สวัสดี

ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - Admin

หน้า: 1 ... 3 4 [5] 6 7 ... 73
61
ข้อดี-ข้อเสียของ “บ้านน็อคดาวน์” ทางเลือกของคนอยากมีบ้านแต่ไม่อยากรอนาน

หลายคนเลือกซื้อ บ้านน็อคดาวน์ เนื่องจากมีราคาประหยัดกว่าและใช้เวลาในการติดตั้งไม่นานนัก แต่ก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่ไม่ได้ศึกษาข้อดีและข้อเสียของบ้านน็อคดาวน์ก่อนตัดสินใจซื้อ ซึ่งก็ทำให้พวกเขาไม่ได้เตรียมใจรับมือกับปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในระหว่างอยู่อาศัย หรือเรียกง่ายๆ ว่างานเข้านั่นเองค่ะ

และวันนี้ ในบ้าน ก็มาพร้อมข้อมูลดีๆ กันอีกเช่นเคย โดยเราจะชวนเพื่อนๆ ไปดูกันว่า “การสร้างบ้านน็อคดาวน์” จะมี ‘ข้อดีและข้อเสีย’ อย่างไรบ้าง เพื่อเป็นตัวช่วยประกอบการตัดสินใจให้กับคนที่วางแผนจะซื้อบ้านน็อคดาวน์ไว้เพื่ออยู่อาศัยหรือเพื่อใช้เป็นบ้านตากอากาศ เอาล่ะค่ะ เราไปติดตามกันเลยดีกว่า

ข้อดี
1. รวดเร็วในการก่อสร้าง
เนื่องจากบ้านน็อคดาวน์เป็นบ้านสำเร็จรูป ที่มีโครงสร้างประกอบเตรียมไว้แล้ว พร้อมติดตั้งทันที ทำให้ใช้เวลาในการติดตั้งเพียง 2 สัปดาห์ หรือนานสุดเพียง 1 เดือนเท่านั้น
2. ควบคุมงบได้ง่าย
บ้านน็อคดาวน์มักจะมีรูปแบบสำเร็จให้เลือกติดตั้งอยู่แล้ว จึงไม่ต้องกังวัลว่าเราจะต้องเสียค่าต่อเติมหรือค่าใช้จ่ายจิปาถะเพิ่มเติมเหมือนกับการก่อสร้างบ้านคอนกรีต
3. ลดปัญหาการออกแบบ และการควบคุมงานก่อสร้าง
อย่างที่บอกไปว่า บ้านน็อคดาวน์ส่วนใหญ่ได้รับการออกแบบและตรวจสอบก่อนเริ่มวางจำหน่าย มันจึงช่วยลดปัญหาที่อาจะเกิดขึ้นระหว่างการก่อสร้าง ไม่ว่าจะเป็นปัญหาด้านโครงสร้าง ปัญหาผู้รับเหมาหนีงาน ตลอดจนปัญหาค่าใช้จ่ายบานปลาย
4. ระบบท่อน้ำระบบไฟบางเจ้าออกแบบมาดีก็ดูสวยงามเรียบร้อยดี
ภายในโครงสร้างของบ้านน็อคดาวน์จะมีการจัดสรรช่องทางการเดินไฟและท่อประปาไว้อย่างเสร็จสรรพ ช่วยเพิ่มความเป็นระเบียบและลดค่าใช้จ่ายในการจ้างช่างเดินไฟได้อีกระดับ
5. บ้านน็อคดาว์รีสอร์ด มีความสวยงาม และขยายกิจการได้เร็ว
เนื่องจากบ้านน็อคดาวน์มีรูปแบบที่ตายตัวและใช้เวลาก่อสร้างไม่นาน จึงเป็นทางเลือกที่เหมาะสำหรับผู้ที่สนใจทำกิจการรีสอร์ทหรือบ้านพัก และผู้ที่ต้องการขยายกิจการในระยะเวลาอันสั้น

ข้อเสีย
1. เลือกวัสดุเองไม่ได้
บ้านน็อคดาวน์เป็นบ้านสำเร็จรูปที่ประกอบโครงสร้างเตรียมไว้ก่อนแล้ว ผู้ซื้อจึงไม่สามารถเลือกวัสดุตามความต้องการได้ ซึ่งบางครั้งถ้าวัสดุไม่ดีพอ ก็อาจจะลดอายุการใช้งานของตัวบ้านได้
2. อายุการใช้งานน้อยและมีขนาดเล็ก
บ้านน็อคดาวน์มีอายุการใช้งานราว 30-50 ปี ขึ้นอยู่กับวัสดุที่ใช้ ถ้าหากใครที่วางแผนจะสร้างบ้านหลังเดียวให้อยู่ได้นานๆ และส่งต่อเป็นมรดกให้กับลูกหลาน บ้านน็อคดาวน์ก็อาจเป็นทางเลือกที่ไม่เหมาะเท่าไหร่นัก
3. ค่าขนส่งบางเจ้าแพงเกินจริง
แน่นอนว่าหลายคนอาจเคยเห็นบ้านน็อคดาวน์ราคาถูกตามเว็บไซต์ แต่นั่นยังไม่รวมค่าขนส่ง ซึ่งถ้าเจอผู้รับเหมาเจ้าไหนหัวหมอ คุณก็อาจจะโดนบวกค่าขนส่งเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวเลยล่ะค่ะ ยังไงก็ลองตกลงกับผู้รับเหมาให้ดีก่อนซื้อนะคะ
4. วัสดุปูพื้นและหลังคาไม่มีประสิทธิภาพ
วัสดุปูหลังคาส่วนใหญ่มักไม่ทนทาน อาจต้องซ่อมแซมอยู่บ่อยๆ ส่วนวัสดุที่ใช้ปูพื้นส่วนใหญ่จะเลือกเป็นวัสดุน้ำหนักเบา ซึ่งเมื่อเดินหรือวิ่งอาจเกิดเสียงดังรบกวนคนในบ้านได้
5. ยากต่อการปรับปรุงต่อเติม
บ้านน็อคดาวน์ เมื่อติดตั้งแล้วยากต่อการรื้อและซ่อมแซม โดยเฉพาะระบบน้ำไฟ หลังคา วงกบ หน้าต่าง อีกทั้งยังเป็นโครงสร้างเหล็กที่เมื่อเป็นสนิมแล้ว ก็ต้องรื้อเปลี่ยนทั้งหลัง
6. ราคาสูง
เมื่อเทียบกับโครงสร้างและวัสดุที่ใช้แล้ว บ้านน็อคดาวน์ก็ถือว่ามีราคาค่อนข้างสูง นี่ยังไม่รวมค่าติดตั้งและค่าขนส่งที่ผู้ขายอาจคิดราคาเกินจริง


