างระบบชิ้นส่วนสำเร็จที่น้อย เนื่องจากเป็นระบบการก่อสร้างรูปแบบใหม่ที่นำเข้ามาใช้ในประเทศไทยได้ไม่นานมากนัก จึงทำให้ไม่เป็นที่นิยมและใช้ในการก่อสร้างที่แพร่หลายมากนัก

ปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ ของการออกแบบระบบชิ้นส่วนสำเร็จรูป
ด้านการออกแบบ
- ในระบบการก่อสร้างชิ้นส่วนคอนกรีตสำเร็จรูปชนิดผนังรับน้ำหนัก ไม่สามารถทุบผนังและต่อเติมได้ จึงไม่เหมาะสมกับความนิยมของคนไทยที่มักเปลี่ยนแปลงแบบบ้านของตนเอง หรือเพื่อเพิ่มพื้นที่ใช้สอย ฉะนั้นสถาปนิกและวิศวกรควรจะออกแบบบริเวณอาคารส่วนที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้เผื่อไว้ด้วย
- การออกแบบระบบชิ้นส่วนคอนกรีตสำเร็จรูป สถาปนิกและวิศวกรต้องทำงานประสานกันอย่างใกล้ชิด เพราะความมั่นคงแข็งแรงของโครงสร้างต้องสัมพันธ์กับความสวยงาม และประโยชน์ใช้สอย
- รายละเอียดการออกแบบระบบชิ้นส่วนสำเร็จรูปมีรายละเอียดมากกว่างานออกแบบระบบก่อสร้างปกติเป็นอย่างมาก ซึ่งต้องยอมเสียเวลาในการให้รายละเอียดของแต่ละชิ้นส่วน และการเชื่อมต่อเข้าด้วยกันเป็น เนื่องจากเป็นส่วนที่สำคัญมากของการก่อสร้างระบบชิ้นส่วนสำเร็จรูป
- มีความยุ่งยากในการนำแบบก่อสร้างระบบก่อสร้างปกติที่มีอยู่แล้ว มาทำการดัดแปลงเป็นระบบชิ้นส่วนสำเร็จรูป จะทำได้ยาก และยุ่งยาก เนื่องจากต้องคำนึงถึงทุก ๆ  องค์ประกอบตั้งแต่ต้น
- ปัจจุบันยังไม่มีการกำหนดขนาดของพิกัดในการก่อสร้างระบบชิ้นส่วนสำเร็จรูป ที่มีความสอดคล้องนำไปสู่ระบบประสานพิกัดแบบเปิด (Open system)
- การออกแบบระบบการก่อสร้างสำเร็จรูปต้องคำนึงถึงเกณฑ์ในการติดตั้งหรือยกน้ำหนัก
- การออกแบบระบบการก่อสร้างสำเร็จรูปต้องมีระยะเผื่อสำหรับความคลาดเคลื่อนของตำแหน่งที่เป็นจุดรอยต่อของโครงสร้างอาคาร
- มีความยืดหยุ่นในการออกแบบที่น้อย เนื่องจากต้องใช้แบบหล่อไม่สามารถปรับเปลี่ยนได้อย่างอิสระเพราะจะทำให้สิ้นเปลืองแบบหล่อ
- หลีกเลี่ยงชิ้นส่วนที่มีแขน ขา ยื่นออกมาจะทำให้การขนส่งสินค้า และขนย้ายยุ่งยาก
- มีรอยต่อที่สามารถทำให้ง่ายต่อการทำงานในสนาม เพื่อความรวดเร็วและลดความผิดพลาด

ด้านการก่อสร้าง
1.อาจเกิดความคลาดเลื่อนของระยะเวลาก่อสร้าง เนื่องจากปัญหาด้านแรงงาน การผลิต และการขนส่ง ซึ่งทำให้ก่อสร้างหยุดชะงัก และเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้น
2.ต้องมีการควบคุมในการก่อสร้างระบบชิ้นส่วนสำเร็จรูป ให้ได้มาตรฐานมากกว่าการก่อสร้างระบบทั่วไป
3.ช่างเชื่อมควรเป็นช่างที่มีความชำนาญและประสบการณ์ในการทำงาน และควรผ่านการทดสอบด้านการเชื่อมที่มีมาตรฐาน เนื่องจากรอยต่อระหว่างแผ่นคอนกรีตสำเร็จรูปเป็นสิ่งสำคัญของการก่อสร้างระบบชิ้นส่วนสำเร็จรูป
4.การขนส่งและการติดตั้งที่ยุ่งยากมากขึ้น เมื่อชิ้นส่วนสำเร็จรูปมีขนาดใหญ่และน้ำหนักมาก
5.ต้องมีการวางแผนงานสำหรับการขนส่งชิ้นส่วนสำเร็จรูปจากโรงงาน และติดตั้งทันโดยไม่ต้องนำแผนไปเก็บไว้ในโกดัง
6.ผู้รับเหมาและลูกจ้างจะคุ้นเคยกับการก่อสร้างระบบปกติมากกว่า ซึ่งทำให้ขาดความเข้าใจในขั้นตอนการทำงาน และชำนาญในการติดตั้ง


