สวัสดี

ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

กระทู้เมื่อเร็วๆ นี้

หน้า: 1 ... 7 8 [9] 10
81
rtd87 รวมช่าง / 9 ขั้นตอนต้องนึกถึงช่วยคุณทาสีบ้านด้วยตัวเอง
« กระทู้ล่าสุด โดย Admin เมื่อ กรกฎาคม 30, 2022, 08:30:56 AM »
9 ขั้นตอนต้องนึกถึงช่วยคุณทาสีบ้านด้วยตัวเอง
1.สีมีความจำเป็น
สีทาบ้านไม่ได้โดดเด่นเพียงความสวยงาม และในบางครั้งถูกมองว่าเป็นวัสดุตกแต่งที่ดูสิ้นเปลือง แต่ทว่ารู้หรือไม่ว่าประโยชน์ของสีนั้นมีหลากหลายประการ ยกตัวอย่าง สามารถป้องกันการกัดกร่อน โดยเฉพาะพื้นผิวโลหะและคอนกรีต ไม่เพียงเท่านั้นสียังป้องกันการทำลายของเชื้อราจากพื้นผิวไม้ พร้อมกันนี้สียังเป็นรองพื้นที่สำคัญสำหรับงานตกแต่งอื่นๆต่อไป ที่สำคัญสามารถอุดรอยขีดข่วนหรือหลุมบนพื้นผิวงานได้ดี ถือได้ว่าสีมีความจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับการออกแบบและตกแต่งบ้านในปัจจุบันได้อย่างไม่ต้องสงสัย
2.​ใช้โทนสีที่มีประโยชน์ต่อการอยู่อาศัย
การเลือกโทนสีที่ดีสำหรับการตกแต่งภายในบ้าน เป็นส่วนสนับสนุนที่สำคัญในการสื่อถืงอารมณ์ ความรู้สึกและรสนิยมของผู้อยู่อาศัย ไม่เพียงเท่านั้นเฉดสีบางโทนยังช่วยเพิ่มความส่องสว่างสำหรับการอยู่อาศัย สามารถลดการใช้พลังงานไฟฟ้าได้ดีอีกด้วย สำหรับสีทาภายในในปัจจุบันช่างทาสีนิยมเลือกเนื้อสีที่มีความเงางาม สามารถทำความสะอาดได้ง่าย ทั้งนี้คุณภาพของสีต้องป้องกันเชื้อรา แบคทีเรีย รวมทั้งไม่มีกลิ่นสารระเหยหรือกลิ่นฉุนต่างๆ เพราะนั้นอาจรบกวนการพักผ่อนและเป็นอันตรายสำหรับการอยู่อาศัย
3.​ตกแต่งเพดาน
นอกจากบริเวณผนังและพื้น เพดานเป็นอีกพื้นผิวหนึ่งที่สามารถตกแต่งได้ด้วยการใข้โทนสีต่างๆ โดยหลักการง่ายๆในการทาสีบริเวณดังกล่าวควรทาสีรองพื้นก่อนเพื่อสร้างความกลมกลืนและรักษาพื้นผิวให้คงทน จากนั้นก็เริ่มทาสีตัดขอบเพดานที่ชนกับผนังให้รอบห้องก่อนด้วยแปรงทาสี หลังจากนั้นใช้ลูกกลิ้งทาทั้งหมดโดยเริ่มจากส่วนที่ไกลที่สุด ทาให้เต็มทั้งพื้นที่ประมาณ 2 รอบ สำหรับภาชนะที่ใช้ในการทาสีควรเลือกใช้ถาดใส่สีเพราะนอกจากความสะดวกสบาย ยังประหยัดสีได้ดีอีกด้วย

ข้อดีของการทาสีเพดานนั้นรักษาพื้นผิวฝ้าเพดานให้มีอายุการใช้งานที่นานขึ้น ทั้งนี้ยังสามารถเพิ่มสีสันให้กับบ้าน สร้างบรรยากาศที่ดีสำหรับการอยู่อาศัย
4.ตรวจสอบผนังก่อนการทาสี
ก่อนการตกแต่งผนัง พื้นและพื้นผิวอื่นๆภายในบ้าน เราควรตรวจสอบร่องรอยต่างๆ อาทิ รอยร้าว แตกหัก ตลอดจนพื้นผิวที่เป็นหลุมขนาดใหญ่ เพื่อดำเนินการซ่อมแซมก่อน ไม่เช่นนั้นเมื่อทาสีเสร็จร่องรอยดังกล่าวอาจสร้างปัญหาทั้งในแง่ความไม่สวยงามและการดูดซึมสีที่มากอันเป็นสาเหตุของการสิ้นเปลืองนั้นเอง อย่างไรก็ดีเมื่อพื้นผิวพร้อมตกแต่งหากเป็นพื้นเก่าที่มีสีเดิมอยู่แล้วนั้นควรปรับพื้นด้วยการขัดคราบสีเก่าออกก่อนด้วยกระดาษเบอร์สอง จากนั้นก็เริ่มทาสีรองพื้นและตามด้วยการทาสีที่คุณชื่นชอบ
5.​ให้ความหมายที่ดี
เฉดสีแต่ละสีที่นำมาตกแต่งล้วนแล้วแต่มีความหมายและนัยยะสำคัญที่แตกต่างกันออกไป ยกตัวอย่างเช่น  สีแดงแสดงออกถึงพลังส่งเสริมให้บ้านมีความทันสมัยและสดใส นิยมตกแต่งบริเวณห้องนั่งเล่นหรือห้องครัว สีขาว ให้อารมณ์และความรู้สึกที่บริสุทธิ์ ภายรวมภายในดูสะอาดตา สามารถตกแต่งได้ในทุกมุมห้อง สีฟ้า ถ่ายทอดถึงความสดชื่น สดใสและดูเป็นธรรมชาติ เป็นส่วนสนับสนุนที่ดีสำหรับความส่องสว่างภายในบ้าน ควรนำมาตกแต่งบริเวณห้องน้ำ ห้องทำงาน รวมทั้งห้องนอนดังเช่นไอเดียบุคภาพนี้ เป็นต้น
6.​เก็บงาน
ในบางครั้งเมื่อผนังบ้านมีอายุการใช้งานที่นาน ร่องรอยการหมดอายุของสีในบางจุดที่เกิดขึ้น เราควรตกแต่งและทาทับร่องรอยดังกล่าวด้วยเฉดสีเดิม เพราะถ้าหากปล่อยไว้นานนอกจากความไม่สวยงาม ผนังบ้านอาจเกิดความเสื่อมโทรมได้ อาทิ เชื้อรา ผนังกร่อน รวมทั้งความชื้นซึ่งอาจจะไม่ได้เกิดเพียงจุดเดียว แต่จะกระจายไปทั่วผนังเป็นเหตุให้เราต้องเสียเงินเพิ่มในที่สุด ฉะนั้นสอดส่องและคอยเก็บงานเรื่องสีอยู่เสมอ เพื่อให้บ้านอยู่กับเราด้วยความสวยงามไปอย่างยาวๆ
7.เลือกใช้โทนสีที่ดูแล้วเข้ากัน
แม้ว่าเฉดสีในปัจจุบันมีให้เลือกกว่า 4,000 เฉด แต่การเลือกที่ดูแล้วสมดุลและสอดรับกันทำให้ภาพรวมภายในบ้านน่าอยู่อาศัยขึ้นมาถนัดตา ยกตัวอย่างเช่น สีน้ำเงินเข้มกับสีฟ้า สีแดงกับสีเหลืองอ่อน สีชมพูกับสีครีม โดยเฉพาะสีขาวกับสีเขียว สีทั้งสองโดดเด่นในเรื่องความเย็นสบาย สดใหม่ สะอาด สามารถให้อารมณ์และความรู้สึกผ่อนคลาย ที่สำคัญดูเป็นธรรมชาติมากๆ เหมาะแก่การพักผ่อนอย่างยิ่งสำหรับมุมนอนดังเช่นไอเดียบุคภาพนี้
8.​เก็บตัวอย่างเฉดสีไว้
หลังจากการตกแต่งและทาสีเสร็จในทุกครั้งเราควรขอเฉดสีการผสมจากช่างผู้เชี่ยวชาญไว้เสมอ เพราะถ้าหากจำเป็นต้องเก็บงานหรือทาสีครั้งใหม่ด้วยโทนสีเดิมได้นำกลับมาใช้หรือหาซื้อด้วยความสะดวกสบาย เพราะถ้าหากผสมใหม่อาจไม่ได้เฉดสีเดิม อาจส่งผลให้พื้นผิวภายในเกิดความแตกต่าง เป็นรอยด่าง ดูแล้วไม่สวยงาม ฉะนั้นวิธีการที่ง่ายที่สุดคือเก็บเฉดสีเดิมเอาไว้นั้นเอง
9.​ภาพรวม คือ ความสวยงามสำหรับการอยู่อาศัย
หลังจากการตกแต่งผนัง พื้น เพดาน ด้วยโทนสีต่างๆแล้วนั้น ภาพรวมบรรยากาศภายในบ้านจะดูสวยงาม มีสีสัน มีความส่องสว่าง ตลอดจนดูแลพื้นผิวต่างๆภายในควบคู่ไปด้วย ปัจจุบันสีภายในในตลาดวัสดุก่อสร้างมีให้เลือกหลายประเภท เช่น สีอะคริลิค สีน้ำมัน สีย้อมไม้ สีทารองพื้นปูน และอื่นๆอีกมากมาย ขั้นอยู่กับพื้นผิวและความเหมาะสม ทั้งนี้ในเรื่องของเฉดสีเรียกได้ว่ามีแต่เพิ่มขึ้น เพิ่มขึ้นและเพิ่มขึ้นเพื่อตอบโจทย์ผู้อยู่อาศัยด้วยความครอบคลุม