ติดต่อดูแบบบ้านน็อคดาวน์ 



62
ทำความรู้จัก 5 องค์ประกอบหลักของรถ
รถยนต์เเบ่งได้เป็น2 ส่วน คือ
-ส่วนประกอบภายใน และ
-ส่วนประกอบภายนอก
ส่วนประกอบภายในประกอบด้วย ระบบเครื่องยนต์ ระบบส่งกำลัง ช่วงล่าง ไฟฟ้าเครื่องยนต์ ไฟฟ้าตัวถัง เเละส่วนประกอบภายนอก ประกอบด้วย ตัวถังรถ เเละยาง
องค์ประกอบภายในของรถยนต์
องค์ประกอบของรถยนต์
แบ่งออกเป็น 5 เรื่องใหญ่ๆ คือ
1.ระบบเครื่องยนต์
2. ระบบส่งกำลัง
3. ช่วงล่าง
4. ไฟฟ้าเครื่องยนต์ และ
5. ไฟฟ้าตัวถัง
เรามาดูรายละเอียดปลีกย่อยในแต่ละหัวข้อกัน
1...ระบบเครื่องยนต์ตัวสร้างพลังงานในการขับเคลื่อนรถยนต์ ระบบเครื่องยนต์ที่มีในท้องตลาดแบ่งตามกำลังขับเคลื่อนได้ 5 ประเภทคือ
1.1 ระบบเครื่องยนต์น้ำมันเบนซิน (แก๊สโซลีน)
1.2ระบบเครื่องยนต์น้ำมันดีเซล
แบ่งโดยประเภทของน้ำมัน คงเป็นระบบที่คนทั่วไปรู้จักกันดีอยู่แล้ว แม้แต่คนที่ไม่ได้มีรถเป็นของตัวเอง เราดูประเภทต่อไป
1.3รถไฮบริดจ์ (Hybrid Vehicle) เป็นรถที่มีแหล่งกำเนิดของพลังงานมากกว่า 1 แห่ง มีต้นกำเนิดมาจากความพยายามที่จะรวมข้อดีของแหล่งพลังงานและหลีกเลี่ยง หรือ ขจัดข้อเสียของแหล่งพลังงานแต่ละประเภททิ้งไป รถ Hybrid จึงมีความแตกต่างกัน เช่น บางครั้งใช้มอเตอร์ไฟฟ้ากับเครื่องยนต์ประเภทเผาไหม้ภายใน บางประเภทก็ใช้เครื่องยนต์กับล้อช่วยแรง หรือ มอเตอร์ไฟฟ้ากับล้อช่วยแรง หรือ กังหันแก๊สกับล้อช่วยแรง ทุกประเภทจัดเป็นรถไฮบริดจ์ทั้งสิ้น
1.4รถพลังงานไฟฟ้า (EV) ใช้ไฟฟ้าช่วยให้เกิดการขับเคลื่อนแทนน้ำมัน
1.5รถฟูเอลเซลไฮบริดจ์ (Fuel cell hybrid vehicle) เป็นนวัตกรรมล่าสุดของรถยนต์ที่ ใช้ไฮโดรเจนสร้างกระแสไฟฟ้า
2..ระบบส่งกำลัง เป็นการถ่ายทอดการหมุนของเครื่องยนต์ไปยังล้อเพื่อให้เคลื่อนที่ได้ โดยต้องผ่านส่วนประกอบ หรืออุปกรณ์หลายชุด มีชุดคลัตช์ (Clutch), ชุดเกียร์ (Transmission), เพลาขับ (Drive shaft), ชุดเฟืองท้าย (Differential), เพลา (Axle), ล้อ (Wheel)
ในรถยนต์ ที่เป็นระบบขับเคลื่อนล้อหน้า จะมีเพลาขับต่อออกจากชุดเฟืองท้ายไปหมุนล้อโดยตรง ซึ่งในเรื่องของระบบส่งกำลังนี้ ในรถยนต์ต่างบริษัทผู้ผลิตก็อาจมีส่วนที่แตกต่างกันอยู่บ้าง ทั้งที่มีวัตถุประสงค์อย่างเดียวกันคือ ส่งกำลังหมุนจากเครื่องยนต์ไปที่ล้อเพื่อให้รถเคลื่อนที่ได้
วิธีทำงานของระบบส่งกำลังนั้น จะเริ่มต้นที่มีการหมุนของเครื่องยนต์ ซึ่งมีข้อเหวี่ยงเชื่อมต่อกับแกนตรงเพลารถ แกนต่อดังกล่าวยึดกับล้อช่วยแรง (Fly Wheel) พอเครื่องยนต์หมุน ล้อช่วยแรงก็หมุนไปด้วย โดยชุดคลัตช์ (Clutch) ที่ติดตั้งอยู่ในระบบ จะช่วยรับแรงหมุนนี้ ส่งไปยังเพลาคลัตช์ (Clutch shaft) เข้าไปสู่ห้องเกียร์ (Transmission) ส่วนภายในห้องเกียร์ ก็จะมีฟันเฟืองโลหะหลายขนาด ตามความเหมาะสมของความเร็วที่ต้องการใช้
3..ช่วงล่าง เป็นระบบรองรับน้ำหนักตัวถังรถ เพื่อเพิ่มความสมดุล ระบบช่วงล่างนี้ถูกออกแบบให้รับแรงกระแทกและความสะเทือนขณะขับขี่ไปบนถนนที่ไม่ได้เรียบสม่ำเสมอ ระบบนี้ทำให้ขณะขับผู้ขับขี่สามารถควบคุมรถได้ดี เนื่องจากช่วงล่างนี้เองเป็นตัวควบคุมการขับ ไม่ว่าจะเป็นการเลี้ยว การหยุดรถ โดยผ่านอุปกรณ์ 4 ประการต่อไปนี้
3.1 ระบบรองรับดุมล้อ การมีระบบนี้ มีประโยชน์คือ ลดแรงสะเทือนที่เกิดจากยางรถ เช่น สปริง โช้คอัพซอพเบอร์ เหล็กกันโคลง
3.2 ลูกหมากบังคับเลี้ยว ล้อด้านหน้าของรถถูกบังคับเลี้ยวด้วยระบบพวงมาลัย มี 2 แบบคือ
– แบบเฟืองขับและเฟืองสะพาน (แร็คแอนด์พีเนียน) ใช้การหมุนพวงมาลัยบังคับให้มีการเคลื่อนไปทางซ้ายหรือขวาของเฟืองสะพาน แบบนี้มีโครงไม่ชับซ้อน น้ำหนักเบา แต่มีประสิทธิภาพในการบังคับเลี้ยวได้แม่น
– แบบลูกปืนหมุนวน ระบบนี้ชับซ้อนกว่าแบบเฟือง เพราะมีลูกบอลระหว่างเพลาตัวหนอนและเพลาขวางอยู่จำนวนมาก
3.3 ระบบเบรกชลอหรือหยุดการเคลื่อนที่ของรถ ทั่วไปมีเบรก 2 ประเภท คือ
– เบรกเท้า มักใช้ดิสก์เบรกกับล้อหน้า ส่วนล้อหลังอาจเป็นดิสก์เบรกหรือดรัมเบรก ส่วนประกอบมีแป้นเหยียบ หม้อลม แม่ปั๊ม วาล์วปรับแรงดันน้ำมันเบรก ดิสก์เบรก ดรัมเบรก
– เบรกมือ เป็นกลไกเบรกเพื่อล็อกล้อหลัง มักใช้กันรถไหลเวลาจอดในที่ไม่เสมอ ป้องกันไปชนรถคันอื่น จะต้องมีการปรับตั้งก้านดึงเบรกมืออยู่เสมอ
4..ไฟฟ้าเครื่องยนต์ ในที่นี้หมายถึงระบบไฟฟ้าที่เกี่ยวกับเครื่องยนต์เท่านั้น ซึ่งมีตั้งแต่ไฟฟ้าที่ใช้ในระบบสตาร์ทเครื่องยนต์ที่ทำหน้าที่หมุนเครื่องยนต์ และรักษาการทำงานของเครื่องยนต์ ระบบไฟชาร์ทซึ่งจ่ายไฟให้แบตเตอรี่ เพื่อให้แบตเตอรี่จ่ายไฟไปที่ชิ้นส่วนที่ใช้ไฟฟ้าทั้งหมด ระบบจุดระเบิดทำการจุดส่วนผสมน้ำมันเชื้อเพลิงกับอากาศ เพื่อให้เกิดแรงผลักดันในเสื้อสูบ และอุปกรณ์ไฟฟ้าอื่นๆ ตลอดจนชิ้นส่วนอื่นๆ ที่จำเป็นต่อการสตาร์ทเครื่องยนต์และช่วยให้เครื่องยนต์ทำงานได้ราบรื่น
หน้าที่ของชิ้นส่วนประกอบในระบบไฟฟ้า มีดังต่อไปนี้
 แบตเตอรี่รถยนต์จ่ายกระแสไฟแรงต่ำไปยังคอยล์จุดระเบิด ทำหน้าที่เป็นตัวจ่ายไฟให้กับชิ้นส่วนไฟฟ้าต่างๆในรถ
มอเตอร์สตาร์ท (ระบบสตาร์ท) เป็นระบบเพื่อให้สตาร์ทเครื่องยนต์ได้
อัลเทอร์เนเตอร์(ระบบไฟชาร์ท) เป็นระบบจ่ายไฟฟ้าเพื่อใช้ในรถ รวมถึงในการชาร์จแบตเตอรี่ด้วย
คอยล์จุดระเบิด (ระบบจุดระเบิด) คือระบบที่จุดระเบิดส่วนผสมเชื้อเพลิงกับอากาศ
สวิตช์จุดระเบิด สวิตช์หลักของรถ
ไฟเตือนไฟชาร์จ คอยเตือนเวลาชาร์จไฟไม่ได้
เซ็นเชอร์ต่างๆ ตรวจจับอุณหภูมิน้ำ หรือความเร็วเครื่องยนต์ส่งไปยังECU
5...ไฟฟ้าตัวถัง  ส่วนประกอบของไฟฟ้าตัวถัง ประกอบด้วยชิ้นส่วนต่างๆที่ติดตั้งอยู่ภายในตัวถังรถยนต์ ซึ่งมีหลายอย่าง เช่น สวิตช์และรีเลย์ ระบบไฟและหลอดไฟส่องสว่าง มาตรวัดรวมและเกจต่างๆ ที่ปัดน้ำฝนและน้ำล้างกระจก ระบบปรับอากาศ ตัวถังรถ เป็นต้น

ติดต่อสอบถาม



63
ขั้นตอนเก็บของ[urlhttps://line.me/R/ti/p/%40fdh3246h]ย้ายบ้าน-ย้ายหอ[/url] ให้มีความสะดวกและรวดเร็วในการขนย้ายกันครับ

 1. ขายของที่ไม่ต้องการขนย้ายไปบ้าน/ห้องใหม่ล่วงหน้า
 2. เก็บของแต่ละห้องแยกกล่องกันให้ชัดเจน ติดเทปสีหรือเขียนระบุไว้ว่าเป็นของห้องไหน
 3. แพ็คของที่จำเป็นต้องใช้ทันทีหลังย้ายแยกต่างหาก
  4. เลือกกล่องให้เหมาะสมกับประเภทของที่แพ็ค
 5. ใช้ ziplock แพ็คของใช้ที่เป็นของเหลว หรือของใช้ที่เปิดแล้ว
 6. ไม่ต้องเก็บเสื้อผ้าทีละตัว
 7. อะไรที่ต้องถอดแล้วประกอบใหม่ ถ่ายรูปไว้ให้ดี เก็บส่วนประกอบอย่าให้หาย

หากคุณลูกค้ามีการวางแผน ที่จะย้ายบ้าน ย้ายคอนโด ย้ายหอพักหรือ ขนย้ายสินค้าต่างๆ เรามีบริการรถรับจ้างให้คุณลูกค้าเลือกใช้บริการทั้งแบบ ประเภทรถกระบะรับจ้างขนสินค้า ประเภทรถหกล้อรับจ้าง และประเภทรถสิบล้อรับจ้างขนส่งสินค้า  ซึ่งมีการให้บริการทั้งในเขตกรุงเทพมหานคร และเรายังมีการบริการรถรับจ้างใหคุณลูกค้าในต่างจังหวัดทั่วประเทศด้วยครับ ไม่ว่าจะอยู่อำเภอใด ตำบลใดเราสามารถเข้าถึงและให้บริการรถรับจ้างเหล่านี้ให้แก่คุณลูกค้าได้
คุณต้นรถรับจ้าง เป็น บริษัทที่ให้บริการรถรับจ้างแห่งประเทศไทยที่ได้รับการยืนยันตัวตนผ่าน COMODO SSL ORGANIZATION ระดับโลกเพียงเจ้าเดียว ให้บริการมาแล้วมากกว่า 1000 เที่ยว ส่งของปลอดภัยครบถ้วน ไม่มีเสียหาย 100 %