ติดต่อสอบถาม/size]



103
ออกแบบพื้นที่ทำเกษตรในแบบ “โคก หนอง นา โมเดล”

ไม่ว่าจะเป็นคนเมือง คนต่างจังหวัด คนรุ่นใหม่ หรือวัยเกษียณที่ยังมีไฟ หากกำลังวางแผนว่าจะกินอยู่แบบพอเพียงตามหลักเกษตรทฤษฎีใหม่ หรือตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงรัชกาลที่ 9 เชื่อว่าชีวิตที่มีคุณค่ารอเราอยู่ในอนาคตแน่นอน  อาจารย์ยักษ์ -วิวัฒน์ ศัลยกำธร ย้ำกับมือใหม่ทุกคนว่า สิ่งสำคัญคือต้องศึกษาหลักการให้เข้าใจอย่างถ่องแท้เสียก่อน ต้องเตรียมความพร้อมทั้งความรู้ซึ่งไม่ใช่แค่อ่านจากตำรา ต้องค่อย ๆ ฝึกปฏิบัติจนชำนาญ รวมถึงการฝึกจิตใจให้เข้มแข็ง ขยัน อดทน และมีความเพียรเพื่อไม่ให้เราก้าวพลาดจะทำให้เสียเวลาและงบประมาณ ที่สำคัญคือ ความตั้งใจ โดยเริ่มจาก โคกหนองนา โมเดล