ติดต่อสอบถาม


82
อยากเปิดร้านหมูกระทะ เริ่มต้นอย่างไรดี? 9 ข้อควรรู้ในการทำธุรกิจ
สิ่งที่ต้องคำนึงสำหรับคนที่อยากเปิดร้านหมูกระทะ

ร้านหมูกระทะเป็นร้านที่อยู่คู่คนไทยมานาน เป็นร้านยอดนิยมสำหรับการไปสังสรรค์กับเพื่อนฝูงหรือครอบครัว ลักษณะของหมูกระทะคือ การย่างอาหารบนเตาปิ้ง โดยรอบๆ เตาจะมีหลุมให้ใส่น้ำซุปได้ จึงสามารถปิ้งเนื้อหมูแบบต่างๆ เช่น หมูสไลด์ หมูหมัก ลงบนเตา ส่วนในน้ำซุปก็ใส่ผักไว้ซดได้ บางร้านจะมีเตาสำหรับอาหารทะเลเพื่อให้ทำกุ้งย่างด้วย เรามักเห็นร้านหมูกระทะหลายร้านมีลูกค้าเต็มร้านอยู่เสมอไม่ว่าอาหารยอดนิยมหรือเป็นกระแสในช่วงนั้นคืออะไร ดังนั้นคนที่อยากเปิดร้านหมูกระทะจึงมีไม่น้อย แต่อาจไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไรดี

ข้อควรรู้สำหรับคนที่อยากเปิดร้านหมูกระทะ

1. ทำเล และ ขนาดพื้นที่
แน่นอนว่าร้านอาหารต้องมีทำเลที่ดี เดินทางง่าย มีที่จอดรถ เพราะถ้าเดินทางลำบากคนก็ไม่อยากมาและเลือกไปร้านอื่นก็ได้ นอกจากนี้แล้วร้านหมูกระทะยังต้องคำนึงถึงขนาดพื้นที่ เพราะว่าเป็นร้านอาหารแบบต้องคำนวณเวลาที่ลูกค้ารับประทานอาหารแบบเหมาจ่ายด้วย ส่วนใหญ่จะใช้เวลาประมาณ 60 – 90 นาทีต่อคน ซึ่งแตกต่างจากร้านอาหารทั่วไปมาก ถ้ามีพื้นที่รองรับลูกค้าได้น้อย ก็จะทำกำไรได้น้อยตามนั่นเอง

2. ต้นทุนวัตถุดิบ
ร้านหมูกระทะที่เป็นร้านแนวบุฟเฟต์ มักมีต้นทุนวัตถุดิบสูงกว่าร้านอาหารอื่นๆ เพราะต้องเผื่อสำหรับวัตถุดิบที่อาจมีเหลือจำนวนมาก ดังนั้นการหาดีลเลอร์หรือตัวแทนจำหน่ายวัตถุดิบราคาถูกและคุณภาพดีเป็นเรื่องที่สำคัญมาก คุณอาจต้องมีคอนเน็คชั่นที่ดีหรือถามหาจากคนรู้จักที่ทำธุรกิจร้านอาหาร แม้จะดูยากแต่ถ้าหาได้และติดต่อค้าขายกันได้รับรองว่าลดต้นทุนไปได้เยอะทีเดียว

3. ราคา
ข้อนี้สำคัญเพราะขึ้นชื่อว่าเป็นร้านหมูกระทะแล้ว ลูกค้าที่มาก็ย่อมต้องการความคุ้มค่า อยากทานให้ได้เยอะที่สุดสมกับราคาที่จ่ายไป และอาหารเองก็ต้องมีคุณภาพด้วย ดังนั้นคุณต้องคำนวณให้ดีว่าราคาที่เหมาะสมกับอาหารของคุณและต้นทุนด้านอื่นๆ เช่น แรงงาน ค่าที่ นั้นเท่าไหร่ และลูกค้ายอมจ่ายหรือไม่ ถ้าตั้งราคาแพงก็ต้องมีคุณภาพที่สมน้ำสมเนื้อกันด้วย

4. รสชาติและความสด
หมูกระทะมีทั้งอาหารปรุงและอาหารสด เรื่องรสชาติของอาหารปรุงหรือน้ำจิ้มเป็นเรื่องที่คนทำธุรกิจร้านอาหารทราบดีว่าต้องทำออกมาให้มีรสชาติอร่อย แต่อย่าลืมว่าอร่อยแล้วก็ต้องคงมาตรฐานเอาไว้ด้วย ถ้าลูกค้าติดใจในรสชาติแล้วกลับมากินอีกครั้งแต่รสชาติแย่ลง เราอาจจะเสียลูกค้าไปเลยเพราะความไม่ได้มาตรฐาน ในส่วนของอาหารสดเองก็ต้องสดใหม่จริง ไม่เอาของค้างมาเสิร์ฟให้ลูกค้า เพราะถ้าเป็นของเน่าเสียขึ้นมาแล้วลูกค้ารับประทานแล้วเจ็บป่วย ย่อมไม่คุ้มกับผลที่ตามมาแน่นอน ไม่ว่าจะชื่อเสียงของร้าน หรืออาจถึงขั้นถูกฟ้องร้องเลยก็ได้

5. ความสะอาด
ความสะอาดเป็นเรื่องที่ต้องใส่ใจเป็นพิเศษสำหรับร้านหมูกระทะ เพราะเป็นร้านแบบบริการตัวเอง ลูกค้าจะเห็นทั้งความสะอาดของวัตถุดิบและภาชนะใส่อาหารว่าเป็นอย่างไรบ้าง นอกจากทำความสะอาดอุปกรณ์ต่างๆ และสถานที่ให้ดีก่อนเปิดร้านแล้ว ควรมีพนักงานคอยดูแลและตรวจตราอยู่เสมอระหว่างที่ร้านเปิดด้วย

6. ความรวดเร็ว
ในส่วนของอาหารปรุง เช่น ข้าวผัด ถ้าลูกค้าต้องการจะรับประทานแต่พบว่าอาหารหมด หรือยังปรุงไม่เสร็จ ก็อาจทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าเรากั๊กอาหาร เนื่องจากการกินหมูกระทะในบางที่นั้นจำกัดเวลา หรือไม่ก็ไม่อยากใช้เวลารอเพราะจะทำให้การกินไม่ต่อเนื่อง ดังนั้นควรบริหารจัดการในส่วนนี้ให้ดีด้วย

7. จัดการรายการอาหาร
เมื่อปิดร้านในแต่ละวันแล้วควรตรวจเช็ครายการอาหารที่เหลือว่ามีรายการใดที่เหลือเยอะ เพราะนั่นแปลว่าลูกค้าไม่ค่อยนิยม และเป็นต้นทุนที่เสียไปโดยเปล่าประโยชน์ ถ้าตัดได้ควรตัดออก หรือลดปริมาณให้น้อยลง

8. บริการ
แม้ร้านหมูกระทะจะเป็นร้านอาหารแบบบริการตัวเอง แต่ก็มีหลายส่วนที่ต้องมีพนักงานคอยจัดการดูแล ทั้งการต้อนรับ การยกเตาเปลี่ยนเตา การทำความสะอาด ดังนั้นเราต้องอบรมพนักงานของเราให้เต็มใจบริการ พูดจาสุภาพ รวมทั้งต้องรู้จักแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ เพื่อให้ลูกค้าประทับใจในการบริการ

9. การตลาด
หมูกระทะก็เหมือนกับธุรกิจอื่นๆ ที่ควรมีการโปรโมทธุรกิจบนโลกออนไลน์เพื่อให้คนรู้จักมากขึ้น ทั้งนี้อาจมีโปรโมชั่นดึงดูดความสนใจให้คนมาลองกินหากเพิ่งเปิดร้านใหม่ๆ รวมทั้งควรหาเมนูซิกเนเจอร์ของร้านเพื่อโปรโมทว่าทุกคนที่มาที่ร้านต้องกินเมนูนี้ หาที่ร้านอื่นไม่ได้นั่นเอง

การเปิดร้านหมูกระทะมีความยุ่งยากหลายอย่าง ทั้งด้านวัตถุดิบ ด้านรสชาติ การทำงานของพนักงาน การควบคุมเวลา แต่ถ้าสามารถบริหารจัดการได้ดี กำไรก็ดีทีเดียว เพราะถ้าร้านเป็นที่รู้จักของลูกค้าและติดตลาดแล้ว ก็จะมีคนมาที่ร้านเราอยู่เรื่อยๆ เพราะเป็นร้านอาหารที่คนทั่วไปมักนึกถึงเวลาต้องการพบปะเพื่อนฝูง หรือมาฉลองตามโอกาสต่างๆ นั่นเอง

 
 

สอบถาม ปรึกษา คลิกเลย /size]


83
อยากเปิดร้าน “หมูกระทะ” รับลมหนาว ต้องลงทุนเท่าไหร่ รู้ต้นทุนไม่มีเจ๊ง!