ติดต่อสอบถาม



64
rtd88 รถขนส่ง / 5 ประเภทการขนส่ง
« เมื่อ: กรกฎาคม 30, 2022, 08:44:19 AM »
5 ประเภทการขนส่ง

    ในสภสวะเศรษกิจยุคนี้ ธุรกิจออนไลน์มีการเติบโตเป็นอย่างมาก จึงมีความจำเป็นที่ต้องใช้ระบบขนส่งกันเป็นจำนวนมาก ก่อนที่เราจะติดสินใช้บริกาารขนส่ง
เราควรจะมีความรู้ในเรื่องการขนส่งก่อน อาธิช่นความรู้เบื่องต้นเกี่ยวกับประเภทการขนส่ง เพื่อจะได้คำนวณต้นทุนการขนส่งของเราได้ ตรงตามเป้าหมายของแเรา

ประเภทการขนส่งมีทั้งหมด 5 ประเภทได้แก่
1. การขนส่งทางบก (Road or Motor Transportation)
2. การขนส่งทางน้ำ (Water Transportation)
3. การขนส่งทางอากาศ (Air Transportation)
4. การขนส่งระบบคอนเทนเนอร์ (Container System)
5. การขนส่งทางท่อ (Pipeline Transportation)

เราจะมาลงรายละเอียดกัน โดยเริ่มจาก

1. การขนส่งทางบก (Road or Motor Transportation)จำแนกเป็น 2 ประเภท ได้แก่
             – การขนส่งทางรถไฟ (Railroads) เป็นเส้นทางการลำเลียงที่สำคัญที่สุดของประเทศ เหมาะสำหรับการขนส่งสินค้าหนัก ๆ ปริมาณมากและในระยะทางไกล รวดเร็ว อัตราค่าบริการไม่แพง และขนส่งสินค้าได้จำนวนมากหลายชนิด ทันตามกำหนดเวลาที่ต้องการ แต่ความยืดหยุ่นมีน้อย เพราะมีเส้นทางตายตัว
             – การขนส่งทางรถยนต์ (Motor Transportation) หรือรถบรรทุก (Truck Transportation)    เป็นที่นิยมในปัจจุบัน เหมาะสำหรับของขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ ซึ่งสะดวก รวดเร็วขนส่งสินค้าได้ตลอดเวลาตามความต้องการของลูกค้า เหมาะกับการขนส่งระยะสั้นและระยะกลาง แต่ค่าขนส่งสูงเมื่อเทียบกับการขนส่งทางรถไฟ มีความปลอดภัยต่ำ เกิดอุบัติเหตุบ่อย กำหนดเวลาแน่นอนไม่ได้ ขึ้นอยู่กับสภาพการจราจรและดินฟ้าอากาศ
             – การขนส่งทางจักรยานยนต์ เหมาะสำหรับของขนาดเล็กและขนาดกลาง ระยะการขนส่งสั้น ไม่สามารถส่งในระยะไกลได้ ราคาไม่แพงมาก การขนส่งทางจักรยานยนต์เหมาะกับของที่ต้องการความรวดเร็วในระยะการขนส่งระยะสั้น

2. การขนส่งทางน้ำ (Water Transportation) คือ การขนส่งโดยการใช้แม่น้ำลำคลอง เส้นทางทางทะเลเป็นเส้นทางลำเลียงสินค้า ส่วนใหญ่ใช้สำหรับการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ ซึ่งเหมาะสมกับสินค้าที่มีขนาดใหญ่ ขนส่งได้ปริมาณมากเป็นสินค้าที่ยากแก่การเสียหาย เช่น ทราย แร่ ข้าวเปลือก เครื่องจักร ยางพารา เป็นต้น ซึ่งการขนส่งทางน้ำอัตราค่าขนส่งถูกกว่าเมื่อเทียบกับการขนส่งทางอื่น ทั้งยังขนส่งได้ปริมาณมาก สามารถส่งได้ระยะไกล ๆ ได้ แต่ไม่สามารถกำหนดเวลาที่แน่นอนในการขนส่งได้ขึ้นอยู่กับภูมิอากาศ และ ภูมิประเทศ

3. การขนส่งทางอากาศ (Air Transportation) เหมาะกับการขนส่งระหว่างประเทศ หรือการขนส่งที่ต้องการความรวดเร็ว สะดวกและปลอดภัย เหมาะกับการขนส่งสินค้าประเภทที่เปราะบาง เช่น ผัก ผลไม้ เป็นต้น ไม่เหมาะกับสินค้าที่มีขนาดใหญ่ น้ำหนักมากและสินค้าราคาถูกๆ ไม่รีบร้อนในการขนส่ง แต่ค่าใช้จ่ายแพงกว่าการขนส่งประเภทอื่น

4. การขนส่งระบบคอนเทนเนอร์ (Container System)  เป็นการขนส่งโดยบรรจุสินค้าที่จะขนส่งลงในตู้หรือกล่องเหล็กขนาดใหญ่ แล้วทำการขนส่งโดยรถบรรทุก รถไฟ หรือเครื่องบิน ไปยังจุดหมายปลายทางโดยไม่มีการขนถ่ายสินค้าออกจากตู้ระหว่างทำการขนส่งเที่ยวนั้น ซึ่งตู้คอนเทนเนอร์ทนทานต่อสภาพลมฟ้าอากาศ สามารถวางไว้กลางแจ้ง ตู้คอนเทนเนอร์ จึงสามารถป้องกันสินค้าชำรุดเสียหายได้เป็นอย่างดี

5. การขนส่งทางท่อ (Pipeline Transportation)เป็นการขนส่งสิ่งของประเภทของเหลวและก๊าซผ่านสายท่อ เช่น น้ำประปา น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ เป็นต้น ซึ่งการขนส่งทางท่อจะแตกต่างกับการขนส่งประเภทอื่น คือ อุปกรณ์ที่ใช้ในการขนส่งไม่ต้องเคลื่อนที่ โดยเส้นทางขนส่งทางท่ออาจจะอยู่บนดิน ใต้ดินหรือใต้น้ำ ขึ้นอยู่กับสภาพภูมิอากาศ ทำให้กำหนดเวลาการขนส่งได้แน่นอนชัดเจน ประหยัดต้นทุน เวลาในการขนย้ายสินค้า และมีความปลอดภัยสูงจากการสูญหายหรือลักขโมย ใช้กำลังคนน้อย ซึ่งข้อเสีย คือ ขนส่งได้เฉพาะสินค้าที่เป็นของเหลวหรือก๊าซเท่านั้นค่าใช้จ่ายในการลงทุนครั้งแรกสูง ไม่เหมาะกับการขนส่งในภูมิประเทศที่มีแผ่นดินไหวบ่อย


ติดต่อสอบถาม



65
8 จุด ตรวจเช็ครถก่อนออกเดินทางไกล
อย่าให้การเดินทางต้องมาสะดุด เพราะปัญหารถเสียกลางทาง เพื่อความปลอดภัยและความราบรื่นในการเดินทาง ควรหมั่นตรวจเช็คสภาพรถของเราก่อนออกเดินทาง

จุดที่ 1 ตรวจเช็คแบตเตอรี่
หัวใจหลักของการสตาร์ทเครื่องยนต์คือแบตเตอรี่ ตรวจดูสภาพของแบตเตอรี่ ว่าอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์หรือไม่ หมั่นตรวจเช็คทำความสะอาดคราบขี้เกลือที่ขั้วแบต เช็คระดับน้ำกลั่นให้อยู่ในระดับที่กำหนด ตรวจสอบความแน่นของขั้วแบต และฉนวนหุ้มสาย

จุดที่ 2 ล้อและยางรถยนต์
เป็นอีกจุดที่สำคัญมากๆ เพราะอุบัติเหตุส่วนหนึ่งบนท้องถนน เกิดจากยางระเบิดขณะขับขี่ ดังนั้นยางที่ดีต้องอยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งาน ไม่รั่ว ไม่ซึม ไม่แตกลายงา มีดอกยางเพียงพอ เติมลมยางตามที่คู่มือประจำรถกำหนด ส่วนล้อก็ควรอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ ไม่คด ไม่เบี้ยว และที่สำคัญ อย่าลืมเช็คน็อตล้อด้วยนะครับ ว่าขันแน่นหรือเปล่า

จุดที่ 3 เช็คช่วงล่าง
ตรวจเช็คด้วยการลองขับบนถนนเรียบทางตรง โดยสังเกตพวงมาลัยว่าตรงหรือไม่ หากพวงมาลัยไม่ตรงก็จัดการนำรถไปตั้งศูนย์ใหม่ พวกชิ้นส่วนต่างๆของช่วงล่าง เช่นลูกหมาก หากขับทางขรุขระแล้วมีเสียงกุกกัก ก็รีบให้ช่างแก้ไขโดยด่วน โช้คก็เช่นกัน ตรวจเช็คคราบน้ำมันบริเวณแกนโช้ค ว่ารั่วหรือไม่ เพราะระบบช่วงล่างทั้งหมดมีผลต่อการทรงตัวขณะขับขี่

จุดที่ 4 เช็คระดับน้ำมันเบรก และ ระบบเบรก
หลายท่านเข้าใจว่าหากน้ำมันเบรกหาย เราต้องเติมน้ำมันเบรกเพื่อให้อยู่ในระดับปริมาณที่พอดี แต่ท่านทราบหรือไม่ว่าระบบเบรกความเป็นจริงแล้วคือระบบปิด ความหมายก็คือน้ำมันเบรกจะอยู่แต่ภายในระบบเบรก จะไม่มีการละเหยเหมือนน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งแน่นอนว่าถ้าผ้าเบรกไม่สึก หรือถ้าไม่มีจุดไหนรั่ว น้ำมันเบรกจะไม่สามารถหายไปได้ง่ายๆ ดังนั้นหากรถเราน้ำมันเบรกหาย อย่าเพิ่งเติมครับ เราต้องหาสาเหตุให้ได้ก่อนว่าน้ำมันเบรกหายไปได้อย่างไร