1. บริหารจัดการพื้นที่
การบริหารพื้นที่เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดที่รู้จักกันในชื่อว่า “ โคก หนอง นาโมเดล ” ซึ่งเป็นการออกแบบพื้นที่ตามศาสตร์พระราชา ที่สามารถนำมาปรับใช้ได้ทั้งพื้นที่เล็กหรือใหญ่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ทรงศึกษาข้อมูลและทรงพบว่า เกษตรกรไทยส่วนใหญ่ครอบครองพื้นที่โดยเฉลี่ยครอบครัวละ 10 – 15 ไร่ จึงทรงแนะนำให้จัดสรรโดยมีเป้าหมายว่า ต้องทำให้เรามีข้าวปลาอาหารพอกินตลอดปี เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายและมีรายได้เหลือพอสำหรับจับจ่ายใช้สอยในเรื่องจำเป็น โดยใช้อัตราส่วน 30 : 30 : 30 : 10 เป็นเกณฑ์ปรับใช้ ตัวอย่างเช่นพื้นที่ส่วนแรก 30 เปอร์เซ็นต์ใช้สำหรับขุดสระน้ำ เพื่อเลี้ยงปลา ปลูกพืชน้ำที่กินหรือใช้ประโยชน์อื่น ๆ ได้ รอบ ๆ ขอบสระปลูกไม้ต้นที่ไม่ใช้น้ำมาก และสร้างเล้าไก่บนสระ
พื้นที่ส่วนที่สอง 30 เปอร์เซ็นต์ใช้สำหรับทำนา พื้นที่ส่วนที่สาม 30 เปอร์เซ็นต์ใช้ปลูกไม้ผล ไม้ต้น หรือไม้ที่ใช้สอยในครัวเรือน ใช้สร้างบ้านเรือน ทำอุปกรณ์การเกษตร หรือใช้เป็นฟืน พื้นที่ที่เหลืออีก 10 เปอร์เซ็นต์เป็นที่อยู่อาศัย ทางเดินคันดิน กองฟาง ลานตาก กองปุ๋ย หมัก โรงเรือน โรงเพาะเห็ด คอกสัตว์ หรือปลูกผักสวนครัว สมุนไพร และไม้ดอกไม้ประดับ เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนดังกล่าวเป็นสูตรหรือหลักการโดยประมาณ สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสมขึ้นอยู่กับสภาพของพื้นที่ ปริมาณน้ำฝน และสภาพแวดล้อม เช่น ในภาคใต้ที่มีฝนตกชุก หรือพื้นที่ที่อยู่ใกล้เขื่อนหรืออ่างเก็บน้ำ อาจลดขนาดบ่อหรือสระน้ำให้เล็กลง และปรับพื้นที่เพื่อใช้ประโยชน์อื่น ตัวอย่างการปรับพื้นที่ ที่อาจารย์ยักษ์แนะนำไว้ ในหนังสือ กสิกรรมธรรมชาติแบบคนจน มีดังนี้
• พื้นที่ 15 ไร่ที่มีฝนตกปานกลาง
บ้านนายแสนยา พื้นที่ 15 ไร่ จังหวัดน่าน มีฝนตกปานกลาง ห่างไกลระบบชลประทาน เขาจัดสรรพื้นที่เฉลี่ยประมาณ 5 ไร่สำหรับทำนา เขาสามารถผลิตข้าวได้เพียงพอทั้งครอบครัวทั้งปี เหลือจึงขายโดยการรวมกลุ่มสหกรณ์ พื้นที่ 4 ไร่ขุดสระน้ำลึก 4 เมตร เพื่อให้มีน้ำเพียงพอต่อการใช้ทั้งปี และเลี้ยงปลา ปลูกผักบุ้ง ผักกระเฉด เพื่อใช้เป็นอาหาร พื้นที่ 4 ไร่บนพื้นที่ตามคันนา พื้นที่ที่เหลือและบริเวณโดยรอบที่ดินใช้ปลูกไม้ผล ไม้ต้น ไม้ใช้สอยอื่น ๆ และสมุนไพร ปลูกป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง เพื่อทำฟืน ทำบ้าน และอีก 2 ไร่ใช้สร้างบ้าน โรงเรือนโรงเห็ด ผักสวนครัว ไม้ดอก ไม้ประดับ สร้างรายได้เสริม
• พื้นที่ 15 ไร่ที่มีฝนตกชุก
บ้านนายเหมือง พื้นที่ 15 ไร่ มีฝนตกตลอดปี เขาจัดสรรพื้นที่ 5 ไร่ใช้ทำนาผลิตข้าวพอกินทั้งครอบครัวตลอดปี พื้นที่ 3 ไร่ขุดสระลึก 4 เมตร มีน้ำเพียงพอในการใช้ตลอดทั้งปี พื้นที่ 5 ไร่ตามคันนาและรอบพื้นที่ใช้ปลูกไม้ผล ปลูกไม้ต้น ไม้ใช้สอย สมุนไพร ปลูกป่า 3 อย่างประโยชน์ 4 อย่าง เพื่อทำฟืน ก่อสร้างบ้านเรือน อีก 2 ไร่ ใช้สร้างบ้าน โรงเรือน โรงเห็ด ผักสวนครัว ไม้ดอกไม้ประดับ สร้างรายได้เสริม

