หน้าแรก
ช่วยเหลือ
ค้นหา
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก
สวัสดี
ยินดีต้อนรับคุณ,
บุคคลทั่วไป
กรุณา
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ูthai-dd.com
General Category
rtd3 ช่างไฟฟ้าประปา
ทำไม ท่อประปาในบ้านจึง “รั่ว แตก” และมีวิธีรับมืออย่างไร
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
พิมพ์
หน้า: [
1
]
ผู้เขียน
หัวข้อ: ทำไม ท่อประปาในบ้านจึง “รั่ว แตก” และมีวิธีรับมืออย่างไร (อ่าน 4353 ครั้ง)
Admin
Administrator
Hero Member
กระทู้: 1088
ทำไม ท่อประปาในบ้านจึง “รั่ว แตก” และมีวิธีรับมืออย่างไร
«
เมื่อ:
กรกฎาคม 07, 2022, 05:36:38 PM »
ทำไม?
ท่อประปา
ในบ้านจึง “รั่ว แตก” และมีวิธีรับมืออย่างไร
เชื่อว่าหลายคนคงเคยเจอกับปัญหา ” ท่อน้ำในบ้าน/คอนโด รั่ว แตก “ เป็นอีกหนึ่งปัญหาบ้านยอดฮิตของผู้อยู่อาศัยเพราะนอกจากจะสร้างความเสียหายให้กับตัวบ้านแล้ว ยังทำให้เราต้องจ่ายค่าน้ำที่ไหลทิ้ง รวมถึงค่าไฟจากปั๊มน้ำที่ทำงานอยู่ตลอดเวลาอีกด้วย ..เรื่องท่อประปานี้ผู้ซื้อบ้านส่วนใหญ่ไม่ค่อยไปสำรวจหรือทำความเข้าใจกับระบบสักเท่าไหร่ เพราะเมื่อซื้อบ้านก็จะมาพร้อมระบบประปาที่พร้อมใช้งานได้ทันที และด้วยเหตุผลที่ว่าถึง
ท่อประปา
จะเสื่อมสภาพแต่มันก็ยังคงจ่ายน้ำได้ ทำให้เราละเลยไม่ค่อยสนใจ ‘ท่อ’ เหล่านี้ ตราบจนกระทั่งมันเริ่มส่งผลต่อน้ำประปาที่ไหลออกมาจากท่อ ทำให้น้ำประปามีลักษณะที่ต่างไปจากเดิมนั่นแหละ คนจึงจะเห็นค่าและหันมาดูแลให้อยู่ในสภาพดี วันนี้ทางทีมงานก็มีวิธีรับมือกับเหล่าปัญหาท่อน้ำ ” รั่ว แตก “ ในจุดต่างๆ มาฝากกัน เพื่อให้เพื่อนๆ ได้รู้ถึงสาเหตุ วิธีการป้องกัน และการแก้ไขปัญหากวนใจในการอยู่อาศัยค่ะ
หลายๆ คนอาจสงสัยว่า..เสียงปั๊มน้ำที่ดังในเวลาที่เราไม่ได้ใช้น้ำภายในบ้าน ไม่ได้กดชักโครก ล้างจาน อาบน้ำ หรือมั่นใจว่าปิดก๊อกน้ำสนิทหมดทุกจุดแล้ว แต่ปั้มน้ำดันทำงาน ตัวเลขในมาตรวัดน้ำเพิ่มอยู่ตลอดเวลา หรือปัญหาน้ำไหลช้าแต่ปั๊มน้ำอัตโนมัติทำงาน อาการเหล่านี้นี่แหละที่เป็นสัญญาณเตือนว่าบ้านเรามี “ท่อน้ำรั่วซึม” หรือมีจุดที่
“ท่อแตกเสียหาย”
แม้ว่าจะดูเหมือนเป็นแค่จุดเล็กๆ แต่ก็ทำให้ไหลต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง ทำให้บ้านเรามีปริมาณการใช้น้ำที่มากกว่าปกติ