จุดที่ 5 เช็คระบบไฟส่องสว่าง
ทั้งไฟหน้า ไฟท้าย ไฟตัดหมอก ไฟเลี้ยว และไฟฉุกเฉิน จะต้องใช้งานได้ครบทุกจุด แสงสว่างจะต้องคมชัด ไม่มัว ยิ่งเดินทางในช่วงกลางคืนระบบไฟส่องสว่างถือว่าจำเป็นมากในการเดินทาง

จุดที่ 6 น้ำมันเครื่อง
น้ำมันเครื่องถือเป็นสิ่งที่จำเป็นของระบบกลไกต่างๆในเครื่องยนต์ ประสิทธิภาพของน้ำมันเครื่องที่ดี จะต้องผ่านการใช้งานไม่เกินระยะทางที่คู่มือกำหนด ระดับน้ำมันเครื่องจะต้องอยู่ในระดับที่เหมาะสม ซึ่งเราสามารถตรวจเช็คได้จากก้านวัดน้ำมันเครื่อง และขณะเดินทางควรมีน้ำมันเครื่องสำรองติดรถไว้อย่างน้อย 1 ลิตร เผื่อได้ใช้ในยามฉุกเฉิน

จุดที่ 7 เช็คหม้อน้ำ ท่อยาง และ ระบบหล่อเย็น
ระบบระบายความร้อน ถือเป็นอีกหัวใจหลักของเครื่องยนต์ เพราะด้วยความร้อนสะสมในขณะที่เครื่องยนต์ทำงาน บวกกับอุณหภูมิภายนอกที่ร้อน หากระบบระบายความร้อนไม่ดีหรือมีปัญหา อาจทำให้เครื่องยนต์น็อคได้ ดังนั้นเราควรเช็คระดับน้ำหล่อเย็นในหม้อพักและหม้อน้ำ เช็คการทำงานของพัดลมหม้อน้ำและมอเตอร์ ตรวจสอบรอยรั่วของหม้อน้ำ ท่อยาง และข้อต่อต่างๆ หากตรวจพบว่ามีน้ำไหลซึม ควรรีบแก้ไขโดยด่วน

จุดที่ 8 ชุดเครื่องมือประจำรถ
เช่น ล้อ-ยางอะไหล่ ,แม่แรง ,ชุดเครื่องมือในการถอดล้อ ,ที่เติมลมฉุกเฉิน ,สายพ่วงแบต ,สายลากรถ ,ไฟฉาย ซึ่งเครื่องมือเหล่านี้ควรมีติดรถเอาไว้ จะได้อุ่นใจยามเดินทาง มีแล้วไม่ได้ใช้ ดีกว่าจะใช้แล้วไม่มีนะครับ


ติดต่อสอบถาม



66
rtd88 รถขนส่ง / การตรวจเช็คความพร้อมของรถ
« เมื่อ: กรกฎาคม 30, 2022, 08:42:51 AM »
การตรวจเช็คความพร้อมของรถ
การตรวจเช็คความพร้อมของรถ ในกรณีที่มีการจอดเป็นระยะเวลานาน ควรตรวจสอบสภาพยางทั้งหมดเพื่อดูความเสียหายที่มองเห็นได้ด้วยสายตา (เช่นการบาดหรือบวม) และการสึกหรอที่ผิดปกติและการตรวจสอบความดันลมขณะลมเย็นของยางทุกล้อ​

- หากการตรวจสอบพบว่าความดันลมยางคงเหลือต่ำกว่า 14psi ให้ตรวจสอบสาเหตุที่ทำให้ลมรั่วที่มองเห็นได้และหากไม่พบสิ่งผิดปกติใดใด ควรเติมลมยางให้อยู่ในระดับมาตรฐานตามวิธีการการทำงานที่ปลอดภัย
- ในกรณีที่พบความดันลมยางคงเหลือต่ำกว่า 14 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว ให้ถอดยางออกมาเพื่อทำการตรวจสอบภายในท้องยาง เพื่อดูสิ่งบ่งชี้ของความเสียหายภายในเช่นรอยรอยพับจากการวิ่งบด​
- สำหรับยางในตำแหน่งล้อคู่ ควรถอดยางที่จับคู่กันออกมาตรวจสอบด้วยเช่นกัน​
- ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่ายางทุกตำแหน่งล้อมีการติดตั้งฝาวาล์วที่ถูกต้องเหมาะสมกับการใช้งาน

การดูแลยางในช่วงเวลาที่ต้องจอดเป็นเวลานาน
ทุกๆสี่เดือนหากเป็นไปได้ควรมีการขับรถวนรอบลานจอดหรือขับอยู่ในบริเวณระแวกใกล้เคียง สำหรับในกรณีที่ไม่สามารถเคลื่อนย้ายรถได้ อย่างน้อยยางควรได้รับการหมุนหนึ่งในสี่ของเส้นรอบวง ​

อย่างไรก็ตามก่อนที่จะเคลื่อนย้ายรถบรรทุกหรือรถพ่วง ควรตรวจสอบให้ดีว่ายางอยู่ในสถาพปกติ ไม่มีปัญหาลมอ่อน เมื่อพบว่าลมยางอ่อนต้องทำการแก้ไขให้เรียบร้อยตามแนวทางระบุไว้ในหัวข้อก่อนก่อนหน้านี้

การเตรียมความพร้อมของรถเพื่อนำกลับมาใช้งาน​
ก่อนที่จะนำรถกลับมาใช้งาน ให้ตรวจสอบความดันลมยางขณะลมเย็นของยางทุกล้อ​และปรับตามคำแนะนำของผู้ผลิตยาง​




ติดต่อสอบถาม



67
วิธีเลือก รถรับจ้างให้ตรงตามความต้องการในการขนย้าย
วิธีเลือก รถรับจ้างกรุงเทพ ขนย้ายของที่ตรงตามความต้องการในการขนย้าย ผู้ที่กำลังมองหา
 รถรับจ้างขนของ ขนย้ายสำนักงาน ขนย้ายสินค้าโรงงาน ขนย้ายหอ ย้ายคอนโด ขนของย้ายบ้าน
ขนย้ายเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ รถรับจ้างขนของแบบไหนที่คิดว่าดีและตรงใจสำหรับผู้ใช้บริการทุกท่าน
นั่นก็คือ การให้การบริการเพราะการให้การบริการ คือหัวใจหลักสำคัญของรถรับจ้างขนของ อย่างเช่น

1. ลูกค้าโทรมาขอคำปรึกษา หรืออยากทราบราคาในการขนย้ายกับเจ้าหน้าที่ ลูกค้าก็จะดูน้ำเสียงว่าพนักงานนั้นเต็มใจให้ข้อมูล แนะนำกับเราแบบชัดเจนหรือไม่ การที่เราจะใช้บริการรถรับจ้างสิ่งแรกที่จะเกิดความประทับใจแรก ก็เป็นรายละเอียดเล็กๆน้อยๆนี่แหล่ะค่ะ ที่จะทำให้ลูกค้าประทับใจ
ในความเป็นกันเองและใส่ใจของพนักงานในการให้ข้อมูลและคำแนะนำ เพื่อทำให้ผู้ใช้บริการเกิดความพึงพอใจสูงสุด

2. ผู้ใช้บริการรถรับจ้างขนของ จะต้องรู้ก่อนว่า ของที่จะทำการขนย้าย ขนย้ายสำนักงาน ขนย้ายสินค้าโรงงาน ขนย้ายหอ ย้ายคอนโด ขนของย้ายบ้าน ขนย้ายเฟอร์นิเจอร์ หรือย้ายอะไรก็ตาม จะต้องทราบถึง ปริมาณและน้ำหนัก เพื่อที่จะเลือกรถรับจ้างขนของได้ตรงกับการขนย้าย
 ซึ่งจะทำให้ประหยัดและสิ่งของไม่ชำรุดเสียหายอีกด้วย

3. ดูถึงสภาพรถรับจ้างขนของ ว่ามีสภาพดี สะอาดและปลอดภัยหรือไม่ ก่อนที่จะใช้บริการ รถรับจ้างขนของ ควรที่จะดูสภาพรถเป็นสำคัญ เพราะจะได้ไม่เกิดอุบัติเหตุ และรถไม่เสียระหว่างการขนย้าย

4. ราคาเท่าในการขนย้าย รถรับจ้างขนของ มีหลากหลายขนาด หลากหลายรูปแบบ ราคาจะมีความแตกต่างกันออกไป ดังนั้น หากเราต้องการประหยัดเราจะต้องรู้ถึงปริมาณของสินค้าเพราะเป็นสิ่งสำคัญเช่นกันสำหรับการขนย้าย ถ้าเกิดตัวผู้ใช้บริการรถรับจ้างขนของ
บอกว่าต้องการรถที่มีขนาดใหญ่ในการขนย้าย แต่ของที่ผู้ใช้บริการมีเพียงของขึ้นใหญ่เพียง 1-2 ชิ้น และที่เหลือเป็นของจุกจิก ก็จะทำให้ตัวผู้ใช้บริการเกิดความสิ้นเปลืองโดยไม่ใช้เหตุ ดังนั้น หากมีการขนย้าย จึงจำเป็นจะต้องมีการวางแผนที่ดีรู้ถึงปริมาณของที่จะทำการขนย้ายและปรึกษากับทางผู้ให้บริการ
ว่าควรใช้รถแบบไหน ? จะเป็นรถกระบะรับจ้าง รถรับจ้างย้ายบ้าน รถขนของ รถ 6 ล้อรับจ้าง รถพ่วงรับจ้าง รถสิบล้อรับจ้าง เป็นต้นฯ จะต่อตัวลูกค้าและถือเป็นการวางแผนที่ดีด้วยประหยัดคุ้มค่ามากแน่นอน !