2. บริหารจัดการน้ำ
ทำอย่างไรให้มีน้ำเพียงพอต่อการเพาะปลูกและใช้ในชีวิตประจำวันตลอดปีและมีสำรองไว้ใช้ในฤดูแล้งหรือระยะฝนทิ้งช่วง ซึ่งตามหลักเกษตรทฤษฎีใหม่เน้นการคำนวณปริมาณน้ำด้วยหลักวิชาการ น้ำฝนที่ตกลงในแต่ละพื้นที่ ถ้าเป็นบริเวณที่ฝนตกน้อยพื้นที่ค่อนข้างแล้ง น้ำฝนขั้นต่ำมีปริมาณปีละ 800 มิลลิเมตร หมายถึง เมื่อฝนตกลงมาถ้าไม่ซึมและระเหยสู่อากาศ ปริมาณน้ำจะสูงจากพื้นดินประมาณ 80 เซนติเมตร ส่วนพื้นที่ที่มีฝนตกชุก ถ้าไม่ซึมและระเหยก็จะมีปริมาณน้ำฝน 1,800 – 2,000 มิลลิเมตรต่อปี หรือสูงจากพื้นดิน 1.80 – 2 เมตร
ทั้งนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 มี พระราชดำริเป็นแนวทางว่า ในพื้นที่ 15 ไร่ เพาะปลูก 1 ไร่ ต้องมีน้ำสำหรับใช้ในการเกษตรไม่ต่ำกว่า 1,000 ลูกบาศก์เมตรดังนั้น เมื่อทำนา 5 ไร่ ปลูกพืชไร่หรือไม้ผลอีก 5 ไร่ รวมเป็น 10 ไร่ ต้องมีน้ำใช้ไม่ต่ำกว่า 10,000 ลูกบาศก์เมตร ในแต่ละปี อาจารย์ยักษ์บอกวิธีขุดสระเพื่อเก็บน้ำไว้ใช้
โดยสรุปว่า
หากขุดสระลึก 4 เมตรบนเนื้อที่ 3 ไร่ สามารถเก็บน้ำได้เต็มสระ 19,000 ลูกบาศก์เมตร ถ้าน้ำไม่ระเหยจะพอใช้ทั้งปี หากขุดสระลึก 4 เมตรบนเนื้อที่ 3 ไร่ สามารถเก็บน้ำได้เต็มสระ 19,000 ลูกบาศก์เมตร ถ้าน้ำระเหยวันละ 1 ชั่วโมง แต่ละปีฝนไม่ตก 300 วัน น้ำลดลงไป 300 เซนติเมตร เท่ากับ 3 เมตร เหลือปริมาณ 1/4 ของบ่อ หรือเก็บน้ำได้ 4,750 ลูกบาศก์เมตร พอใช้แค่ทำนา 4.75 ไร่
อย่างไรก็ตาม ขนาดบ่อเก็บน้ำจะเล็กหรือใหญ่ขึ้นอยู่กับสภาพภูมิประเทศและสภาพแวดล้อม ดังนี้
• ถ้าเป็นพื้นที่การเกษตรที่อาศัยน้ำฝน บ่อต้องลึกเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำระเหยได้มากเกินไป
• ถ้าพื้นที่การเกษตรอยู่ในเขตชลประทาน ควรขุดบ่อน้ำให้ลึกอย่างน้อย 3 เมตร ส่วนความกว้างยาวขึ้นกับความเหมาะสมของพื้นที่และการใช้น้ำ
• เกษตรกรควรทำนาในหน้าฝน และเมื่อถึงฤดูแล้งหรือฝนทิ้งช่วง ให้เกษตรกรใช้น้ำที่เก็บนั้นให้เกิดประโยชน์ทางการเกษตรอย่างสูงสุด โดยพิจารณาปลูกพืชให้เหมาะสมกับฤดูกาล เพื่อให้มีผลผลิตอื่นไว้บริโภคและสามารถนำไปขายได้ตลอดปี
• พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ทรงเรียกการขุดบ่อเก็บน้ำเพื่อให้มีน้ำใช้ในพื้นที่ตลอดปีว่า “regulator” ซึ่งหมายถึง การควบคุมให้มีน้ำหมุนเวียนไว้ใช้ทำการเกษตรตลอดเวลา โดยเฉพาะในหน้าแล้งและตอนฝนทิ้งช่วง แต่ไม่ได้หมายความว่าเกษตรกรจะสามารถปลูกข้าวนาปรังได้หากน้ำในสระเก็บน้ำมีเพียงพอ

3. ปลูกข้าวในนาและพืชผักสมุนไพรบนคันนา
ข้าวเป็นอาหารหลักที่คนไทยบริโภค ถ้าแต่ละครอบครัวทำนา 5 ไร่ก็จะมีข้าวพอกินตลอดปี โดยไม่ต้องซื้อหาในราคาแพง และพึ่งตนเองได้อย่างมีอิสรภาพ อาจารย์ยักษ์เล่าถึงเทคนิคการปลูกข้าวอินทรีย์สำหรับเลี้ยงครอบครัวว่า “เราควรยกคันนาให้สูงและกว้าง บางคนไม่เข้าใจว่ายกคันนาสูงแล้วจะปลูกข้าวพันธุ์อะไรในน้ำลึกมากขนาดนั้น แต่เมื่อเราทดลองทำก็รู้ว่า ข้าวทุกพันธุ์สามารถปลูกในนาน้ำลึกได้ ขอเพียงเรารู้จักพันธุ์ข้าวให้จริง ข้าวที่ปลูกในดินที่บ่มไว้อย่างดีจะมีรากยาวพอที่จะหาอาหารเลี้ยงตัวและทะลึ่งต้นขึ้นสูงหนีน้ำได้
“นอกจากได้ข้าว เรายังได้ผลผลิตอื่นจากนาข้าวก็คือ ปู ปลา กุ้ง กบ เขียด ทำเป็นอาหารที่หลากหลาย ส่วนบนคันนาก็ปลูกพืช ผัก กล้วย อ้อย พริก สร้างรายได้อีกทางหนึ่ง”