เข้าสู่ฤดูหนาวแบบนี้แน่นอนว่าเมนูยอดนิยมรับลมหนาวคงหนีไม่พ้น “หมูกระทะ” แล้วรู้หรือไม่ว่าการเปิดร้านหมูกระทะต้องใช้งบลงทุนเท่าไหร่ และต้องเตรียมอะไรบ้าง วันนี้ ชี้ช่องรวย จะมาบอกรายละเอียดงบลงทุนโดยประมาณซึ่งจะมากจะน้อยขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย มาดูกันเลยดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง จำนวน 10 โต๊ะ (ร้านขนาดเล็ก) เป็นเกณฑ์ งบลงทุนทั้งหมดทุกสิ่งอย่างอยู่ที่ 50,000 – 100,000 บาท (จะมากหรือน้อยกว่านี้ขึ้นอยู่กับการตกแต่งร้าน)

สำรหรับต้นทุนอุปกรณ์ทั้งหลายจะไม่ขอลงรายละเอียดมากนักแต่โดยรวมแล้วจะอยู่ที่ไม่เดิน 10,000 บาท ไม่ว่าจะเป็น เตา กระทะ โต๊ะ เก้าอี๊ และอื่นๆ เมื่อรู้เบื้องต้นแล้วก็จะเข้าสู่ต้นทุนการบริหารจัดการ โดยผู้ประกอบการควรกำหนดยอดขายต่อวันตั้งไว้ เพื่อจะได้ทราบถึงต้นทุนวัตถุดิบ ในทีนี้กำหนดให้ยอดขายต่อวันอยู่ที่ 10,000 บาท แบ่งออกเป็นต้นทุนดังนี้

- ต้นทุนค่าวัตถุดิบอาหาร 2,500 บาท
- ต้นทุนค่าแรงอยู่ที่ 1,500 บาท
- ต้นทุนคงที่อยู่ที่ 1,000 บาท
- ต้นทุนผันแปรอยู่ที่ 1,000 บาท

จะเห็นได้ว่าต้นทุนทั้งหมดจะอยู่ที่ 6,000 บาท ต่อวัน ดังนั้น กำไรโดยประมาณจะอยู่ที่วันละ 4,000 บาท ซึ่งการตั้งเป้า “ยอดขาย” จะทำให้ประมาณการได้ว่าเราจะมีกำไรต่อวันเท่าไหร่ แต่ถึงอย่างไรยอดขายจะมากหรือน้อยก็จะขึ้นอยู่กับราคาด้วย เพราะต้องขึ้นอยู่กับ ค่าเช่าสถานที่ ค่าตกแต่งร้าน ค่าการตลาด ค่าราคาวัตถุดิบในแต่ละวัน รวมถึงคู่แข่งที่อยู่โดยรอบ สิ่งเหล่านี้ผู้ลงทุนต้องอาศัยความชำนาญในการหาเทคนิคลดต้นทุนตัวเองให้ได้มากที่สุดเพื่อโอกาสในการมีกำไรที่มากขึ้น

เทคนิคสำคัญทำให้ร้านหมูกระทะมีกำไร

1.ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าคุ้มค่าที่สุดที่มากินร้านเรา
ลูกค้าส่วนใหญ่ไม่ได้สนใจที่ราคามากนัก หาวัตถุดิบที่ได้ทานน่าสนใจหรือรู้สึกว่าคุ้มค่ากับเงินที่เสียไป ดังนั้นไม่ว่าเราจะตั้งราคาเท่าไหร่ 129 159 189 299 สิ่งสำคัญอยู่ที่การเสิร์ฟความคุ้มค่าให้ลูกค้ามากที่สุด

2.เก็บรายละเอียดพัฒนาการบริหารต้นทุน
แน่นอนว่าในช่วงแรกเราไม่สามารถกำหนดตายตัวได้ว่าต้นทุนไหนจะมากหรอน้อย โดยเฉพาะต้นทุนวัตถุดิบ ดังนั้นการเก็บข้อมูลประมาณการถือเป็นสิ่งสำคัญเราต้องรู้ก่อนว่าในแต่ละเมนูมีต้นทุนเท่าไหร่ มีส่วนประกอบอะไรบ้าง อย่างละกี่กรัม เมนูไหนออกมากหรือออกน้อย การรู้ความต้องการของลูกค้าที่สัมพันธ์กับเมนูสามารถลด food costs ได้

3.ลดต้นทุนของเสียให้มากที่สุด
ในส่วนนี้หากเป็นร้านที่ขายในรูปแบบชุด ควรเน้นการจัดเซ็ตที่มีขนาดไม่ใหญ่มากนักแต่ต้องเหมาะสมกับราคา เพื่อเพิ่มโอกาสให้ลูกค้าได้สั่งเพิ่มในเมนูอื่นๆ ในส่วนของร้านบุฟเฟ่ต์ ต้นทุนของเสียอาจไม่มากเท่าไหร่นัก เพราะการขายแบบบุฟเฟต์จะมีจำนวนของวัตถุดิบที่ปล่อยออกมาจำนวนมาก หรือ มีการสต็อกวัตถุดิบเอาไว้ซึ่งนั่นหมายถึงวัตถุดิบที่ขายไม่หมดสามารถเก็บรักษาไว้ได้

4.รสชาติต้องดี วัตถุดิบมีคุณภาพ
พึงระลึกไว้เสมอว่าแม้จะเป็นร้านอาหารแนวบุฟเฟ่ต์ก็ตาม สิ่งที่ลูกค้าอยากได้รับก็คืออาหารที่รสชาติอร่อยและได้คุณภาพด้วย ในไลน์อาหารปรุงสำเร็จคุณต้องควบคุมรสชาติให้คงเส้นคงวาเสมออย่าให้พลาด และในไลน์ของอาหารสด วัตถุดิบคุณก็ต้องสดจริง อย่าได้เอาของค้างเก่าหลายวันมาให้บริการเด็ดขาดเพราะนอกจากคุณภาพจะลดลงไปแล้ว มันก็ยังมีโอกาสเน่าเสียได้อีกด้วย ถ้าแม้แต่คุณเองยังไม่ทานของเน่าเสียหรือของไม่อร่อยและไม่มีคุณภาพ ลูกค้าเขาก็คิดไม่ต่างจากคุณเช่นกัน

5.ใส่ใจเรื่องความสะอาด
ร้านหมูกระทะ ถือ เป็นร้านอาหารแบบบริการตัวเอง ไม่ว่าจะแบบบุฟเฟต์หรือแบบชุด จุดอ่อนสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามคือเรื่องของความสะอาดไม่ว่าจะเป็นตัวสถานที่ หรืออาหารทั้งอาหารสดและปรุงสำเร็จมันมีกรณีเกิดขึ้นมากมายเกี่ยวกับการไม่สนใจเรื่องความสะอาดและท้ายที่สุดก็จบไม่สวยสักร้าน

6.คิดให้ดีก่อนจัดโปรโมชั่น
การทำโปรโมชั่น ถือเป็นวิธีการเพิ่มยอดขายได้ดี โดยเฉพาะพวกโปรลดราคา หรือมา 3 จ่าย 2 อะไรพวกนี้แม้จะดึงดูดลูกค้าได้แต่โอกาสเสี่ยงเจ๊งก็มีสูง วิธิที่ดีที่สุดคือเราต้องรู้ตัวเองว่าขายอะไรและขายใคร โปรโมชั่นอาจทำให้ได้ลูกค้าใหม่แต่ก็อาจเสียฐานลูกค้าเก่าได้เช่นกัน ดังนั้นโปรโมชั่นจึงต้องพิจารณาให้ถี่ถ้วนและไม่ควรมีบ่อยมากจนเกินไป


สอบถาม ปรึกษา คลิกเลย /size]


84
rtd85 หมุกระทะ / หมูกระทะ กับอันตรายที่มากกว่า “มะเร็ง”
« กระทู้ล่าสุด โดย Admin เมื่อ กรกฎาคม 29, 2022, 09:23:02 PM »
หมูกระทะ กับอันตรายที่มากกว่า “มะเร็ง”

“เย็นนี้ หมูกระทะกัน” เพื่อนๆ จะสังสรรค์กันทีไร ต้องหมูกระทะเท่านั้น เพราะนอกจากจะกินได้ไม่อั้น อิ่มยันพรุ่งนี้เช้าแล้ว ยังราคาย่อมเยา คิดราคาแล้วต้องรอง โอ้โห คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม เลยทำให้หลายคนน้ำหนักขึ้นจากเมนูนี้ได้ไม่ยาก

แต่อันตรายไม่ได้มาแค่น้ำหนักที่เพิ่มขึ้น แต่หากไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจจนทานมากเกินไป จะส่งผลเสียให้กับร่างกายมากกว่าโรคที่ใครหลายคนทราบดีอย่าง “มะเร็ง” อีกด้วย

อันตรายจากหมูกระทะที่ไมได้มาตรฐาน
1. เนื้อหมู
ใครที่ชอบทานหมู จะเห็นได้ว่าหมูในร้านหมูกระทะหมักมาเรียบร้อยแล้ว แต่หมูเหล่านี้หากรับซื้อมาจากผู้ผลิตที่ไม่ได้มาตรฐาน แล้วยังปิ้งย่างไม่สุก 100% ทานเข้าไปอาจมีความเสี่ยงรับเชื้อโรคที่ทำให้เกิดโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบได้ โดยจะมีอาการคือ มีไข้สูง ปวดศีรษะ อาเจียน หูหนวก ชัก หรืออาจเป็นอัมพาต บางรายอาจปอดอักเสบ สายตาพร่ามัว และหูหนวกได้ นอกจากนี้ยังมีเชื้อโรคอื่นๆ อีกเพียบ หากทานโดยใช้ความร้อนที่ไม่มากเพียงพอที่จะฆ่าเชื้อโรคเหล่านั้นได้

2. ผ้าขี้ริ้ว
หลายคนชอบส่วนของ ผ้าขี้ริ้ว มาก ยิ่งสีขาวๆ ยิ่งน่ากิน แต่อันที่จริงแล้วผ้าขี้ริ้วมีสีค่อนข้างดำเข้ม (จึงมีชื่อว่าผ้าขี้ริ้ว) แต่กว่าจะเป็นสีขาวหน้าตาน่ารับประทาน ก็ต้องผ่านการฟอกมาก่อน ซึ่งเจ้าสารฟอกขาวนี่แหละค่ะที่อาจตกค้างจนทำให้ผู้ที่ทานเข้าไปมีอาการหายใจติดขัด ความดันโลหิตต่ำ ปวดท้อง อาเจียน ท้องร่วง ยิ่งคนที่มีอาการแพ้ต่อสารฟอกขาวด้วย หรือผู้ป่วยที่มีโรคหอบหืดเป็นโรคประจำตัวด้วยแล้ว จะยิ่งมีอาการที่แย่ลง อาจจะช็อค หมดสติ หรือถึงขั้นเสียชีวิต (หากทานเข้าไปมากๆ) ได้เลยทีเดียว