5. ตัวพนักงานขับขี่ให้บริการพูดจาสุภาพมีความเป็นกันเอง ยิ้มแย้มแจ่มใสแสดงถึงความใส่ใจในรายละเอียดของตัวผู้ใช้บริการรถรับจ้างขนของและมีน้ำใจในการช่วยเหลือในการยกของด้วยต่อให้มีทีมงานยกของให้ก็ตาม

6. จะต้องเป็นเครือข่ายที่ใหญ่และมีเครือข่ายรถครอบคลุมทุกพื้นที่ ให้บริการในทุกจุดทั่วประเทศไทย นั่นก็คือผู้ที่ใช้บริการรถรับจ้างขนของที่ต้องการจะใช้บริการรับจ้างขนของแน่นอนว่ามีมากมายหลากหลายพื้นที่จะต้องตอบสนองลูกค้าได้ทุกคนไม่ว่าจะอยู่ใกล้หรือไกลแค่ไหน เราก็ต้องให้บริการได้ถึงที่หมายนั่นเองค่ะ




ติดต่อสอบถาม



68
รถรับจ้าง 4 วิธีเลือกให้ถูกงานขนส่งอย่างเซียน
เคยไหม? เวลาจะเรียก รถรับจ้าง แต่ไม่รู้ว่าจะเลือกรถแบบไหนให้เหมาะกับงาน ‘ขนดี’ มีวิธีง่ายๆ ในการเลือกรถขนส่งมานำเสนอ ซึ่งการเลือกรถขนส่งให้ตรงกับงาน นอกจากช่วยในการประหยัดต้นทุน
ค่าขนส่งแล้ว ยังเป็นการรักษาสภาพสินค้าให้ปลอดภัย ไม่เกิดความเสียหาย สินค้าถึงมือลูกค้าตรงเวลา กำไรมาเน้นๆ อุปกรณ์เสริมรถรับจ้าง รถรับจ้าง รถรับจ้าง 4 วิธีเลือกให้ถูกงานขนส่งอย่างเซียน
อุปกรณ์เสริมรถรับจ้าง

รถตู้ทึบ ตู้มีประตูปิดมิดชิดติดท้ายกระบะ เหมาะสำหรับสินค้าที่ต้องระวังความเสียหายจากแดด-ลม-ฝน รวมถึงสินค้าต้องระมัดระวังในการขนย้าย เช่น เฟอร์นิเจอร์, เครื่องใช้ไฟฟ้า, อาหารแห้ง, สินค้าทั่วไป ฯลฯ
อุปกรณ์เสริมรถรับจ้าง รถรับจ้าง รถรับจ้าง 4 วิธีเลือกให้ถูกงานขนส่งอย่างเซียน

อุปกรณ์เสริมรถรับจ้าง
รถตู้เย็น สำหรับการขนส่ง ที่ต้องเก็บรักษาอุณหภูมิ เพื่อคงสภาพและความสดใหม่ โดยเฉพาะสินค้าประเภทวัตถุดิบอาหารสดอย่างปลาหรือผัก สินค้าแช่แข็ง ไอศกรีม
รวมไปถึงอุปกรณ์การแพทย์บางชนิดที่ต้องเก็บรักษาด้วยความเย็น

อุปกรณ์เสริมรถรับจ้าง รถรับจ้าง รถรับจ้าง 4 วิธีเลือกให้ถูกงานขนส่งอย่างเซียน
อุปกรณ์เสริมรถรับจ้าง
คอกผ้าใบ ใช้ในงานขนส่งสินค้า ที่ต้องระวังแดด-ลม-ฝน แต่จะมีต้นทุนถูกกว่ารถตู้ทึบ เหมาะกับสินค้าประเภทวัสดุก่อสร้าง, ผลไม้, สินค้าการเกษตร ฯลฯ
อุปกรณ์เสริมรถรับจ้าง รถรับจ้าง รถรับจ้าง 4 วิธีเลือกให้ถูกงานขนส่งอย่างเซียน
อุปกรณ์เสริมรถรับจ้าง
ท้ายพื้นเรียบ เหมาะสำหรับขนย้ายสินค้าขนาดใหญ่ น้ำหนักมาก เช่น รถยนต์, เครื่องจักร, ตู้คอนเทนเนอร์, วัสดุก่อสร้างขนาดใหญ่ เป็นต้น

ติดต่อสอบถาม



69
4 วิธีเลือกใช้บริการ “รถรับจ้าง”
เพื่อขนส่งสินค้า หรือของใช้ส่วนตัว เราควรค้นหามูลให้ดีเพราะ ในการเคลื่อนย้ายสินค้าหรือสิ่งของต่าง ๆ นั้น
ถ้าของเราเกิดเสียหายขึ้นมา อาจจะจะส่งผลต่อธุรกิจหรืออาจจะต้องเสียเงินกับเรื่องที่ไม่ควรให้เกิดขึ้นอย่างแน่
ก็จะมาบอกวิธีเลือกผู้ให้บริการรถรับจ้างขนส่งสินค้าแบบมืออาชีพ ที่หลายคน ๆ ต้องอ่าน
รถรับจ้าง เกณฑ์หลักสำคัญในการเลือก “รถรับจ้าง” แบบมืออาชีพ
รถขนส่ง ขนของแบบมืออาชีพ กับขนดี รถย้ายบ้าน

1.เลือกบริษัทที่ รถย้ายบ้าน มีความน่าเชื่อถือ  >> สำหรับความน่าเชื่อถือนั้น เราต้องดูว่ารถที่เราจะเรียกมาใช้บริการนั้น เราควรดูว่ามีที่อยู่ที่สามารถติดต่อได้จริงไหม
 รายระเอียดต่างๆควรระบุให้ชัดเจน ทางที่ดีควรเลือกใช้บริการกับผู้ที่มีประสบการณ์ ก็จะช่วยเพิ่มความมั่นใจได้มากยิ่งขึ้น

2.มีการประเมิณราคาอย่างสมเหตุสมผล  >> เรื่องของราคาในการขนส่งนั้น ถือเป็นปัจจัยหลังในการตัดสินใจเลือกใช้บริการในอันดับต้นๆ
 การที่ผู้รับจ้างสามารถประเมิณราคาได้อย่างสมเหตุสมผล มีที่มาที่ไปได้อย่างชัดเจน ก็จะช่วยให้เรามั่นใจว่าเราจะไม่ถูกเอาเปรียบจากการประเมิณราคาที่ไม่สมเหตุสมผล

3.มีอุปกรณ์และรถให้เลือกใช้งานตามความเหมาะสม  >> สินค้าแต่ละอย่างนั้นมีความหลากหลายไม่เหมือนกัน
การที่มีรถให้เลือกหลากหลายประเภทก็จะช่วยรักษาความปลอดภัยใหักับสิ่งของเราได้มากยิ่งขึ้น เพราะลูกค้าที่ต้องการขนส่งสินค้านั้นไม่ใช่แค่สิ่งของทั่วๆไป การที่อุปกรณ์เสริมหรือรถหลายประเภทก็จะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ใช้บริการได้อย่างง่ายดาย

4.เลือกผู้ให้บริการรถ6ล้อรับจ้าง ที่มีประสบการณ์ในการทำงานหารถรับจ้าง  >> การขนส่งสินค้าบางอย่างที่มีมูลค่ามากๆ อย่างเช่น
ทีวี ตู้เย็น เครื่องซัก ตู้กระจก ต่างๆนั้น ผู้ให้บริการควรมีประสบการ์ในการเคลื่อย้ายสิ่งของเหล่านี้เพื่อไม่ให้เกิดความชำรุดกับสิ่งของเหล่านี้ได้



ติดต่อสอบถาม



70
rtd88 รถขนส่ง / ประเภทรถรับจ้าง
« เมื่อ: กรกฎาคม 30, 2022, 08:40:02 AM »

รถรับจ้าง คือรถแบบไหน มีรถกี่ประเภท?
6ล้อรถรับจ้าง ปัจจุบันรถรับจ้างทั่วไปมีให้บริการเป็นจำนวนมากทั้งที่มีสังกัดและไม่มีสังกัด ตัวอย่างเช่น รถรับจ้างทั่วไป
รับจ้างขนของที่จอดอยู่ริมถนน มีป้ายรับจ้างติด มีทั้งรถ 10 ล้อ 6 ล้อ 4 ล้อขอนแก่น รวมถึง รถ6ล้อรับจ้าง ส่วนอีกจำพวกหนึ่งคือรถรับจ้างขนของที่อยู่ในสังกัด
หมายถึงคือ บริษัทที่ให้บริการขนของ ขนย้าย รับจ้างทั่วไป รถรับจ้างขนของขอนแก่น ซึ่งพวกบริษัทเหล่านี้จะมีรถหลายประเภทให้เลือกบริการด้วยกัน
และมีการรับผิดชอบในการขนส่งค่อนข้างสูง ส่วนเรื่องราคาก็สูงขึ้นด้วยนั่นเอง