4. ป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง บันไดสู่ 4 พ
การปลูกป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง คือ การปลูกพืชที่นำมาใช้เป็นอาหาร เป็นที่อยู่อาศัย ทำเครื่องใช้ไม้สอยและเป็นร่มเงา ประกอบด้วยพรรณไม้หลากหลายชนิดสามารถจำแนกตามความสูงเป็น 5 ระดับ คือ
1. ไม้สูง เป็นไม้เรือนยอดสูงและมีอายุยืน เช่น ตะเคียน ยางนา เต็ง รัง ฯลฯ
2. ไม้กลาง เป็นไม้ต้นที่สูงไม่มากนัก ส่วนใหญ่เป็นไม้ผลที่เก็บกินได้ เช่น มะม่วง ขนุน มังคุด กระท้อน ไผ่ สะตอ ฯลฯ
3. ไม้เตี้ย เป็นไม้พุ่มเตี้ยที่อยู่ใต้ไม้สูงและไม้กลาง เช่น พริก มะเขือ กะเพรา ผักหวานบ้าน ติ้ว เหรียง ฯลฯ
4. ไม้เรี่ยดิน เป็นไม้เลื้อยชนิดต่าง ๆ เช่น พริกไทย รางจืด ฯลฯ
5. ไม้หัวใต้ดิน เช่น ขิง ข่า มันมือเสือ บุก กวาวเครือ ฯลฯ


ติดต่อสอบถาม/size]



104
rtd83 โคกหนองนา / องค์ประกอบการออกแบบ
« เมื่อ: กรกฎาคม 29, 2022, 08:54:13 PM »
ความหมายของการออกแบบ
การออกแบบ หมายถึง การรู้จักวางแผน เพื่อที่จะได้ลงมือกระทำตามที่ต้องการและการรู้จักเลือกวัสดุ วิธีการเพื่อทำตามที่ต้องการนั้น โดยให้สอดคล้องกับลักษณะรูปแบบ และคุณสมบัติของวัสดุแต่ละชนิดตามความคิดสร้างสรรค์ สำหรับการออกแบบอีกความหมายหนึ่งที่ให้ไว้ หมายถึงการปรับปรุงรูปแบบผลงานที่มีอยู่แล้ว หรือสิ่งต่าง ที่มีอยู่แล้วให้เหมาะสม ให้มีความแปลกความใหม่เพิ่มขึ้น
(อารี สุทธิพันธุ์ ,2527)

การออกแบบ คือ การวางแผนสร้างสรรค์รูปแบบ โดยวางแผนจัดส่วนประกอบของการออกแบบ ให้สัมพันธ์กับประโยชน์ใช้สอยวัสดุ และการผลิตของสิ่งที่ต้องการออกแบบนั้น
(วิรุณ ตั้งเจริญ ,2527)

การออกแบบ เป็นกิจกรรมอันสำคัญประการหนึ่งของมนุษย์ ซึ่งหมายถึงสิ่งที่มีอยู่ในความนึกคิด อันอาจจะเป็นโครงการหรือรูปแบบที่นักออกแบบกำหนดขึ้นด้วยการจัด ท่าทาง ถ้อยคำ เส้น สี แสง เสียง รูปแบบ และวัสดุต่าง ๆ โดยมีกฎเกณฑ์ทางความงาม
(สิทธิศักดิ์ ธัญศรีสวัสดิ์กุล ,2529)

องค์ประกอบการออกแบบ (Elements)
1. องค์ประกอบในความคิด(Conceptual Elements)
2. องค์ประกอบที่มองเห็นได้ (Visual Elements)
3. องค์ประกอบที่สัมพันธ์ (Relational Elements)
4. องค์ประกอบที่นำมาใช้ประโยชน์ (Practical Elements)
5. โครงสร้างที่ชัดเจน (Active Structure)
6. โครงสร้างที่มองไม่เห็น (Invisible Structure)
7. โครงสร้างที่มองเห็นได้ (Visible Structure)
จุดมุ่งหมายในการออกแบบ

ในการออกแบบแต่ละชนิดนั้น ผู้ออกแบบจะต้องตั้งจุดมุ่งหมายเอาไว้ก่อนแล้วว่าจะออกแบบไปทำไม ดังนั้นจุดมุ่งหมายที่กล่าวถึงนี้จะต้องมีความสำคัญ ซึ่งพอจะสรุปอย่างกว้าง ๆ ได้ดังนี้