3. อาหารทะเล
อย่างที่หลายคนเคยทราบกันว่าหากเป็นแหล่งจำหน่ายอาหารทะเลที่ไม่ได้คุณภาพ อาจมีการรักษาความสดของอาหารทะเลด้วยการใช้ฟอร์มาลีน หากเราทานอาหารทะเลที่มีฟอร์มาลีนเป็นสารตกค้างมากๆ อาจส่งผลต่อการทำงานของไต หัวใจ หรืออาจเป็นสาเหตุของอาการสมองเสื่อมได้เลยทีเดียว นอกจากนี้หากเรามีอาการแพ้สารดังกล่าว อาจทำให้เรามีอาการปวดท้องอย่างรุนแรง อาเจียน หมดสติ จนถึงขั้นเสียชีวิตได้เช่นกัน

4. อาหารแปรรูป
หลายคนชอบทานไส้กรอก ลูกชิ้นต่างๆ ซึ่งอาจมีสารบอแรกซ์เป็นส่วนผสม เพื่อทำให้อาหารเหล่านั้นกรอบอร่อย หากเรารับสารเหล่านี้เข้าไปมากๆ อาจทำให้ร่างกายอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร น้ำหนักลด ส่งผลกระทบต่อการทำงานของไต จนอาจทำให้ไตวาย หรือกระทบกับการทำงานของสมองได้

กรมอนามัยระบุว่า การรับประทานอาหารปิ้งย่างหรือรมควันเป็นประจำจะเสี่ยงต่อการได้รับสารอันตราย 3 ชนิด

1. สารไนโตรซามีน (Nitrosamines)
สารไนโตรซามีน สามารถพบในปลาหมึกย่าง ปลาทะเลย่าง และในเนื้อสัตว์ที่ใส่สารไนเตรท ประเภทแหนม ไส้กรอก เบคอน แฮม ที่มีสีแดงผิดปกติ ทำให้เสี่ยงเป็นสารก่อมะเร็ง ทั้งมะเร็งตับ มะเร็งหลอดอาหาร

2. สารไพโรไลเซต (Pyrolysates)
สารนี้พบมากในส่วนที่ไหม้เกรียมของอาหาร ปิ้ง ย่าง สารกลุ่มนี้บางชนิดมีฤทธิ์ร้ายแรงทางพันธุกรรมมากกว่าสารอะฟลาทอกซินตั้งแต่ 6-100 เท่า

3. สารพีเอเอช หรือสารกลุ่มโพลีไซคลิก อะโรมาติก ไฮโดรคาร์บอน (Polycyclic Aromatic Hydrocarbon)
สารนี้เป็นชนิดเดียวกับที่เกิดในควันไฟ ไอเสียของเครื่องยนต์ ควันบุหรี่ และเตาเผาเชื้อเพลิงในโรงงานอุตสาหกรรม โดยสารนี้จะพบในบริเวณที่ไหม้เกรียมของอาหารที่ปรุงด้วยการปิ้ง ย่าง หรือรมควัน ของเนื้อสัตว์ที่มีไขมันหรือมันเปลวติดอยู่ด้วย เช่น หมูย่างติดมัน ไก่ย่างติดมัน หากรับประทานเข้าไปเป็นประจำจะมีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งตับ ซึ่งจากสถิติขององค์การอนามัยโลก (WHO) พบว่าในปี 2553 มีผู้ป่วยมะเร็งตับในประเทศไทย23,410 ราย และเสียชีวิต 20,334 ราย คิดเป็นอัตราการเสียชีวิต 55 คนต่อวัน หรือ 2 คนต่อชั่วโมง


สอบถาม ปรึกษา คลิกเลย /size]


85
rtd85 หมุกระทะ / วิธีทำน้ำจิ้มหมูกระทะมีอะไรบ้าง
« กระทู้ล่าสุด โดย Admin เมื่อ กรกฎาคม 29, 2022, 09:22:17 PM »
หมูกระทะ เมนูทำกินเองได้ง่าย ๆ พร้อมสูตรน้ำจิ้มหมูกระทะ และวิธีการหมักหมูนุ่ม ที่อร่อยยกชุด

วันหยุดชวนครอบครัวมาทำเมนูหมูกระทะ กับน้ำจิ้มสุกี้รสเด็ด พร้อมวิธีหมักหมูให้นุ่มอร่อย กินไม่หมดจับแช่เย็นไว้กินวนไปได้เลย

ช่วงนี้ใครอยากกินหมูกระทะ อาหารปิ้งย่างเหมือนกันบ้าง ถ้าไม่อยากออกไปซื้อหมูกระทะชั่งกิโล ตามตลาด ลองมาทำกินเองดีไหม กระปุกดอทคอมขอนำเสนอวิธีทำหมูกระทะ มาพร้อมทั้งสูตรน้ำจิ้มหมูกระทะและวิธีหมักหมูนุ่ม
มาทำหมูกระทะกัน แจกสูตรน้ำจิ้ม และสูตรหมักหมูนุ่ม นุ่มมาก ไม่ใส่สารเสริม
โดย คุณ sujitrar สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม

          วันนี้มาชวนเคาะตะหลิวทำของคาวกันบ้างค่ะ มาทำ “น้ำจิ้มหมูกระทะ หรือน้ำจิ้มสุกี้” แถมด้วย “สูตรหมักหมูนุ่ม” หมักใส่ตู้เย็นไว้ทำได้หลายเมนูเลยค่ะ สูตรนี้ไม่ใส่สารเสริม เนื้อหมูนุ่มมาก ๆ แช่ฟรีซไว้กินได้หลายวัน ไม่ต้องออกจากบ้านค่ะ

ส่วนผสม น้ำจิ้มหมูกระทะ
กระเทียมสับ 2 ช้อนโต๊ะ
พริกแดงจินดาสับ 2 ช้อนโต๊ะ
ผักชี 2 ต้น
น้ำเปล่า 550 มิลลิลิตร
ซอสพริก 400 กรัม
ซอสมะเขือเทศ 250 กรัม
น้ำตาลทราย 6 ช้อนโต๊ะ
เกลือ 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำส้มสายชู 1+1/2 ช้อนโต๊ะ
น้ำกระเทียมดอง 2 ช้อนโต๊ะ
แป้งกวนไส้ หรือแป้งมัน หรือแป้งข้าวโพด 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำเปล่า 2 ช้อนโต๊ะ (สำหรับผสมแป้ง)
งาขาวคั่ว 4 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันงา 2 ช้อนโต๊ะ
ผักชีสับ

วิธีหมักหมูนุ่ม
ส่วนผสม หมักหมูนุ่ม
สะโพกหมู 1+1/2 กิโลกรัม
ซีอิ๊วขาว 3 ช้อนโต๊ะ
ซอสหอยนางรม 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ
ไข่ไก่ 2 ฟอง
น้ำมันพืช 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันงา 2 ช้อนโต๊ะ
ผงปรุงรส 2 ช้อนโต๊ะ
แป้งมัน 2 ช้อนโต๊ะ
งาขาวคั่ว 2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำน้ำจิ้มหมูกระทะ
นำกระเทียมมาปอกเปลือก ล้างให้สะอาด และนำไปสับพอหยาบใส่ถ้วย นำพริกเด็ดขั้วล้างน้ำให้สะอาด และสับเตรียมไว้ นำผักชีล้างน้ำให้สะอาด ตัดส่วนรากมาสับให้ละเอียด ส่วนใบและก้านซอยเตรียมไว้

นำน้ำเปล่า ซอสพริก ซอสมะเขือเทศ  น้ำตาลทราย เกลือ น้ำกระเทียมดอง และน้ำส้มสายชู ใส่ลงในหม้อ คนผสมให้เข้ากัน และชิมรสตามความชอบ หลังจากนั้นใส่กระเทียมสับ

ใส่พริกสับ คนให้เข้ากัน ใส่แป้งกวนไส้หรือแป้งข้าวโพดที่ผสมน้ำไว้ลงไป คนให้เข้ากัน ใส่งาขาวคั่วตามชอบ

ใส่น้ำมันงา คนให้เข้ากัน นำขึ้นตั้งไฟปานกลาง

คนจนส่วนผสมเดือดและข้น หลังจากนั้นปิดไฟ โรยผักชี

วิธีหมักหมู
นำหมูส่วนสะโพกสไลซ์แผ่นบางไปล้างน้ำให้สะอาด แล้วใส่ลงในกะละมัง ใส่ซีอิ๊วขาว น้ำตาลทราย ซอสหอยนางรม ไข่ไก่ น้ำมันพืช น้ำมันงา ผงปรุงรส แป้งมัน ลงไป

โรยด้วยงาขาวคั่ว แล้วคลุกเคล้านวดให้เข้ากันจนน้ำแห้ง หลังจากนั้นนำเข้าตู้เย็น แช่ไว้ประมาณ 4 ชั่วโมง หรือข้ามคืน ก็จะได้หมูนุ่ม ๆ มาไว้ทำได้หลายเมนูค่ะ จะทำหมูกระทะ สุกี้ หรือนำไปทำราดหน้าก็ได้ ลองทำกันดูนะคะ ทำแช่ตู้เย็นไว้กินได้หลายวันเลย