[url=http://ประเภทรถรับจ้าง]ประเภทรถรับจ้าง[/url]
รายละเอียดรถบรรทุกที่ให้บริการ
ยาว กว้าง สูง น้ำหนัก
1.รถบรรทุก 4 ล้อใหญ่ ยาว3.10 เมตร กว้าง1.70 เมตร สูง1.70 เมตร 2 ตัน
2.รถบรรทุก 6 ล้อเล็ก ยาว4.30 เมตร กว้าง1.90 เมตร สูง1.70 เมตร 4 ตัน
3.รถบรรทุก 6 ล้อกลางยาว 5.50 เมตร กว้าง2.10 เมตร สูง1.90 เมตร 5 ตัน
4.รถบรรทุก 6 ล้อใหญ่ ยาว6.50(เปิดท้าย7เมตร) เมตร กว้าง2.40เมตรสูง 2.50 เมตร 7 ตัน
5.รถกระบะตอนเดียวหลังคาสูง ยาว2.10เมตร กว้าง1.50เมตร สูง1.85 เมตร บรรทุกน้ำหนัก1ตัน


ติดต่อสอบถาม



71
5 ข้อดีของการใช้บริการ รถหกล้อรับจ้าง ที่คิดว่ามีประโยชน์อย่างมากๆ สำหรับผู้ใช้งานรถหกล้อรับจ้าง
การใช้บริการ รถหกล้อรับจ้าง จะช่วยอำนวยความสะดวกในการขนย้ายสิ่งของ สำหรับคนที่ต้องการขนย้ายบ้าน ย้ายหอ ย้ายคอนโด ย้ายสำนักงาน หรือขนย้ายเฟอร์นิเจอร์ โดยรถหกล้อสามารถขนของที่มีขนาดใหญ่ และมีปริมาณมากได้ เนื่องจากมีรถหกล้อให้เลือกใช้งานหลายประเภท ตั้งแต่รถหกล้อเล็กรับจ้าง รถบรรทุกหกล้อขนาดใหญ่ ไปจนถึงรถหกล้อตู้ทึบ จึงสามารถรองรับความต้องการของผู้ใช้บริการได้ทุกรูปแบบ และช่วยให้การขนย้ายดำเนินไปได้อย่างรวดเร็ว

ใช้บริการรถหกล้อรับจ้าง มีข้อดีอะไรบ้าง
1.รถหกล้อรับจ้าง เหมาะกับการขนย้ายในปริมาณเยอะ
เนื่องจากรถหกล้อรับจ้าง มีให้เลือกใช้งานหลายประเภท จึงสามารถขนย้ายของที่มีปริมาณปานกลาง ไปจนถึงขนย้ายของที่มีปริมาณเยอะได้ เช่น การย้ายโรงงาน ย้ายออฟฟิศ ขนย้ายเฟอร์นิเจอร์ขนาดใหญ่ ฯลฯ โดยสามารถเลือกเป็นรถหกล้อแบบคอก หรือหากเป็นสิ่งของที่ต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ อาจจะใช้รถหกล้อแบบมีตู้ทึบแทน

2.ผู้ให้บริการรถหกล้อรับจ้างบางเจ้ามักมีทีมงานช่วยขนย้ายของ
ในการใช้บริการรถหกล้อรับจ้างแต่ละครั้ง จะมาพร้อมกับพนักงานขับรถ และพนักงานช่วยขนย้ายของ ที่ได้รับการอบรมมาเป็นอย่างดี ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสะดวกให้กับผู้ใช้บริการ รวมถึงยังช่วยประหยัดเวลาในการขนย้ายของอีกด้วย

3.ผู้ใช้บริการรถหกล้อรับจ้างไม่ต้องเหนื่อยขนย้ายของเอง
เนื่องจากรถหกล้อรับจ้างจะมีทีมงานมาช่วยขนย้ายของด้วย ทำให้ผู้ใช้บริการไม่ต้องเหนื่อยในการขนย้ายของเอง ซึ่งช่วยประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการหาคนมาช่วยยกของได้ การขนย้ายของจึงสามารถดำเนินไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวดเร็ว และมั่นใจได้ว่าสิ่งของจะไม่เกิดความหายอย่างแน่นอน

4.สามารถใช้บริการรถหกล้อรับจ้างได้ทั่วประเทศ
บริการรถหกล้อรับจ้างสามารถตอบโจทย์การใช้งานได้หลากหลาย และให้บริการครบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ ซึ่งไม่ว่าผู้ใช้บริการจะอยู่ในพื้นที่ไหนก็ตาม ก็สามารถเรียกใช้บริการรถหกล้อรับจ้าง จากผู้ให้บริการที่อยู่ในพื้นที่เดียวกันได้อย่างสะดวก และไม่ต้องรอคิวนาน

5.รถหกล้อรับจ้างเหมาะกับการขนย้ายทุกรูปแบบ
รถหกล้อรับจ้างนั้นสามารถใช้ขนย้ายสิ่งของได้ทุกรูปแบบ เนื่องจากมีรถหกล้อให้เลือกใช้งานหลากหลายประเภท ตั้งแต่รถหกล้อขนาดเล็ก ไปจนถึงรถบรรทุกหกล้อขนาดใหญ่ จึงสามารถขนย้ายของที่มีปริมาณปานกลาง รวมทั้งขนย้ายของที่มีขนาดใหญ่ และมีปริมาณมากได้

ติดต่อสอบถาม



72
เลือก “ทาสี หรือ ติดวอลเปเปอร์” แบบไหนดีกว่ากัน
1.ความสวยงาม แน่นอนว่าวอลล์เปเปอร์ชนะขนาดลอยเรื่องความสวยงาม ทั้งลวดลายและราคามีให้คุณได้เลือกอย่างมากมาย ผิดกับการทาสีที่ไม่มีลวดลายให้เลือกจะเป็นการทาสีแบบพื้นๆ มากกว่า หากต้องการลวดลายจากการทาสีต้องอาศัยช่างที่มีฝีมือมาก ซึ่งนั้นก็หมายถึงค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นด้วย
2.อายุการใช้งานและความคงทน ต้องยกให้กับการทาสี เพราะการทาสีมีอายุการใช้งานยาวนานนับ 10 ปี ส่วนวอลล์เปเปอร์ต้องเลือกที่มีคุณภาพสูงถึงจะมีอายุการใช้งานที่ยาวขึ้น แต่ก็เทียบกับการทาสีไม่ได้อยู่ดี
3.คุณสมบัติการเก็บเสียง วอลล์เปเปอร์ได้รับการพัฒนาให้สามารถดูดซับเสียงกันเสียงสะท้อนได้ดีกว่าการทาสี ดังนั้นหากคุณต้องการลดเสียงรบกวนทั้งจากภายนอกและภายในบ้านแนะนำให้ติดวอลล์เปเปอร์จะดีกว่า
4.การทำความสะอาด ถึงแม้ผนังวอลล์เปเปอร์จะทำความสะอาดง่ายก็จริงแต่ถ้าทำความสะอาดบ่อยๆ ก็จะลดอายุการใช้งานทำให้วอลล์เปเปอร์หลุดลอกมาได้ง่าย เมื่อเทียบกับการทาสีแล้วเราสามารถเช็ดทำความสะอาดได้บ่อยตามที่ต้องการโดยไม่ต้องกลัวการหลุดลอกได้ง่ายของสี
5.ความชื้นและเชื้อรา การทาสีจะทำให้คุณหมดกังวลเรื่องความชื้นและเชื้อราไปได้เลย ยิ่งในช่วงฤดูฝนถ้าหากเกิดรอยรั่วน้ำเข้าบ้านวอลล์เปเปอร์ที่เราติดไว้โดนความชื้นขึ้นก็จะทำให้เกิดเชื้อราตามมาโดยที่เราไม่รู้ตัวเลย พอมารู้อีกทีก็กลายเป็นปัญหาใหญ่ไปซะแล้ว
6.การปกปิดร่องรอยบนผนัง วอลล์เปเปอร์สามารถปกติดร่องรอยสกปรก รอยขรุขระ รอยแตกร้าวที่ไม่ใช่การแตกร้าวจากโครงสร้างได้อย่างเรียบเนียบประหยัดเวลา ประหยัดงบประมาณ ต่างจากการทาสีที่ไม่สามารถทาปกติดการแตกร้าวบนผนังได้ต้องมีการโป๊วผนังเสียก่อนแล้วจึงค่อยใช้สีทาทับซึ่งก็จะทำให้เสียเวลา เสียงบประมาณเพิ่มไปอีก