1. การออกแบบเพื่อประโยชน์

ผู้ออกแบบโดยมากจะต้องคำนึงถึงประโยชน์ที่จะได้รับเป็นจุดมุ่งหมายแรกของการออกแบบ ซึ่งประโยชน์ที่จะได้รับมีทั้งประโยชน์ในการใช้สอย และประโยชน์ในการติดต่อสื่อสาร การออกแบบเพื่อระโยชน์ในการใช้สอยที่สำคัญ ได้แก่ ที่อยู่อาศัย เครื่องนุ่งห่ม ยานพาหนะ เครื่องมือ เครื่องใช้ต่าง ๆ เช่น อุปกรณ์ในการประกอบอาชีพทางการเกษตรมีแห อวน ไถ เป็นต้น ประโยชน์เหล่านี้จะเน้นประโยชน์ทางกายโดยตรง
สำหรับประโยชน์ในการติดต่อสื่อสาร ได้แก่ การออกแบบหนังสือ โปสเตอร์ งานโฆษณา ส่วนใหญ่มักจะเน้นการสื่อสารถึงกันด้วยภาษาและภาพ ซึ่งสามารถรับรู้ร่วมกันได้เป็นอย่างดี ผู้ออกแบบจำเป็นจะต้องมีความรู้ความสามารถเฉพาะด้าน ซึ่งการออกแบบโดยมากมักจะเกี่ยวข้องกับจิตวิทยาชุมชน ประโยชน์ด้านนี้จะเน้นทางด้านความศรัทธาเชื่อถือ และการยอมรับตามสื่อที่ได้รับรู้
2. การออกแบบเพื่อความงาม
จุดมุ่งหมายในการออกแบบเพื่อให้เกิดความงาม จะเน้นประโยชน์ทางด้านจิตใจเป็นหลัก ซึ่งผลจากการออกแบบจะทำให้ผู้ที่พบเห็นเกิดความสุข เกิดความพึงพอใจ การออกแบบประเภทนี้ได้แก่ การออกแบบด้านจิตรกรรม ประติมากรรม ตลอดจนงานออกแบบตกแต่งต่าง ๆ เช่น งานออกแบบตกแต่งภายในอาคาร งานออกแบบตกแต่งสนาม เป็นต้น

ติดต่อสอบถาม/size]



105
การออกแบบ
การออกแบบ หมายถึง การสร้างสรรค์สิ่งใหม่ หรือปรับปรุงดัดแปลงสิ่งที่มีอยู่ให้ดีขึ้น และมีรูปแบบที่เปลี่ยนไปจากเดิม การถ่ายทอดรูปแบบจากความคิดออกมาเป็นผลงาน ที่ผู้อื่นสามารถมองเห็น รับรู้ หรือสัมผัสได้ ซึ่งการออกแบบครอบคลุมถึงการออกแบบวัตถุ ระบบ หรือ ปฏิสัมพันธ์ของมนุษย์ และยังรวมไปถึง การคิดเชิงออกแบบ (design thinking) แบบที่ออกมาอาจเป็นสิ่งที่เป็นไปได้จริง หรือแบบที่เป็นเพียงนามธรรมก็ได้ ผู้ที่ออกแบบจะเรียกว่า นักออกแบบ ซึ่งหมายถึงคนที่ทำงานวิชาชีพในสาขาการออกแบบที่แตกต่างกันไป เช่น นักออกแบบแฟชั่น, นักออกแบบแนวความคิด หรือนักออกแบบเว็บไซต์
การออกแบบนั้นมีความจำเป็นที่ต้องพิจารณาด้าน สุนทรียศาสตร์ ประโยชน์ใช้สอย หลักเศรษฐศาสตร์ และมุมมองสังคมการเมือง ทั้งในสิ่งที่ออกแบบและขั้นตอนการออกแบบ การออกแบบอาจเกี่ยวข้องกับการค้นหาข้อมูล ความคิด การทำแบบจำลอง การปรับแก้แบบแบบมีปฏิสัมพันธ์ และ การรื้อแบบใหม่ (re-design) ขณะที่ความหลายหลายของการออกแบบอาจรวมไปถึง เสื้อผ้า ส่วนต่อประสานกราฟิกกับผู้ใช้ ตึกระฟ้า เอกลักษณ์องค์กร การจัดการกระบวนการทางธุรกิจ หรือแม้กระทั่งกระบวนการออกแบบเอง[1]