ถ้าเอียนกับการทำชาบูกินเองที่บ้าน ลองมาทำหมูกระทะบ้างดีไหม ถ้าวัตถุดิบอย่างหมูหมักกับน้ำจิ้มกินไม่หมด เอาไปแช่เย็นเก็บไว้กินวันหลังได้นะคะ


สอบถาม ปรึกษา คลิกเลย /size]


86
แฟรนไชส์ เตาถ่านหมูกระทะ ธุรกิจไซส์มินิเน้นความคล่องตัวทำตลาดได้ทุกทำเล

‘เตาถ่านหมูกระทะ’ หนึ่งในตัวเลือกธุรกิจน่าลงทุนสำหรับผู้ที่มีพื้นที่จำกัด มาพร้อมความโดดเด่นด้วยการออกแบบที่ทันสมัย สร้างความสำเร็จด้วยรสชาติที่อร่อยไม่เหมือนใคร จากสูตรน้ำจิ้มรสเด็ดเฉพาะตัว สร้างรายได้ที่มั่นคงด้วยรูปแบบการขายแบบใหม่การันตีกำไรไม่ต่ำกว่า 50 เปอร์เซ็นต์จากยอดขาย สร้างความสำเร็จอย่างแท้จริง

แฟรนไชส์ เตาถ่านหมูกระทะ มีจุดเริ่มต้นมาจาก คุณอารายา ทามแก้ว(แอน) นักธุรกิจสาวสวยมากความสามารถที่มองเห็นโอกาสความสำเร็จจากธุรกิจหมูกระทะซึ่งเธอได้บังเอิญรับช่วงกิจการต่อมาจากเพื่อนรุ่นพี่ของเธอและได้มีการพัฒนาปรับปรุงรูปแบบร้านใหม่จนกลายเป็นร้านที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงและสามารถต่อยอดเป็นธุรกิจแฟรนไชส์ได้ในที่สุด เธอเล่าถึงแรงบันดาลใจและจุดเริ่มต้นว่า

“ตัวแอนจบเทคนิคการแพทย์จากมหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ แต่มีใจรักทางดนตรี หลังเรียนจบทำธุรกิจแรก คือเปิดโรงเรียนดนตรีสอนให้กับเด็กๆ ที่หันมาทำธุรกิจหมูกระทะ เนื่องจากเป็นคนชอบทานหมูกระทะอยู่แล้ว เคยลองคำนวนเล่นๆ ว่ารายได้ของธุรกิจหมูกระทะเป็นอย่างไร ซึ่งถือว่าเป็นธุรกิจที่มีอัตราเติบโตเร็วเนื่องจากเป็นเมนูที่ได้รับความนิยมแทบทุกพื้นที่ จะชอบบรรยากาศของร้านหมูกระทะ และด้วยความบังเอิญมีพี่สาวที่สนิทกัน มีร้านหมูกระทะอยู่ ที่หลังม.เทคโนโลยีสุรนารี แล้วทำไม่ไหวเนื่องจากน้องชายจะไปทำงานประจำ เลยเสนอขายกิจการให้จึงตัดสินใจรับซื้อกิจการต่อ  ซึ่งผลตอบรับถือว่าดีมากๆ ด้วยทำเลที่เปิดเป็นย่านนักศึกษา ซึ่งชอบทานบุฟเฟ่อยู่แล้ว ทำให้มียอดขายไม่ต่ำกว่า 15,000 บาทต่อวัน”

จุดเด่นของเตาถ่านหมุกระทะ สิ่งแรกคือคุณภาพ ตั้งแต่ น้ำจิ้ม วัตถุดิบที่ใช้ไม่ว่าจะเป็นหมู ไก่ ซึ่งค่อนข้างพิถีพิถันในการคัดสรรวัตถุดิบ อย่างน้ำจิ้มเป็นสูตรเฉพาะที่มีส่วนผสมและขั้นตอนการทำที่ละเอียดกว่าแบบทั่วไป เพื่อให้ได้รสชาติที่หอมอร่อย เมื่อทานคู่กับเนื้อหมูที่หมักด้วยผงหมักสูตรเฉพาะของทางร้านเป็นเวลากว่า 3 วัน และน้ำซุ้ปที่เข้ากันอย่างลงตัวกับวัตถุดิบทุกชนิด รสชาติที่ได้คือความกลมกล่อมไม่เหมือนใคร รับรู้ได้ถึงคุณภาพของวัตถุดิบ ที่สำคัญราคาไม่แพง เริ่มต้นที่ชุดละ 79 บาท 2 คน ชุด 119 บาท (3 คน)

หลังจากนั้น 1 ปี คุณแอนตัดสินใจขยายสาขาด้วยรูปแบบแฟรนไชส์ ด้วยไอเดียที่ต้องการทำตลาดหมูกระทะให้ครอบคลุมตลาดมากขึ้น สไตล์สตรีทฟู้ด เปิดโอกาสให้คนที่ไม่มีพื้นที่เป็นของตัวเองสามารถตั้งคีออสก์ได้ โดยมีรูปแบบร้านที่ทันสมัยใช้พื้นที่น้อย พับเก็บได้สะดวกโดยแบ่งการลงทุนเป็น 2 รูปแบบดังนี้

รูปแบบที่ 1 ชุดเตาถ่าน งบลงทุน 150,000 บาท
รูปแบบที่ 2 ชุดเตาไฟฟ้า งบลงทุน 250,000 บาท
ได้รับอุปกรณ์พร้อมเปิดร้านทันที อาทิ คีออสก์สไตล์ BOX ขนาด 2×2 เมตร พร้อมการตกแต่งที่โดดเด่น และวางระบบไฟฟ้าในตัว พร้อมเสียบใช้งานกับตัวบ้าน และชุด โต๊ะ+เก้าอี้ และ เตาถ่าน(ไฟฟ้า) หม้อน้ำซุป จำนวน 6 ชุด  ชุดถ้วยจาน จำนวน 10 โหล

“จุดเด่นของแฟรนไชส์นอกจากความสะดวกในเรื่องของพื้นที่ที่ไม่จำเป็นต้องมีพื้นที่กว้างก็สามารถเปิดร้านได้แล้ว รูปแบบการขายยังจัดเป็นชุดๆ มีราคาเริ่มต้นที่ชุดละ 79 บาท กำไรต่อชุดอยู่ที่ 40 เปอร์เซ็นต์จากยอดขาย หากต่อวันขายได้ 20 ชุดจะมีกำไรวันละ 800 บาท สามารถควบคุมต้นทุนได้ดีกว่าบุฟเฟ่ ส่งผลต่อความสะดวกในการบริหารจัดการวัตถุดิบ ทำเลที่แนะนำควรเป็นแหล่งชุมชน โซนนักศึกษา ย่านออฟฟิศ หรือสถานที่ราชการ”

เตาถ่านหมูกระทะนับเป็นธุรกิจที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของนักลงทุนในปัจจุบันได้เป็นอย่างดี ซึ่งร้านหมูกระทะถือเป็นร้านที่ได้รับความนิยมอย่างสูงแม้ว่าจะมีร้านที่เปิดขึ้นมาอย่างมากมายแต่ก็ยังไม่ครอบคลุมทุกพื้นที่ และด้วยขนาดธุรกิจที่มีความคล่องตัว ทำให้สามารถขยายกลุ่มผู้บริโภคได้มากกว่าการต้องมาเฉพาะร้านใหญ่เพียงอย่างเดียว ที่สำคัญคือเรื่องรสชาติ ที่หากใครได้ลองทานต้องบอกเป็นเสียงเดียวกันถึงความอร่อยและไม่เหมือนใคร ซึ่งตัวคุณแอนให้ความใส่ใจกับวัตถุดิบมากที่สุด โดยเฉพาะน้ำจิ้ม ที่แฟรนไชส์ซีต้องซื้อจากครัวกลางเท่านั้นเพื่อความอร่อยที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน

“เราให้ความใส่ใจในเรื่องของคุณภาพมากที่สุด โดยเฉพาะน้ำจิ้มถือเป็นจุดแข็งที่ทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จมาได้จนถึงทุกวันนี้ ส่วนของธุรกิจปัจจุบันสไตล์การทานเน้นความสะดวกสบาย ดังนั้นแฟรนไชส์ที่เราออกแบบจะสามารถตอบโจทย์ความสะดวกได้ ที่สำคัญเป้าหมายทางการตลาดที่เราวางไว้ยังไม่มีคู่แข่ง ขอเพียงแค่ผู้ลงทุนต้องมีใจรักบริการ มีใจอยากลงทุน และเป็นนักลงทุนจริงๆ และพร้อมเป็นส่วนหนึ่งในธุรกิจเรา โอกาสประสบความสำเร็จมีอย่างแน่นอน”