จากการสำรวจการใช้น้ำในอาคารบ้านเรือน พบว่าน้ำที่รั่วช้าๆ 30 หยด ต่อ 1 นาที คิดเป็นปริมาณน้ำที่เสียไปโดยไม่ได้ใช้ประโยชน์อยู่ที่ 3 แกลอนต่อ 1 วัน หรือเท่ากับ คนอาบน้ำ 27 ครั้ง ถ้าเรานับค่าใช้จ่ายของน้ำในแต่ละเดือน เราจะต้องเสียค่าใช้จ่ายส่วนนี้ไปเยอะมาก หากเราช่วยกันสังเกต ดูแล และแก้ไขอยู่เสมอ นอกจากจะช่วยรักษาบ้านให้อยู่ในสภาพดีแล้ว ยังเป็นการช่วยเซฟเงินในกระเป๋าอีกด้วย สำหรับสาเหตุและวิธีป้องกันปัญหาท่อน้ำรั่ว แตก ต่างๆ จะเกิดจากอะไร และต้องแก้ไขอย่างไรบ้าง ตามมาดูกันเลยค่ะ
1. สาเหตุหลักๆ ที่ทำให้ “ท่อน้ำรั่วแตก” ได้
1.1 แรงดันภายในท่อประปา : สาเหตุที่ทำให้ท่อน้ำประปาแตกชำรุดอย่างแรกคือแรงกระแทกภายในท่อน้ำเอง ซึ่งแรงภายในท่อน้ำมักเกิดจากแรงดันน้ำกระแทกกลับหรือที่ภาษาช่างเรียกว่า Water Hammer สาเหตุเกิดจากความเร็วของน้ำในเส้นท่อที่ถูกหยุดอย่างฉับพลัน ซึ่งเกิดได้จากหลายเหตุการณ์ ได้แก่
เมื่อไฟฟ้าดับทำให้เครื่องสูบน้ำหยุดทันที จึงเกิดแรงกระแทกกลับของน้ำในเส้นท่อที่ไหลออกไม่ได้ทำให้ท่อแตก
การปล่อยให้ถังเก็บน้ำแห้งบ่อยๆ ทำให้อากาศเข้าไปค้างภายในท่อ เมื่อเปิดใช้น้ำตามปกติ น้ำจะวิ่งไปอัดดันท่อระเบิดได้ค่ะ
1.2 แรงกระแทกจากภายนอกท่อน้ำ : เนื่องจากงานท่อน้ำเป็นงานระบบที่เรามักจะซ่อนเอาไว้ในผนัง, ใต้ฝ้าเพดาน หรือตามทางเดิน ทำให้สภาพแวดล้อมเป็นปัจจัยที่ส่งผลให้เกิดความเสียหายแก่ท่อน้ำได้ ส่วนใหญ่เรามักจะเจอท่อน้ำแตกจากสาเหตุต่างๆ เหล่านี้ ได้แก่
การฝัง
ท่อน้ำประปา
ใต้ดินถูกกดทับจากแรงกระแทกของรถยนต์ที่วิ่งผ่านท่อด้านบน หรือ ดินที่ใช้กลบท่อน้ำยืดหดตัวก็สามารถไปดันให้ท่อน้ำแตกได้
โครงสร้างบ้านทรุดตัวในบริเวณที่เดินท่อน้ำ ก็อาจส่งผลให้ท่อน้ำหัก งอ จนเกิดการรั่วแตกได้
การติดตั้งขาแขวน (Pipe Hangers) ห่างเกินไปและไม่รัดท่อกับขาแขวนให้มั่นคง เมื่อเกิดแรงดันในท่อน้ำ ท่อน้ำก็จะขยับหรือส่ายตัว ทำให้ข้อต่อคลายตัวหรือกระแทกกับท่อทีละนิด จนเกิดการรั่วซึม