ติดต่อสอบถาม



73
rtd87 รวมช่าง / 3 ประเภทของสีทาบ้าน
« เมื่อ: กรกฎาคม 30, 2022, 08:36:56 AM »
3 ประเภทของสีทาบ้าน
ประเภทของสีทาบ้าน 1.สีทาบ้าน ประเภท สีน้ำมัน สีน้ำมัน : เป็นสีที่ใช้น้ำมันหรือทินเนอร์เป็นตัวทำละลาย (Solvent) สีน้ำมันเป็นสีชนิดหนึ่งที่เมื่อทาแล้วค่อนข้างสวยงามเพราะเอกลักษณ์ของสีประเภทนี้คือความเงางาม มีจุดเด่นที่มีความวาววับจากการสะท้อนแสง แต่มีข้อจำกัดที่ราคาค่อนข้างสูงและแห้งช้า สีน้ำมันค่อนข้างเหมาะกับการใช้ทาบนผิวเหล็กหรือไม้ เช่น ประตูรั้วบ้าน ราวโลหะ หรือ ประตูรั้ว ไม่นิยมใช้ทาบนซีเมนต์,คอนกรีต และ ไม้เทียม เพราะอายุการใช้งานสั้น 2.สีทาบ้าน ประเภท สีอะคริลิก (สีพลาสติก) สีอะคริลิกหรือสีพลาสติก : เป็นชนิดที่เราคุ้นเคยกันมากที่สุด ใช้น้ำเป็นตัวทำละลาย เหมาะสำหรับใช้ทาบนพื้นผิวที่เป็นซีเมนต์ คอนกรีต รวมถึงกระเบื้อง เพื่อให้ได้สีสันที่สวยงาม โดยสีอะคริลิกแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ สีทาภายนอกและสีทาภายใน สีทาภายนอก  สีทาภายนอก ถูกออกแบบมาให้พร้อมเผชิญกับสภาวะแดดและฝนโดยตรง เพิ่มคุณสมบัติให้ใช้งานได้ดีและยาวนาน จึงมีความทนทานกว่าและมีราคาที่สูงกว่าสีทาภายใน สีทาภายใน สีทาภายใน ถูกออกแบบมาให้ใช้ทาภายในอาคารเท่านั้นเพราะไม่จำเป็นต้องทนแดดทนฝน สีทาภายในก็มีข้อดีที่มีกลิ่นและสารเคมีเบาบางกว่าสีทาภายนอก 3.สีทาบ้าน ประเภท สีทาไม้  สีทาไม้ : ทาไม้เป็นอีกหนึ่งประเภทของสีที่นิยมใช้กันในการตกแต่งบ้าน และแน่นอนว่าชื่อก็บอกอยู่ว่าเป็นสีที่เหมาะกับงานไม้ สามารถใช้สีประเภทนี้กับการทาสีโครงสร้างที่เป็นไม้ไม่ว่าจะเป็นตัวกำแพงไม้ เฟอร์นิเจอร์ไม้ พื้นไม้ หรือ ผนังไม้ ล้วนแล้วแต่สามารถใช้สีประเภทนี้ได้ทั้งหมด คุณสมบัติของสีทาไม้จะให้ความเงางามกับไม้จนดูมีความสวยงาม และมันยังช่วยให้สีของไม้ดูสดมากยิ่งขึ้นอีกด้วย เทคนิคทาสีบ้านด้วย กฏ 60-30-10 - สัดส่วนง่ายๆ ที่ใช้ได้เสมอ         เลือกใช้สีหลัก ครอบคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ 60% ตกแต่งไฮไลท์ผนังด้านหนึ่งอีก 30% ด้วยสีที่เข้มหรือสดกว่า เพิ่มความสะดุดตา ด้วยเฟอร์นิเจอร์หรือของตกแต่ง อีก 10% กับอีกน้ำหนักสีที่แตกต่าง
 
1.สีทาบ้าน ประเภท สีน้ำมัน
สีน้ำมัน : เป็นสีที่ใช้น้ำมันหรือทินเนอร์เป็นตัวทำละลาย (Solvent) สีน้ำมันเป็นสีชนิดหนึ่งที่เมื่อทาแล้วค่อนข้างสวยงามเพราะเอกลักษณ์ของสีประเภทนี้คือความเงางาม มีจุดเด่นที่มีความวาววับจากการสะท้อนแสง แต่มีข้อจำกัดที่ราคาค่อนข้างสูงและแห้งช้า สีน้ำมันค่อนข้างเหมาะกับการใช้ทาบนผิวเหล็กหรือไม้ เช่น ประตูรั้วบ้าน ราวโลหะ หรือ ประตูรั้ว ไม่นิยมใช้ทาบนซีเมนต์,คอนกรีต และ ไม้เทียม เพราะอายุการใช้งานสั้น

2.สีทาบ้าน ประเภท สีอะคริลิก (สีพลาสติก)
สีอะคริลิกหรือสีพลาสติก : เป็นชนิดที่เราคุ้นเคยกันมากที่สุด ใช้น้ำเป็นตัวทำละลาย เหมาะสำหรับใช้ทาบนพื้นผิวที่เป็นซีเมนต์ คอนกรีต รวมถึงกระเบื้อง เพื่อให้ได้สีสันที่สวยงาม โดยสีอะคริลิกแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ สีทาภายนอกและสีทาภายใน

สีทาภายนอก
สีทาภายนอก ถูกออกแบบมาให้พร้อมเผชิญกับสภาวะแดดและฝนโดยตรง เพิ่มคุณสมบัติให้ใช้งานได้ดีและยาวนาน จึงมีความทนทานกว่าและมีราคาที่สูงกว่าสีทาภายใน

สีทาภายใน
สีทาภายใน ถูกออกแบบมาให้ใช้ทาภายในอาคารเท่านั้นเพราะไม่จำเป็นต้องทนแดดทนฝน สีทาภายในก็มีข้อดีที่มีกลิ่นและสารเคมีเบาบางกว่าสีทาภายนอก

3.สีทาบ้าน ประเภท สีทาไม้
สีทาไม้ : ทาไม้เป็นอีกหนึ่งประเภทของสีที่นิยมใช้กันในการตกแต่งบ้าน และแน่นอนว่าชื่อก็บอกอยู่ว่าเป็นสีที่เหมาะกับงานไม้ สามารถใช้สีประเภทนี้กับการทาสีโครงสร้างที่เป็นไม้ไม่ว่าจะเป็นตัวกำแพงไม้ เฟอร์นิเจอร์ไม้ พื้นไม้ หรือ ผนังไม้ ล้วนแล้วแต่สามารถใช้สีประเภทนี้ได้ทั้งหมด คุณสมบัติของสีทาไม้จะให้ความเงางามกับไม้จนดูมีความสวยงาม และมันยังช่วยให้สีของไม้ดูสดมากยิ่งขึ้นอีกด้วย

ติดต่อสอบถาม



74
4เคล็ดลับทาสีบ้านในช่วงไวรัสระบาดให้ไม่น่าเบื่อและปลอดภัย 1.เลือกช่างสีที่น่าเชือ
1.เลือกช่างสีที่น่าเชื่อถือ
การเลือกรับบริการทาสีในช่วงนี้ จะต้องเข้มงวดมากเป็นพิเศษ ควรรับบริการทาสีจากบริษัทที่น่าเชื่อถือ และมีมาตรการดูแลเรื่องความปลอดภัยที่ดี เช่น การวัดอุณหภูมิก่อนเข้างาน การสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา หรือมีการพ่นฆ่าเชื้อ หลังใช้บริการเสร็จ เป็นต้น
2.สร้างลวดลายที่ไม่เหมือนใครบนผนัง
สร้างงานมาสเตอร์พีซผนังเดียวในโลก จากเทคนิคการทาสี เช่น ลวดลายสไตล์ลอฟท์ปูนขัดมันเท่ๆ หรือลายหินอ่อน ที่ช่วยทำให้บ้านเรียบหรูดูมีระดับยิ่งขึ้น
3.ทามากกว่าหนึ่งสี
ไม่ต้องกลัวว่าสีจะปนกัน เพราะเราจะให้คุณเลือกใช้สีโทนเดียว ที่อาจจะอ่อนกว่าหรือเข้มกว่ากันมาสร้างให้ห้องดูมีมิติมากขึ้น แล้วจึงเลือกแมตช์สีกับเฟอร์นิเจอร์อีกที เท่านี้ก็ช่วยเพิ่มลูกเล่นให้กับผนังได้แล้ว
4.ลงมือทาสีเอง
สำหรับใครที่ยังไม่อยากเปิดบ้านรับแขกช่วงนี้ การทาสีบ้านด้วยตัวคุณเองอาจจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด ณ เวลานี้ ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องยาก ขอแค่ต้องเข้าใจระบบการทาสี ซึ่งได้แก่ ขั้นตอนการเตรียมพื้นผิว การทาสีรองพื้น 1 เที่ยว และการทาสีทับหน้า 2 เที่ยว โดยให้เลือกสีที่ชอบ และจัดเตรียมอุปกรณ์สำหรับทาสี เพียงเท่านี้ก็พร้อมทาสีเองได้แล้ว

ติดต่อสอบถาม



75
2 ข้อดีของการทาสีลดอุณหภูมิบ้าน
1.ลดอุณหภูมิบ้านและประหยัดค่าไฟ   ถ้าเราใช้สีสำหรับลดอุณหภูมิบ้านได้ สิ่งดีๆจะตามาอาทิเช่น จากที่เราต้องเปิดเครื่องปรับอากาศบ่อยในช่วงเวลากลางวัน เพราะอากาศร้อนระอุ แต่ถ้าเกิดเราทาสีสำหรับลดอุณหภูมิบ้านไปแล้ว สิ่งที่เราจะสัมผัสได้คืออุณหภูมิในบ้านจะเย็นลง และ เราไม่จำเป็นต้องเปิดเครื่องปรับอากาศ หรือพัดลมบ่อยๆให้เปลืองค่าไฟ
2.เพิ่มประสิทธิภาพของการทำงาน close   หากเราต้อง Work From Home หรือทำงานที่บ้าน หรือแม้แต่นั่งอยู่ในบ้านเฉยๆ คงไม่ดี ถ้าหากอากาศภายในบ้าน หรือภายในห้องเราร้อน อารมณ์ในการทำงานเราไม่เหลือแน่นอนครับ แต่ถ้าเลือกใช้สีทาบ้าน ที่จะช่วยลดอุณหภูมิห้อง ซึ่งลดได้มากถึง 2-5 องศาซึ่งการที่อากาศเย็นลง ก็จะส่งผลกับการอาศัยภายในห้อง หากทำงาน ประสิทธิภาพก็จะดีขึ้นอีกด้วยครับ

การทาสีผนังด้วยแปรงทาสี
วิธีการทาสีเบื้องต้นด้วยแปรงทาสี

ขั้นตอนที่ 1 ให้ช่างสีจุ่มแปรงเฉพาะส่วนหัวของแปรง (ไม่ควรจุ่มลงทั้งแปรง) ลงในถังสีที่ทำการผสมแล้ว และช่างควรรีดสีออกไปบางส่วนก่อนที่จะทำการทาสี หลังจากนั้นให้ช่างสีเริ่มทำการทาสีอย่างช้าๆ โดยช่างควรออกแรงกดแปรงเพียงเบา ๆ ให้สังเกตว่าขนแปรงทาสีควรงอเพียงเล็กน้อย