7 แนวทางทำร้านหมูกระทะให้คนฮิตติดใจ!
1. ทำให้ลูกค้ารู้สึกคุ้มค่า
ลูกค้าส่วนใหญ่อาจไม่ได้สนใจว่าราคาของเราจะถูกหรือแพงแต่เขาสนใจแค่ว่าคุ้มหรือไม่คุ้มมากกว่า ฉะนั้นไม่ว่าเราจะตั้งราคาต่อคนต่อหัวเท่าไหร่ จะ 99 บาท 299 บาท หรือ 399 บาท จงมั่นใจว่าทุกเมนูที่เสิร์ฟให้ลูกค้า จะทำให้เขารู้สึกคุ้มค่ากับเงินที่เสียไป
2. บริหารจัดการต้นทุนให้ดี
เราต้องรู้ก่อนว่าในแต่ละเมนูมีต้นทุนเท่าไหร่ มีส่วนประกอบอะไรบ้าง อย่างละกี่กรัม เมนูไหนออกมากหรือออกน้อย การรู้ความต้องการของลูกค้าที่สัมพันธ์กับเมนูสามารถลด food costs ได้
3. บริหารของเสียให้เหลือน้อยที่สุด
หนึ่งในรูปแบบที่น่าสนใจคือลดขนาดของอาหารให้น้อยลง ก็อาจลดโอกาสที่ลูกค้าจะกินเหลือให้น้อยลงได้ เนื่องจากพฤติกรรมของคนกินมักชอบลองอะไรหลายๆ อย่าง การที่แต่ละเมนูมีขนาดไม่ใหญ่นัก จะทำให้ลูกค้ามีโอกาสลองเมนูอื่นๆ มากขึ้น
4. คิดให้ดีก่อนทำโปรโมชั่น
โดยเฉพาะพวกโปรลดราคา หรือมา 3 จ่าย 2 อะไรพวกนี้แม้จะดึงดูดลูกค้าได้แต่โอกาสเสี่ยงเจ๊งก็มีสูง วิธิที่ดีที่สุดคือเราต้องรู้ตัวเองว่าขายอะไรและขายใคร โปรโมชั่นอาจทำให้ได้ลูกค้าใหม่แต่ก็อาจเสียฐานลูกค้าเก่าได้เช่นกัน ดังนั้นโปรโมชั่นจึงต้องพิจารณาให้ถี่ถ้วนและไม่ควรมีบ่อยมากจนเกินไป
5. ใส่ใจความสะอาดของร้านและอาหารให้ดี
ร้านหมูกระทะส่วนใหญ่เป็นแบบบุฟเฟ่ต์ คือ ร้านอาหารแนวบริการตัวเอง จุดอ่อนสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามคือเรื่องของความสะอาดไม่ว่าจะเป็นตัวสถานที่ หรืออาหารทั้งอาหารสดและปรุงสำเร็จมันมีกรณีเกิดขึ้นมากมายเกี่ยวกับการไม่สนใจเรื่องความสะอาดและท้ายที่สุดก็จบไม่สวยแน่ๆ
6. เตรียมพร้อมรับมือกับปัญหาจากลูกค้า
สิ่งที่ต้องเจอแน่ๆ คือปัญหาจากลูกค้า เพราะแต่ละคนที่มาใช้บริการมีความคิดและนิสัยที่แตกต่าง ลูกค้าบางคนก็มีกลโกงร้านค้า เช่น มากิน 3 คน แต่ตอนจ่ายบอกว่ามา 2 คน หรือบางคนกินเหลือกินทิ้ง และก็ไม่ยอมจ่ายค่าปรับให้กับร้านตามกติตาที่กำหนด และอีกหลากหลายรูปแบบปัญหาที่คนเปิดร้านหมกระทะต้องเจอ แต่ไม่ว่าจะเจอเหตุการณ์แบบไหนอย่างไรในฐานะงานบริการเราต้องแก้ปัญหาอย่างใจเย็น ซึ่งการอารมณ์ร้อนไปกับลูกค้าบางคนอาจทำให้ร้านของเราเสียชื่อเสียงได้ยิ่งในยุคโซเชี่ยลแบบนี้ต้องระวังให้มาก
7. ปรับปรุงและพัฒนาตนเองอยู่เสมอ
การที่ร้านหมูกระทะเป็นการลงทุนยอดฮิตเราย่อมหนีไม่พ้นคู่แข่ง สิ่งสำคัญคือเราต้องพัฒนาร้านค้า พัฒนาการบริการ พัฒนาสินค้า เช่น มีเมนูใหม่ๆ บริการใหม่ๆ โปรโมชั่นใหม่ๆ และมีการตลาดยุคใหม่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเปิดร้านให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย


สอบถาม ปรึกษา คลิกเลย /size]


87
rtd85 หมุกระทะ / ทำไม ร้านหมูกระทะชั่งกิโล ถึงมา! แรงทำกำไร
« กระทู้ล่าสุด โดย Admin เมื่อ กรกฎาคม 29, 2022, 09:19:26 PM »
ทำไม ร้านหมูกระทะชั่งกิโล ถึงมา! แรงทำกำไร

ทำไม หมูกระทะชั่งกิโล ถึงมา!
ลงทุนไม่สูง การขายหมูกระทะชั่งกิโลให้ลูกค้าซื้อไปทานที่บ้าน
เปิดร้านขายหมูกระทะชั่งกิโล สามารถเช่าพื้นที่ขายตามลาดนัดทั่วไปได้ หรือตึกแถว
การเปิดร้านหมูกระทะชั่งกิโลกลับไปทานที่บ้าน
แฟรนไชส์ หมูกระทะชั่งกิโลได้รับความนิยมมากขึ้น
เปิดร้านขายหมูกระทะชั่งกิโลจะได้กำไรดีกว่าเปิดร้านให้นั่งทานในร้าน
ร้านหมูกระทะชั่งกิโล ได้รับความนิยมจากลูกค้าแน่นอน
เปิดร้านหมูกระทะชั่งกิโล จะไม่ยุ่งยากเท่าเปิดร้านหมูกระทะให้นั่งทาน

1.ลงทุนไม่สูง 

หากเปรียบเทียบระหว่างร้านหมูกระทะที่ให้ลูกค้านั่งทานในร้าน กับ การขายหมูกระทะชั่งกิโลให้ลูกค้าซื้อไปทานที่บ้าน จะพบว่าร้านหมูกระทะเปิดให้นั่งทานในร้านจะลงทุนสูงกว่าหมูกระทะชั่งกิโล เนื่องจากต้องมีค่าใช้จ่ายในการตกแต่งร้านซื้ออุปกรณ์เตา หม้อ ถ้วย ชาม รวมถึงโต๊ะเก้าอี้ ค่าเช่าสถานที่ อีกทั้งยังมีค่าจ้างพนักงาน ฯลฯ แต่ถ้าเปิดร้านขายหมูกระทะชั่งกิโล สามารถเช่าพื้นที่ขายตามลาดนัดทั่วไปได้ หรือตึกแถว ใช้พื้นที่ไม่มากนัก เพียงแค่มีโต๊ะสำหรับวางหมูหมักต่างๆ ก็พอ

2.สะดวกลูกค้า
บางครั้งลูกค้าที่ชื่อชอบหมูกระทะอาจจะไม่มีเวลาไปนั่งทานในร้าน จึงเปลี่ยนจากนั่งทานในร้านเป็นการซื้อหมูหมัก เนื้อหมัก และอื่นๆ จากร้านหมูกระทะชั่งกิโลกลับไปทานที่บ้าน ซึ่งหากไม่อยากทานหมูกระทะ ก็สามารถเปลี่ยนเมนูทำเป็นสุกี้ทานก็ได้ เพียงแค่ใช้กระทะไฟฟ้าที่มีอยู่ในบ้าน เสียบน้ำให้ร้อน จึงทำให้หมูกระทะชั่งกิโลได้รับความนิยมมากขึ้น

3.ได้กำไรดีกว่า
เปิดร้านขายหมูกระทะชั่งกิโลจะได้กำไรดีกว่าเปิดร้านให้นั่งทานในร้าน เนื่องจากลูกค้าซื้อกลับไปทานที่บ้าน จะรู้เลยว่าแต่ละคนซื้อปริมาณเท่าไหร่ กินมากน้อยไหน ไม่เหมือนร้านนั่งทานที่ไม่รู้ว่าลูกค้าแต่ละคนจะกินมากน้อยแค่ไหน บางวันอาจได้กำไร บางวันอาจขาดทุนก็ได้ เพราะเปิดร้านให้นั่งทานแบบบุฟเฟ่ต์ ลูกค้าจะเลือกหยิบจับอะไรก็ได้

4.ขายน้ำจิ้มได้ด้วย
ร้านหมูกระทะแบบให้นั่งทานในร้านจะไม่สามารถขายน้ำจิ้มได้ แต่ร้านหมูกระทะชั่งกิโลจะสามารถขายน้ำจิ้มสูตรต่างๆ ให้กับลูกค้าที่มาซื้อหมูหมัก เนื้อหมักได้ รวมถึงขายผักต่างๆ ได้อีกด้วย ยิ่งหากร้านขายทุกอย่าง ถ่าน ซอส ครบทุกความอร่อย สด สะอาด ทางร้านคัดสรรของดีมีคุณภาพ การันตีความอร่อย เชื่อว่าได้รับความนิยมจากลูกค้าแน่นอน

5.ไม่ยุ่งยาก ไม่เหนื่อย
เปิดร้านหมูกระทะชั่งกิโล จะไม่ยุ่งยากเท่าเปิดร้านหมูกระทะให้นั่งทานในร้าน เนื่องจากไม่ต้องเตรียมสถานที่ จัดโต๊ะเก้าอี้ เพียงแค่ซื้อวัตถุดิบ และซื้อหมู เนื้อ มาหมักตามสูตรเฉพาะก็เสร็จแล้ว ไม่ต้องยุ่งยากในเรื่องภาชนะ ถ้วยชาม และล้างอีก ทั้งหมดเป็นเหตุผลว่าทำไม ร้านหมูกระทะชั่งกิโล ถึงได้รับความนิยมในปัจจุบัน ผู้บริโภคได้รับความสะดวก ไม่ต้องหมักหมูด้วยตัวเอง แต่ได้หมูกระทะที่มีรสชาติเหมือนกับไปนั่งทานในร้าน ขณะที่ผู้ประกอบการไม่ต้องยุ่งยากในการเปิดร้าน ลงทุนไม่สูง ส



สอบถาม ปรึกษา คลิกเลย /size]