ประโยชน์ของการออกแบบขั้นสูง
ประโยชน์ของการออกแบบขั้นสูงต่อธุรกิจโครงการอสังหาริมทรัพย์แนวใหม่ : คอลัมน์ อยู่สบาย ดดย... ผศ.เอกพงษ์ ตรีตรง
การปฏิวัติธุรกิจเพื่อเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงทางสังคมเป็นเรื่องที่ควรทำอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการออกแบบสร้างสรรค์ โครงการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ อันเกี่ยวพันกับพฤติกรรมผู้บริโภค กระบวนการสร้างสรรค์และออกแบบอันทำให้เกิดอัตลักษณ์องค์กรและเอกลักษณ์โครงการคือหัวใจแห่งการพัฒนา ที่มีสาระที่สุดในยุคนี้โครงการลอกเลียน ก๊อบปี้ อาจต้องคิดหนักและเสี่ยงที่สุดกับความล้มเหลว การพัฒนาด้านการวิจัยและการค้นคว้าคือหัวใจแห่งการพัฒนาที่สำคัญที่สุด หมดยุคการคิดเองเออเองฟังเขามาทำ ไม่กล้าแตกต่างทำในแบบเดิมๆ ซ้ำไปซ้ำมา มีทัศนคติลบกับการลงทุน มองทุกปัญหาคือความยากลำบาก ในขณะที่คนสำเร็จจะกล้าคิดเชิงปฏิวัติและมองทุกอย่างที่เกิดขึ้นทุกกรณีเป็นความท้าทาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักลงทุนรุ่นใหม่ทุนน้อยสายป่านไม่ยาว ความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆคือทางรอดที่สุด
 การวางแผนการตลาดก็เช่นกัน ช่องว่างของนักลงทุนรุ่นใหม่ที่สามารถแทรกตัวอยู่ในการแข่งขันได้คือความคิดแตกต่าง การใช้ไอเดียใหม่ๆการออกแบบอันมีนวัตกรรม ที่ผนวกไปกับทุกขั้นตอน ผู้ซื้อในปัจจุบันคาดหวังนวัตกรรมและความสร้างสรรค์ใหม่ๆครับ ผู้บริโภคจะเลือกแบรนด์ใหม่ก็ด้วยความแตกต่างที่เห็นได้ชัด และความพิเศษกว่า คุ้มกว่า และภูมิใจที่เลือกซื้อมากกว่า   
 ธุรกิจรุ่นใหม่ไม่ควรแข่งขันกันที่ราคาเป็นหลัก การทำให้ราคาต่ำกว่ายักษ์ใหญ่หลายน่าจะทำได้ดีกว่าโดยเฉพาะแวดวงอสังหาริมทรัพย์ เพราะบริษัทใหญ่สายป่านยาวจะได้เปรียบในการก่อสร้างในปริมาณมากพร้อมกัน การผลิตชิ้นส่วนการก่อสร้างระบบแมสจากโรงงานตลอดจนการลดขั้นตอนจากการใช้แรงงานมาใช้เครื่องจักรที่ทันสมัย ความนิยม ปริมาณการผลิตในตลาดที่กว้างกว่า ได้เปรียบมากเมื่อเทียบกับรายเล็ก
 สาระสำคัญของการสร้างสรรค์โครงการของธุรกิจรุ่นใหม่ที่เจาะช่องว่างตลาดที่สำคัญคือ ดีไซน์!!!!!!!!!!นั่นเอง
 แต่จะดีไซน์อย่างไรให้ได้ผลครับจะคิดเรื่องนวัตกรรมอย่างไรให้แตกต่างดี ไม่มีหัวคิดสร้างสรรค์ ที่ผ่านมาลอกเขามาตลอด ทุนน้อยจะคิดใหม่ทำได้รึ รอบๆเขาก็ทำกันแบบนี้(ทำเหมือนเขาดีไหม) ปรึกษาธนาคารดูก็เขาแนะนำให้ทำราคาถูกๆจะได้ขายเร็วๆ ความเชื่อเรื่องแตกต่าง  ไม่กล้าครับ ไม่กล้าแตกต่าง เพราะในทำเลที่ทำ เขาก็ทำกันแบบนี้  แบบง่ายๆ ไม่ต้องพิถีพิถันดีไซน์อะไรมากมาย   คำถามของนักลงทุนรุ่น  ทุกคน ในรุ่นเก่า จึงมีผลงานออกมาในรูปแบบเดิมๆ ทัศนคติลบ ก่อนทำ  แบบนี้อยู่บ้านเฉยๆอย่าเข้ามาลงทุนเลย  ขายข้าวแกงอยู่บ้านหรือไม่ก็ขายที่ทิ้งไปเลยดีกว่านะครับ
 