1.3 งานติดตั้งที่ไม่ได้มาตรฐาน : ความชำนาญของช่างเป็นสิ่งที่มองข้ามไม่ได้ ถ้าได้ช่างที่ไม่ได้มาตรฐานมักทำให้งานมีปัญหาหลังจากที่ใช้งานไปได้ระยะหนึ่ง ที่พบมากคือ น้ำรั่วบริเวณข้อต่อต่างๆ เนื่องจากการต่อท่อไม่ได้มาตรฐาน หรือไม่ทดสอบแรงดันน้ำในเส้นท่อก่อน ก็ส่งผลให้เกิดปัญหาในภายหลัง อีกทั้งขั้นตอนในการต่อท่อก็ต้องทำให้เรียบร้อย เลือกช่างที่ไว้ใจได้สักหน่อย แล้วอย่าไปเร่งงานช่างมากนัก เพื่อที่จะได้งานระบบประปาที่มีคุณภาพ ใช้ไปได้นานๆ ค่ะ
2. วิธีตรวจสอบท่อน้ำรั่วในบ้าน
เพื่อนๆ คงพอจะเข้าใจสาเหตุของปัญหาท่อน้ำรั่วหรือแตกกันแล้ว ต่อไปก็คอยหมั่นสังเกตและป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ที่จะส่งผลกับท่อน้ำได้นะคะ แต่หากใครเริ่มมีความสงสัยว่าท่อน้ำในบ้านของตัวเองรั่วหรือเปล่า เราก็มีวิธีตรวจสอบมาฝากกันค่ะ
2.1 ขั้นแรก : ตรวจสอบให้แน่ใจก่อนว่าจุดที่น้ำประปารั่วเป็น
ท่อประปา
ไม่ใช่จากพวกอุปกรณ์ต่างๆ ที่ต่อกับท่อน้ำ เช่น พวกก๊อกน้ำ, โถสุขภัณฑ์ และข้อต่อของสายฝักบัวต่างๆ ซึ่งมักจะมีจุดที่เกิดปัญหา ดังนี้
ก๊อกน้ำ : ให้ตรวจสอบหาจุดรั่วซึมบริเวณก๊อกน้ำ เริ่มจากดูทุกก๊อกว่าปิดสนิทหรือไม่ มีน้ำซึมออกมาตามข้อต่อหรือเปล่า
โถสุขภัณฑ์ : หากโถสุขภัณฑ์มีน้ำไหลตลอดเวลา หลักๆ ควรตรวจสอบอุปกรณ์ลูกลอย ฟลัชวาล์ว และแหวนยางว่าเสียหรือเปล่า?
ลูกลอย ตรวจสอบว่ามีอยู่ในระดับปกติหรือไม่
หากลูกลอยอยู่สูงกว่าปกติ คืออยู่สูงกว่าระดับน้ำล้นในโถกักเก็บน้ำ แสดงว่าน็อตบางตัวหลวมหรือคลายตัว ให้แก้โดยปรับลูกลอยให้ต่ำลงและทำการขันน็อตให้แน่น
หากลูกลอยลดระดับลงต่ำผิดปกติ หรือลูกลอยจมน้ำ ให้ถอดลูกลอยออกมาดูว่าเกิดรอยรั่วหรือการแตกร้าวหรือไม่ ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้น้ำซึมเข้าไปในลูกลอย ทำให้น้ำไหลออกทางรูน้ำล้นลงโถสุขภัณฑ์ตลอดเวลา ซึ่งควรแก้ไขโดยขันสกรูเอาลูกลอยออกแล้วเปลี่ยนอันใหม่แทน
หากระดับลูกลอยปกติ ให้ลองยกลูกลอยขึ้นสุด หากน้ำยังคงไหลอยู่ แสดงว่าลูกลอยเสีย ให้เปลี่ยนลูกลอยใหม่
ฟลัชวาล์ว ปัญหาการรั่วซึมของฟลัชวาล์ว อาจเนื่องจาก เศษสิ่งเเปลกปลอมติดค้าง อยู่ภายในชุดวาล์ว ให้ทำการถอดล้างทำความสะอาด