88
rtd85 หมุกระทะ / ทานหมูกระทะอย่างไรให้ปลอดภัยต่อสุขภาพ
« กระทู้ล่าสุด โดย Admin เมื่อ กรกฎาคม 29, 2022, 09:18:38 PM »
ทานหมูกระทะอย่างไรให้ปลอดภัยต่อสุขภาพ
1.รับประทานหมูกระทะแบบปิ้ง ย่าง ตามปกติการหั่นเนื้อมักไม่เท่ากัน บางชิ้นเนื้อหนา บางชิ้นเนื้อบาง การดูเพียงขอบนอกของเนื้อไหม้เกรียมอาจจะไม่ได้หมายความว่าเนื้อดังกล่าวสุก ควรใช้ช้อนหั่นเนื้อตรงกลางออก เพื่อตรวจสอบเนื้อสุกแล้วหรือไม่

2.ควรมีการแยกตะเกียบหยิบชิ้นเนื้อปิ้งย่าง ออกจากตะเกียบรับประทาน เพื่อป้องกันการปนเปื้อน

3.ควรรับประทานอย่างช้าๆ เพื่อสังเกตว่าอาหารสุกหรือไม่ แต่ส่วนใหญ่หมูกระทะมักรับประทานในรูปแบบของบุฟเฟ่ต์ ทำให้คนรีบร้อนในการรับประทาน

4.ในกรณีที่ทำทานเองที่บ้าน ควรมีการทำความสะอาดตะแกรงปิ้งย่างด้วยการแช่น้ำ หรือแช่น้ำยาชะล้าง ล้างและขัดให้สะอาด และนำมาผึ่งแดดอย่างน้อย 4 - 8 ชั่วโมง ก่อนนำกลับมาใช้ใหม่
 
ถึงกระนั้นก็ไม่ได้หมายความว่าหมูกระทะทุกร้านจะอันตราย ห้ามทานกันไปหมดนะคะ เพียงแต่ก่อนทานควรเลือกร้านที่คุณภาพของอาหารดี สะอาด ถูกหลักอนามัย ราคาไม่ถูกมากจนน่ากลัว และที่สำคัญคือควรทานในปริมาณที่พอเหมาะ ไม่เห็นแก่เงินจนทานเอาให้คุ้ม ไม่ทานบ่อยจนเกินไป เลือกทานทั้งเนื้อและผัก ทานให้หลากหลาย และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอด้วยค่ะ

สอบถาม ปรึกษา คลิกเลย /size]


89
rtd85 หมุกระทะ / ชาบู VS หมูกระทะ กินแบบไหนดีกว่ากัน
« กระทู้ล่าสุด โดย Admin เมื่อ กรกฎาคม 29, 2022, 09:17:25 PM »
ชาบู VS หมูกระทะ กินแบบไหนดีกว่ากัน ?

ศึกชาบู Vs หมูกระทะ
ตอนนี้เรียกว่าใครๆ ต่างก็ต้องยกให้ชาบู หรือ หมูกระทะ ที่เป็นเมนูสุดคุ้มที่ให้สามารถทานกันได้แบบจุกๆ ในราคาบุฟเฟ่ต์ที่มีทั้งของคาวของหวาน และอาหารหลากหลายสัญชาติอย่างอาหารญี่ปุ่น ชาชิมิ สเต็ก ไก่ทอดเกาหลี ก็มีจัดเต็ม ซึ่งบางครั้งหลายคนก็ตัดสินใจไม่ได้ว่าระหว่างหมูกระทะกับชาบูเลือกทานแบบไหนดีกว่ากัน แบบไหนส่งผลต่อร่างกายมากกว่ากัน หรือเป็นอันตรายต่อร่างกายมากกว่า

สำหรับชาบูหลายคนคงจะคุ้นเคยเป็นอย่างดี ซึ่งในปัจจุบันก็มีหลากหลายร้านอร่อยให้เลือกทาน โดยชาบูจะเป็นการทานกับน้ำซุปหรือใช้วิธีการลวกหรือต้มในการทำให้อาหารสุก โดยเนื้อที่ใช้ส่วนใหญ่จะเป็นเนื้อ หมู หรือ ไก่ แบบสไลด์ที่ไม่หนามากนัก อีกทั้งยังมีกุ้ง ปลาหมึก ปลา และผักต่างๆ รวมถึงเนื้อเกรดต่างๆ และเครื่องเคียง ของคาวของหวานให้ทานกันมากมาย

♦ หมูกระทะ ♦
ร้านอาหารสุดฮิตกับกลุ่มเพื่อนหรือครอบครัวใครที่ชอบแนวปิ้งย่างต้องหมูกระทะ พร้อมน้ำจิ้มรสเด็ดของแต่ละร้าน โดยหมูกระทะนั้นเนื้อสัตว์ต่างๆจะถูกทำให้สุกด้วยการปิ้ง ย่างบนเตา พร้อมมีในส่วนของน้ำซุปอยู่รอบๆ ให้สามารถซดน้ำหรือต้มลวกผัก หรือ สิ่งอื่นๆได้ พร้อมเครื่องเคียงต่างๆ และความหลากหลายของเนื้อสัตว์ ที่จะมีขนาดของเนื้อที่ค่อนข้างหนากว่าของชาบูพอสมควร แต่ก็ต้องใช้เวลาในการย่างสักนิด

ชาบู VS หมูกระทะ กินแบบไหนดีกว่ากัน ?
ก่อนอื่นต้องขอบอกว่าถึงแม้จะเป็นบุฟเฟ่ต์เช่นเดียวกันแต่ก็มีความแตกต่างกัน สำหรับการเลือกทานชาบู หรือ หมูกระทะนั้นต้องบอกว่าขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคน บางคนอาจจะชอบแบบลวกมากกว่าแบบปิ้งย่าง แต่สิ่งที่ไม่ควรมองข้ามสำหรับการทานหมูกระทะนั้นก็คือจะใช้เตาในการปิ้งย่างซึ่งมีโอกาสที่ชิ้นเนื้อเหล่านั้นจะเกิดการไหม้ ที่ต้องบอกว่าการทานอาหารไหม้ในปริมาณที่มากๆ อาจส่งผลให้เกิดการสะสมในร่างกายและเป็นจุดกำเนิดของการเป็นมะเร็งเช่นเดียวกัน

ชาบู VS หมูกระทะ ทานแบบไหนให้ไม่อ้วนและไม่ส่งผลต่อสุขภาพ
บุฟเฟ่ต์แค่ได้ยินชื่อก็รู้ถึงความคุ้มค่าในการทาน โดยการเลือกทานบุฟเฟ่ต์เหล่านี้ไม่ว่าจะเป็นชาบูหรือหมูกระทะที่ไม่ให้ส่งผลต่อร่างกาน หรือ เสี่ยงเป็นโรคอ้วนนั้นคือ ไม่ควรทานบ่อยเกินไป ควรทานให้แต่พออิ่ม อย่าเน้นทานเนื้ออย่างเดียวควรทานผักเพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารอื่นๆ บ้าง ควรทานเพียงเดือนละ 1-2 เท่านั้น อีกทั้งการทานอาหารประเภทบุฟเฟ่ต์หรือปิ้งย่างมากๆ อาจทำให้ระบบการย่อยอาหารของเรานั้นไม่ดีอย่างที่ควรอีกด้วย

ดังนั้นถึงแม้หมูกระทะจะส่งผลความเสี่ยงได้มากกว่าการทานชาบู แต่หากเรารู้จักเลือกทานไม่ว่าจะเป็นชาบูหรือหมูกระทะก็ไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไปแต่ควรทานในปริมาณที่พอดีและพออิ่มไม่บ่อยเกินไป อีกทั้งหลังทานแล้วควรหมั่นออกกำลังกายเพื่อให้ห่างไกลจากโรคอ้วน นอกจากนี้เลือการทำประกันสุขภาพถือเป็นอีกเรื่องที่จำเป็นอย่ารอให้เจ็บป่วยแล้วเลือกทำควรทำไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อเป็นการวางแผนและความความพร้อมในการดูแลสุขภาพหากเจ็บป่วยด้วยนะคะ


สอบถาม ปรึกษา คลิกเลย /size]


90
rtd85 หมุกระทะ / 9 สิ่งต้องมีเปิดร้านบุฟเฟ่ต์หมูกระทะอย่างไรให้รวย
« กระทู้ล่าสุด โดย Admin เมื่อ กรกฎาคม 29, 2022, 09:15:23 PM »
9 สิ่งต้องมีเปิดร้านบุฟเฟ่ต์หมูกระทะอย่างไรให้รวย

ใครบ้างไม่เคยทานบุฟเฟ่ต์หมูกระทะ เพราะร้านหมูกระทะเป็นหนึ่งในร้านอาหารยอดนิยมที่คนส่วนใหญ่มักนัดกันเพื่อสังสรรค์ในโอกาสต่าง ๆ แม้หมูกระทะจะได้รับความนิยมมาตั้งแต่เมื่อ 10 กว่าปีก่อน แต่ในปัจจุบันความนิยมในอาหารรูปแบบนี้ก็ไม่มีทีท่าว่าจะลดลงเลย เพราะยังคงปรากฏว่ามีผู้เล่นหน้าใหม่ ๆ ที่ขอเข้ามามีส่วนแบ่งในวงการธุรกิจนี้ไม่น้อย เมื่อมีคู่แข่งขันมากหลาย ๆ ร้านจึงต้องงัดเอากลยุทธ์หลากหลายเข้ามาต่อสู้ห้ำหั่นกัน

ร้านไหนที่ตอบโจทย์ลูกค้าร้านนั้นก็มีสิทธิ์รอด แต่หากร้านไหนงัดกลยุทธ์มาสู้แล้วไม่รุ่ง ร้านนั้นก็อยู่ไม่ได้ในวงการนี้ หากคุณเป็นคนหนึ่งที่คิดจะเปิดร้านหมูกระทะ หรือเริ่มต้นไปบ้างแล้ว และอยากให้ร้านของคุณอยู่ในกลุ่มของผู้รอดชีวิต คุณจะต้องทำเช่นไร วันนี้เรามีคำตอบครับ