ขั้นตอนที่ 2  กรณีที่ช่างสีต้องการทาสีที่มุมผนัง ช่างสีควรใช้แปรงด้านที่มีความกว้างมาก ทาให้ทั่วพื้นผิว แล้วหลังจากนั้นให้ทำการตัดขอบออกก่อนที่สีจะแห้ง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดรอยต่อของสี

ขั้นตอนที่ 3  กรณีที่ช่างสีต้องการทาสีในพื้นที่กว้าง ช่างสีควรพิจารณาแบ่งพื้นที่ออกเป็นส่วนๆ ก่อนตามความถนัดในการทา หลังจากนั้นให้ทาสีลงในบริเวณที่แบ่งไว้แล้วให้ทั่ว ต้องคอยสังเกตให้สีที่ทานั้นเสมอกันตลอดพื้นผิว และขั้นตอนนี้ถือเป็นขึ้นตอนที่สำคัญที่สุดของช่างสี เพราะช่างสีควรทาสีให้เรียบเสมอกันทั่วทั้งบริเวณ ซึ่งสามารถทำได้โดยให้ช่างสีทำการลากแปรงไปทั่วบริเวณผนัง โดยควรที่จะเริ่มจากด้านบนลงล่าง และทำใหม่เรื่อยๆจนกว่าสีจะเรียบเสมอกัน

การสร้างลวดลายด้วยสี
1.ถ้าจะให้ดี ผนังที่คุณเลือกทาสีเพื่อการตกแต่งนั้นควรตั้งอยู่ในตำแหน่งที่ดึงดูดสายตาเมื่อเดินเข้ามาในห้อง
ผนังด้านหลังเตาผิง หรือผนังที่มีการออกแบบอยู่แล้ว
เช่น แท่นเหนือเตาผิง
นับว่าเป็นผนังที่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการทาสีตกแต่ง ทั้งนี้
หากเป็นไปได้ ควรหลีกเลี่ยงผนังด้านที่มีประตูหรือหน้าต่าง
เพราะจะเป็นการเบี่ยงเบนจุดสนใจของสายตาไปจากผลงานสร้างสรรค์ของคุณ

2.กล้าเลือกสีอย่างไม่ลังเล หากห้องของคุณทาสีกลาง
ให้เลือกเฉดสีที่ตัดกันอย่างเด่นชัดเพื่อสร้างเสน่ห์ความน่าสนใจและเพิ่มมิติให้กับพื้นที่นั้น
หากผนังห้องของคุณทาสีโทนสว่างอยู่แล้ว
ก็ให้เลือกเฉดสีที่เสริมกันโดยให้เข้มกว่าหรืออ่อนกว่าสักสองสามเฉดเพื่อใช้ทาตกแต่งผนังของคุณ

3.หากต้องการเพิ่มความน่าสนใจเป็นพิเศษ
ลองเพิ่มลายทางเก๋ๆโดยใช้โทนสีที่กลมกลืนกัน
หรือตกแต่งด้วยการใช้เอฟเฟ็กต์ของสีสัน เช่น
ลายลูกไม้ฉลุ หรือการวาดรูปวงกลมด้วยมือ
ก็เป็นวิธีการง่ายๆ ในการสร้างสรรค์ผลงานและเพิ่มบรรยากาศของความเป็นส่วนตัว

4.การติดวอลล์เปเปอร์บนผนังด้านใดด้านหนึ่งก็เป็นวิธีที่ดีในการตกแต่งห้องได้อย่างรวดเร็ว
อาจเลือกใช้ลวดลายที่โดดเด่น สีสัน
และผิวสัมผัสที่แตกต่างออกไป
หรือหากไม่ต้องการให้เกิดผลลัพธ์ที่โดดเด่นจนเกินไป
ก็ลองเลือกวอลล์เปเปอร์แบบไล่โทนสี
ซึ่งมีลวดลายแบบเรียบๆ แต่สวยเก๋ เช่น ลายผ้าทอ
หรือลายดอกไม้ เป็นต้น

5.การจัดวางเฟอร์นิเจอร์ในตำแหน่งที่เหมาะสมก็ช่วยสร้างจุดเด่น
เพื่อการตกแต่งให้กับผนังได้เช่นกัน เช่น ในห้องนั่งเล่น คุณอาจ
เลือกทาสีผนังที่ด้านหลังเก้าอี้โซฟา ขณะที่ในห้องนอน อาจ
เลือกทาสีผนังด้านหลังหัวเตียง อย่างไรก็ตาม ควรหลีกเลี่ยงการ
ทาสีผนังในบริเวณที่มีเฟอร์นิเจอร์หรือของตกแต่ง
.มากเกินไป เพราะเป้าหมายของการทาสีตกแต่งผนัง
. ก็เพื่อดึงดูดสายตาไปยังตำแหน่งของห้องที่ดูน่าสนใจ
. และมีการออกแบบไว้อย่างสวยงาม แต่ไม่ทำให้ลายตา
.จนน่าเวียนหัว
แบบไว้อย่างสวยงาม แต่ไม่ทำให้ลายตาจนน่าเวียนหัว

กล้าเลือกใช้สีตามความรู้สึกของคุณ อย่าลังเลใจ
และที่สำคัญ ขอให้สนุกกับการตกแต่งนี้!

การเลือกใช้สีให้่หมาะสมกับห้องต่างๆภายในบ้าน
การเลือกใช้สีให้เหมาะกับห้องต่างๆ ในบ้าน

1.ห้องนั่งเล่น (Living Room)
สำหรับห้องนี้สามารถเล่นกับสีได้ทุกโทน ทั้งสีโทนอ่อน โทนกลาง และโทนสีเข้ม เป็น
การสร้างบรรยากาศให้กับการพักผ่อนของครอบครัว เช่น อาจจะเลือกใช้สีโทนกลางทา
เพดาน และเลือกใช้สีโทนเข้มสำหรับผนังของห้อง ส่วนเฉดสีที่เลือกใช้ควรเลือกใช้เฉดสี
ดูโปร่ง สบายตา ไม่ร้อนแรงมาก เช่น สีครีม สีเขียวอ่อน สีชมพูอ่อน เป็นต้น

2.ห้องรับประทานอาหาร (Dinning Room)
ควรเลือกใช้สีอุ่นโทนกลาง โดยเลือกใช้เฉดสีที่ดูสะอาด สบายตา เพราะจะช่วยเพิ่ม
บรรยากาศ และกระตุ้นให้ รับประทานอาหารได้มากขึ้น เช่น สีชมพู สีส้มอ่อนๆ เป็นต้น

3.ห้องน้ำ (Bath Room)
สำหรับห้องน้ำความสะดวกสบายและประโยชน์ใช้สอยต้องมาก่อนความสวยงาม ควร
เลือกใช้เฉดสีที่ให้ความรู้สึกสดชื่น สะอาด สบายตา เช่น สีฟ้าน้ำทะเล สีน้ำเงินอมเขียว
เป็นต้น

4.ห้องนอน (Bed Room)
มีหลายสีที่เหมาะสำหรับห้องนอน สีขาวยังเป็นสีมาแรงด้วยความสะอาด สบายตา
หรูหรา และโรแมนติก ในขณะที่สีเหลือง จะช่วยให้ห้องสดชื่น ส่วนผู้ที่ชอบนอนดึก ตื่น
สาย จะเหมาะกับโทนสีเข้มที่ให้บรรยากาศอบอุ่น แต่หลักๆ แล้วในห้องนอนควรเลือก
ใช้เฉดสีที่สบายๆ สงบ ไม่ร้อนแรง เพราะเป็นห้องที่ไว้ใช้พักผ่อน เช่น สีฟ้าอ่อนๆ สีครีม
เป็นต้น

เตรียมห้องให้พร้อมก่อนทาสีใหม่
หากคุณจ้างช่างสีมืออาชีพ คำแนะนำต่อไปนี้จะช่วยให้คุณสามารถจัดเตรียมบ้านได้อย่างเหมาะสม พร้อมให้ช่างสีสามารถทำงานได้อย่างราบรื่น
ปลดรูปถ่าย กระจก ของตกแต่งบนผนังออกและจัดเก็บไว้ในที่ที่ปลอดภัยและไกลจากบริเวณที่ทำงาน

หากคุณมีพื้นที่จัดเก็บ คุณควรเคลื่อนย้ายเฟอร์นิเจอร์ทั้งหมดออกจากห้องที่จะทาสี แต่หากไม่สามารถทำได้ ก็เพียงแค่ย้ายไปไว้ตรงกลางห้อง ช่างทาสีควรนำผ้าคลุมมาด้วยเพื่อใช้คลุมเฟอร์นิเจอร์ทั้งหมด คุณควรสอบถามเรื่องนี้ก่อนที่ช่างจะมาถึง

ถอดผ้าม่านและม่านบังแดดออกเพื่อป้องกันสีกระเด็นไปโดน อีกทั้งยังเป็นโอกาสที่ดีที่คุณจะได้ทำความสะอาดผ้าม่านและม่านบังแดดเหล่านี้

หากคุณต้องเป็นคนเตรียมผนังสำหรับการทาสีเอง ควรทำให้เสร็จก่อนที่ช่างทาสีจะมาเริ่มงานหนึ่งวัน เพื่อให้ช่างสามารถเริ่มงานได้ทันที

ดูดฝุ่นบนพรมและบัวเชิงผนังให้เรียบร้อย เพราะคุณคงไม่ต้องการให้มีฝุ่นละอองไปติดอยู่บนสีที่เพิ่งทาเสร็จและยังไม่แห้งแน่ๆ

ข้อสำคัญก็คือ คุณควรตรวจดูว่ามีสีในปริมาณที่เพียงพอ เพราะคุณคงไม่อยากให้งานต้องสะดุดเนื่องจากสีหมดหรอกนะ






ติดต่อสอบถาม



หน้า: 1 ... 3 4 [5] 6 7 ... 73