ลูกกบ ทำหน้าที่เปิดปิดรูปล่อยน้ำให้ไหลลงสุขภัณฑ์ วิธีสังเกตคือดูว่าอาจเพราะมีวัตถุบางอย่างติดค้างทำให้ปิดไม่สนิทจนน้ำไหลทิ้ง แก้โดยเอาวัตถุนั้นออกหรือเช็ดทำความสะอาด หากไม่มีวัตถุผิดสังเกตที่ว่า ให้ดูว่าโซ่หรือเชือกที่ดึงเพื่อเปิดปิดน้ำนั้นตึงเกินไปจนทำให้ลูกกบเปิดค้างไว้หรือไม่ แก้โดยปรับสายให้พอดี ไม่ให้ตึงหรือหย่อนเกินไป หากลูกกบชำรุดหรือฉีกขาดต้องทำการเปลี่ยนใหม่ทันที สำหรับลูกกบใหม่ลองนำมาวางปิดรูปล่อยน้ำก่อน ว่าสามารถปิดรูปล่อยน้ำได้สนิทดีหรือไม่ จึงค่อยยึดเข้ากับโซ่หรือเชือกดึง
ยางลูกกบ คือแผ่นยางปิดรูปล่อยน้ำ ทำหน้าที่ซีลหรืออุดร่องระหว่างลูกกบและช่องเปิดปิดน้ำให้แน่นแนบสนิทมากขึ้น ปัญหาของยางลูกกบมักเกิดจาก มีตะไคร่หรือคราบสกปรกเกาะอยู่ แนะนำให้ถอดออกมาทำความสะอาดและติดตั้งกลับเข้าไปใหม่ หรือยางเสื่อมสภาพหรือชำรุด ไม่ว่าจะเป็นลักษณะภายนอกที่ผิดปกติ บิดเบี้ยว บวม เปื่อย หรือขาด ทำให้ยางปิดไม่สนิทดี แนะนำให้เปลี่ยนแผ่นยางใหม่
ข้อต่อของสุขภัณฑ์ต่างๆ : ให้ตรวจหารอยรั่วซึมของข้อต่อในบริเวณต่างๆ โดยการทดสอบปิดวาล์วน้ำในแต่ละจุด ถ้าไม่พบรอยรั่วในวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ที่กล่าวมานี้ ก็เพิ่มความมั่นใจโดยการปิดก๊อกและวาล์วที่สุขภัณฑ์ทุกจุดแล้วตรวจเช็คที่มิเตอร์น้ำ หากพบว่ามิเตอร์น้ำยังหมุนอยู่ก็แน่ใจได้แล้วว่ามีท่อประปารั่วอย่างแน่นอน
2.2 ขั้นที่สอง : เมื่อแน่ใจแล้วว่าเกิดการรั่วที่ท่อน้ำก็ต้องเข้าสู่ขั้นตอนที่ยุ่งยากที่สุดในการซ่อมท่อรั่ว คือขั้นตอนหาตำแหน่งของท่อหรือข้อต่อที่น้ำนั้นรั่วซึมออกมา โดยหากทราบถึงตำแหน่งที่แน่นอน ช่างก็ไม่จำเป็นที่จะต้องทุบหรือเจาะผนังเป็นบริเวณกว้าง สามารถเจาะเฉพาะในจุดที่จำเป็นจริงๆ เท่านั้น การหาจุดรั่วก็มีความยากอยู่ตรงที่ลักษณะการเดินท่อประปาที่ส่วนใหญ่จะเดินแบบฝังผนัง เราจึงไม่สามารถเห็นท่อได้ตรงๆ วิธีการคือให้ลองตรวจสอบร่องรอยน้ำซึม คราบน้ำตามพื้น ผนัง และฝ้าเพดาน รวมถึงตรวจดูตามข้อต่อของท่อ ซึ่งมักจะเป็นจุดที่รั่วได้ง่าย นอกจากนี้หากบ้านมีการต่อเติม เช่นต่อเติมครัว แล้วมีการเดินท่อประปาไปยังส่วนต่อเติม ให้ลองตรวจสอบท่อบริเวณรอยต่อของบ้าน เนื่องจากหากส่วนต่อเติมทรุดไม่เท่ากับบ้านก็อาจส่งผลให้ท่อบริเวณรอยต่อของบ้านเสียหายจนรั่วได้