1. ต้องให้ลูกค้ารู้สึกคุ้มค่ากับเงินที่เสีย อย่าเอาเปรียบลูกค้าเด็ดขาด
เชื่อหรือไม่ว่าราคาไม่ใช่ตัวตัดสินความสำเร็จของร้าน เพราะไม่ว่าราคาจะสูงแค่ไหน ถ้าลูกค้ารู้สึกว่าเขาได้รับสิ่งที่คุ้มค่ากลับไปสมเหตุสมผลกับเงินที่เขาต้องเสีย จะราคาไหนลูกค้าก็ยอมจ่ายครับ เหตุผลเรื่องราคาถึงไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้ร้านเจ๊ง แต่เหตุผลสำคัญคือคุณทำให้ลูกค้ารู้สึกว่ากำลังถูกเอาเปรียบอยู่หรือไม่ต่างหาก อย่าลืมว่าลูกค้ามาร้านอาหารแนวบุฟเฟ่ต์เพราะเขาอยากทานของอร่อยได้ตามที่เขาอยากทาน ฉะนั้นจำนวนชนิดอาหารและปริมาณมันต้องสมดุลกันกับราคาที่คุณเรียกเก็บ อย่าเอาเปรียบลูกค้าโดยการ “กั๊กอาหาร” หรือลงของน้อยเสียจนลูกค้าต้องแย่งกันเด็ดขาด มันไม่ใช่เรื่องตลกเพราะเขาเสียเงินมากินไม่ได้เข้ามาขอกินฟรี ๆ ถ้าคุณเอาเปรียบแบบนี้ร้านคุณก็จบ

2. รสชาติอาหารต้องดี วัตถุดิบต้องมีคุณภาพ
พึงระลึกไว้เสมอว่าแม้จะเป็นร้านอาหารแนวบุฟเฟ่ต์ก็ตาม สิ่งที่ลูกค้าอยากได้รับก็คืออาหารที่รสชาติอร่อยและได้คุณภาพด้วย ในไลน์อาหารปรุงสำเร็จคุณต้องควบคุมรสชาติให้คงเส้นคงวาเสมออย่าให้พลาด และในไลน์ของอาหารสด วัตถุดิบคุณก็ต้องสดจริง อย่าได้เอาของค้างเก่าหลายวันมาให้บริการเด็ดขาดเพราะนอกจากคุณภาพจะลดลงไปแล้ว มันก็ยังมีโอกาสเน่าเสียได้อีกด้วย ถ้าแม้แต่คุณเองยังไม่ทานของเน่าเสียหรือของไม่อร่อยและไม่มีคุณภาพ ลูกค้าเขาก็คิดไม่ต่างจากคุณเช่นกันครับ

3. บริหารต้นทุนวัตถุดิบให้ดีและยังรวมถึงต้นทุนค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ด้วย
ในร้านอาหารแนวบุฟเฟ่ต์ ต้นทุนที่พุ่งทะยานแซงหน้าค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ก็คือต้นทุนวัตถุดิบ ฉะนั้นดีลเลอร์ที่จะจัดส่งวัตถุดิบให้คุณจึงมีความสำคัญ เชื่อหรือไม่ว่ายังมีดีลเลอร์บางเจ้าที่มีวัตถุดิบดี ๆ แต่ราคาย่อมเยาว์ให้คุณค้นหาและเป็นพาร์ทเนอร์อยู่ครับ เพียงแต่คุณอาจต้องใช้เวลาค้นหาเสียหน่อยแต่รับรองว่าคุ้มค่าแน่นอน การบริหารต้นทุนด้านนี้ดี ๆ ร้านคุณก็กำไรเพิ่มขึ้นแน่นอน

แต่ขณะเดียวกันต้นทุนค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เช่นค่าจ้างพนักงาน ค่าน้ำค่าไฟ ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ คุณก็ควรจัดการให้เหมาะสม อย่าให้กลายเป็นว่าอุตส่าห์ควบคุมต้นทุนหลักได้แล้ว แต่อย่างอื่นเป็นเบี้ยหัวแตก เพราะแทบไม่มีประโยชน์อะไรเลย

4. มีกลุ่มเป้าหมายไว้ในใจจะช่วยให้ร้านเดินหน้าอย่างที่ต้องการ
แม้จะเป็นร้านบุฟเฟ่ต์หมูกระทะเหมือนกันแต่บางร้านก็มีกลุ่มเป้าหมายไม่เหมือนกัน การกำหนดกลุ่มเป้าหมายว่าลูกค้าหลักของคุณเป็นใครจะช่วยให้คุณกำหนดทิศทางของร้านไม่ว่าจะเป็นไลน์อาหาร ค่าอาหารที่คุณเรียกเก็บ รูปแบบร้านหรือบริการเสริมได้ และการมีกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจนจะทำให้คุณไม่ต้องไปแย่งลูกค้ากับคู่แข่ง เพราะถ้ามีคู่แข่งกลุ่มเดียวกัน กลยุทธ์ที่ใช้ดึงดูดลูกค้าอาจทำลายทั้ง 2 ร้านก็เป็นได้

5. ใส่ใจความสะอาดของร้านและอาหารให้ดี
ร้านบุฟเฟ่ต์หมูกระทะคือร้านอาหารแนวบริการตัวเอง จุดอ่อนสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามคือเรื่องของความสะอาดไม่ว่าจะเป็นตัวสถานที่ หรืออาหารทั้งอาหารสดและปรุงสำเร็จมันมีกรณีเกิดขึ้นมากมายเกี่ยวกับการไม่สนใจเรื่องความสะอาดและท้ายที่สุดก็จบไม่สวยสักร้าน

6. บริหารของเหลือให้ดี เพราะอะไรที่คิดว่าจะทิ้งมันอาจยังมีประโยชน์อยู่
ในการบริหารการใช้วัตถุดิบ คุณต้องวางแผนให้ดีว่าวัตถุดิบนั้นคุณจะนำไปใช้อะไรบ้าง และคุณต้องแยกให้ดีระหว่างส่วนเหลือที่มันใช้ไม่ได้แล้วจริง ๆ กับส่วนที่คุณเอาไปประยุกต์รังสรรค์เมนูอื่นได้ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนก็เช่นหัวปลา ซึ่งคุณสามารถนำไปทำเป็นต้มหัวปลาเพิ่มมูลค่าได้ หรือแม้กระทั่งเศษเนื้อสัตว์จากการแล่ คุณก็นำไปทำเป็นอาหารเมนูอื่นได้เช่นกัน

7. บริการของพนักงาน หัวใจแห่งการบริการคือสิ่งต้องปลูกฝัง
ข้อนี้สำคัญมากในธุรกิจร้านอาหาร โดยมากร้านอาหารมักตายจากการที่พนักงานไม่มีหัวใจบริการ คุณต้องปลูกฝังเป็นค่านิยมองค์กรของร้านคุณไม่ว่าจะเป็นการยิ้มแย้มแจ่มใส การเต็มใจให้บริการ การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ความอ่อนน้อมถ่อมตน สิ่งเหล่านี้จะสร้างเอกลักษณ์ที่น่ารักและความประทับใจให้แก่ลูกค้า

8. ระวังการออกโปรโมชั่นให้ดีเพราะมันอาจฆ่าร้านของคุณโดยไม่รู้ตัว
เมื่อใดก็ตามที่ร้านอาหารมีคู่แข่งเกิดขึ้น กลยุทธ์หนึ่งที่มักใช้คือโปรโมชั่นลดราคา และกลยุทธ์ด้านราคานี้คือตัวการทำลายร้านอาหารมานักต่อนัก เมื่อโปรโมชั่นนี้ออกมาแน่นอนว่าในช่วงแรก คุณจะได้ลูกค้าเพิ่มขึ้นมา แต่เมื่อนั้นคู่แข่งก็พร้อมจะลดราคาแข่งกับคุณเช่นกัน และนั่นเองคือการสร้างสงครามราคาให้เกิดขึ้น ในบั้นปลายไม่มีใครคือผู้ชนะที่แท้จริงเพราะทั้งคุณและคู่แข่งก็เจ็บตัวและหายไปจากวงการด้วยกันทั้งคู่ สงครามราคาจึงไม่ใช่ทางออกเสมอไปครับ สิ่งที่คุณควรจะทำคือรักษาจุดยืน รักษาตัวตนของร้านเอาไว้ให้ได้ เพราะสิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่ยังคงดึงลูกค้าให้อยู่กับคุณได้

9. ปรับปรุงและพัฒนาตนเองอยู่เสมอ
        ไม่มีใครไม่รอดพ้นคำวิจารณ์เพราะการติเตียนหลาย ๆ ครั้งก็นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงและการพัฒนาในเชิงบวก จงน้อมรับคำวิพากษ์วิจารณ์และการติเตียนด้วยความเต็มใจและทำการแก้ไขปรับปรุงตนเองอยู่เสมอภายใต้จุดยืนและตัวตนของร้าน ถ้าคุณทำเช่นนั้นได้ ร้านคุณจะมีอนาคตที่สดใสครับ

การเปิดร้านบุฟเฟ่ต์หมูกระทะมันมีทั้งส่วนที่เหมือนและสิ่งที่แตกต่างจากร้านอาหารอื่น ๆ สิ่งเดียวกันที่จะทำให้การเปิดร้านของคุณประสบความสำเร็จนั่นก็คือความตั้งใจและความใส่ใจ ถ้าคุณสร้างมันได้และรักษาคุณภาพเอาไว้ได้ คุณย่อมไม่มีทางพุ่งชนความล้มเหลวอย่างแน่นอน

สอบถาม ปรึกษา คลิกเลย /size]


หน้า: 1 ... 7 8 [9] 10