สาระแห่งการออกแบบที่ดี และสร้างสรรค์ช่วยได้แต่ต้องเข้าใจลักษณะการออกแบบขั้นสูงเสียก่อน เพราะการออกแบบขั้นสูง จะช่วยเสริมสร้างไม่ใช่ทำให้เกิดภาระต้นทุน ดังนี้ครับ
 1. การออกแบบสามารถทำให้การลงทุนมีคุณภาพใช้งบประมาณต่ำกว่าที่สะเปะสะปะในการออกแบบ เช่นการเปรียบเทียบวัสดุ การออกแบบไม่ให้เสียเศษ การออกแบบให้เหมาะสมกับพื้นที่ การออกแบบขั้นละเอียดที่สามารถอธิบายให้ขั้นตอนการก่อสร้างไม่ยุ่งยากมีผลกับการลดต้นทุนได้ดี การออกแบบที่รู้จักเลือกวัสดุและอุปกรณ์ที่มีราคาไม่สูงแต่สวยงามด้วยรสนิยมแม้ราคาไม่แพงแต่ดูดีหรือแม้ราคาต้นทุนต่ำมากแต่สามารถยกระดับให้ดูดีด้วยดีไซน์ได้
 2. การออกแบบที่มองภาพรวมให้ไปด้วยกันอย่างเป็นเอกภาพ นั่นหมายถึงการยกระดับคุณภาพการลงทุนไปด้วย เพราะรูปแบบและการวางผังจะแตกต่างอย่างมากเมื่อเทียบกับการออกแบบธรรมดาโดยการออกแบบชั้นสูงจะสามารถทำให้ผลงานกลมกล่อมกลมกลืน มีคุณค่ามีสุนทรียภาพ เช่นการวางผังจะลงตัวมากมีมุมมองที่ดี มีการจัดวางอย่างมีสง่าราศี ผังดีไม่ดีจะมีผลในการลงทุนมาก โดยเฉพาะการใช้สอยที่มีประสิทธิภาพขั้นสูงจะตอบสนองการใช้งานที่ดีมากๆ มีการจัดวางให้การเข้าถึงอาคารมีองค์ประกอบ ระยะ ขนาด สัดส่วนที่ดี
 3. การออกแบบที่ดีจะต้องสามารถถอดรหัสโครงการได้เพื่อสร้างสรรค์อัตลักษณ์โครงการอย่างแม่นยำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการยุคใหม่จะต้องออกแบบให้ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในโครงการเกี่ยวพันกัน สอดคล้องกัน อย่างมีเอกภาพ โดยมีรหัสเชื่อมโยง โดยรหัสที่ว่านี้จะต้องสามารถทำให้โครงการมีพลังมีความน่าเชื่อถือ ไม่หลงทาง ซึ่งรหัสที่ว่านี้จะช่วยอัตลักษณ์ที่มีคุณค่าของโครงการด้วย ทางรายการอยู่สบายเราใช้ แนวคิด 4DNA แนวคิดอัตลักษณ์4มิติรูปรสกลิ่นเสียงสีสัมผัสและอารมณ์ความรู้สึก ให้คล้องจองเข้ากัน
 4. การออกแบบที่สามารถเกิดประสิทธิภาพขั้นสูงในการใช้งาน มีนวัตกรรมที่ตอบสนองการใช้สอยและสร้างเสริมให้การออกแบบมีผลสู่ความสำเร็จของโครงการ การออกแบบทุกอย่างในโครงการอย่างละเอียดทำให้ผู้ใช้งานสะดวกสบาย คล่องแคล่ว ปลอดภัย ตามลักษณะเฉพาะของแต่ละโครงการ โดยคำนึงถึงพฤติกรรมผู้บริโภคผู้ใช้งาน และยิ่งเป็นโครงการสาธารณะ อาคารเพื่อการค้าและธุรกิจ โรงแรม ห้างร้าน เกิดความผิดพลาดไม่ได้เพราะความสูญเสียอาจก่อเกิดความเสียหายต่อธุรกิจ ฉะนั้นการออกแบบควรส่งเสริมในทางบวกเท่านั้น
 5. การออกแบบที่ดีต้องสร้างความแตกต่าง มีแรงดึงดูด เป็นแลนด์มาร์คในตัวเองส่งเสริมภาพลักษณ์ในทางบวกให้กับโครงการ และในหลายผลงานที่สำเร็จการออกแบบจะเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดความน่าสนใจเกิดพลังเกิดความน่าจดจำ ด้วยรูปลักษณ์ บรรยากาศ บางชิ้นงานเป็นประวัติศาสตร์ เป็นสถานที่ก่อเกิดวัฒนธรรม มีคุณภาพและมีคุณค่าด้วย การออกแบบที่ลงลึกในการค้นคว้ารีเสิร์ทวิจัยก่อนออกแบบไปจนถึงระหว่างออกแบบอย่างครบถ้วน กลั่นกรองความคิดสู่ผลงาน และใช้การออกแบบขั้นสูง อย่างนี้ มีแต่จำเริญ มีแต่สำเร็จแน่นอนครับ


ติดต่อสอบถาม/size]



หน้า: 1 ... 5 6 [7] 8 9 ... 73