2.3 ขั้นสุดท้าย คือไล่ดูท่อประปาตามการแยกสาขาของท่อ โดยปิดวาล์วเช็คทีละส่วน เช่น ปิดวาล์วที่จ่ายน้ำชั้นบนก่อน หากมิเตอร์น้ำยังหมุนอยู่ ให้ลองสลับปิดวาล์วที่จ่ายน้ำชั้นล่าง หากมิเตอร์หยุดหมุนแสดงว่าจุดที่รั่วอยู่ภายในชั้นล่างของบ้าน และหากชั้นล่างมีวาล์วแยกอีก เช่น ในบ้านกับนอกบ้าน ก็ให้ลองสลับปิดวาล์วทีละส่วน ก็จะช่วยจำกัดวงของจุดที่น้ำรั่วได้แคบขึ้น
สำหรับส่วนของท่อประปาที่อยู่ใต้ดิน และ
ท่อประปา
ที่อยู่ในพื้นหรือผนัง จะเป็นส่วนที่ยากที่สุดในการหาจุดรั่ว ซึ่งอาจจะต้องเรียกช่างผู้ชำนาญการ หรือเจ้าหน้าที่จากการประปาที่มีเครื่องมือในการตรวจสอบให้มาช่วยตรวจหาจุดรั่ว โดยเมื่อพบจุดรั่วแล้วการซ่อมแซมอาจทำได้โดยตัดต่อท่อใหม่ หรือปะซ่อมแซมรูรั่ว ซึ่งหากจุดรั่วอยู่ในพื้นหรือผนังก็จำเป็นที่จะต้องทุบพื้นหรือผนังเพื่อซ่อมท่อ หรือหากไม่ต้องการทุบก็อาจจะทำการเดินท่อระบบใหม่แยกแล้วเชื่อมต่อเข้ากับท่อเก่าในส่วนที่ไม่รั่วก็ได้
3. สรุปจุดที่ท่อน้ำรั่วบ่อยๆ และวิธีการแก้ไข
ท่อน้ำเหนือฝ้าเพดานรั่วซึม ในเบื้องต้นสามารถสังเกตได้จากคราบเปื้อนเป็นวงๆ จากน้ำซึมบริเวณฝ้า จนฝ้าบวมน้ำ เมื่อฝ้าแบกรับน้ำหนักของน้ำไม่ไหวก็จะพังลงมา ซึ่งมักจะเกิดขึ้นกับฝ้าที่มีห้องน้ำอยู่ด้านบน
–> การแก้ไขในเบื้องต้น ให้ทำการเปิดฝ้าในส่วนที่เป็นคราบน้ำก่อนเพื่อทำการสังเกต สำรวจและเอาฝ้าในบริเวณที่เปียกชื้นออกให้หมด ซ่อมท่อ ตัดข้อต่อ ส่วนที่รั่วออกแล้วเปลี่ยนใหม่ ยึดขาแขวนเพิ่มเติมให้แน่นหนา จากนั้นอย่าเพิ่งปิดฝ้าให้ทดสอบปล่อยน้ำเข้าเส้นท่อสัก 2-3 วัน ดูจนแน่ใจว่าไม่มีน้ำหยดออกมา จึงซ่อมแซมฝ้าเพดานที่เปิดออกและทาสีให้เรียบร้อยดังเดิม
ท่อน้ำในผนังรั่วซึม ท่อน้ำในผนัง ได้แก่ ท่อที่จ่ายน้ำไปยังอุปกรณ์ต่างๆ เช่น อ่างล้างหน้า ฝักบัว ชักโครก ก๊อกน้ำทั่วไป ฯลฯ การหาจุดรั่วซึมของท่อน้ำที่ฝังอยู่ในผนังสามารถสังเกตได้ง่ายจากจุดที่สีทาผนังมีการปูดบวมหรือลอกร่อน ชื้น หรือขึ้นราดำเป็นทางหรือเป็นเส้นตรงไปตามแนวท่อ แต่ผนังในห้องน้ำอาจดูยาก เพราะส่วนใหญ่จะปูกระเบื้องทับหน้าไว้ น้ำที่ไหลซึมก็มักซ่อนตัวอยู่หลังแผ่นกระเบื้องแล้วไหลรวมตัวกันสู่กระเบื้องแถวล่างๆ หรือพื้น ทำให้ประเมินได้ยากว่ารอยรั่วนั้นเริ่มจากตรงไหน เว้นแต่ต้องเลาะกระเบื้องออกเป็นพื้นที่กว้างจึงจะพบต้นเหตุของปัญหา
–> การแก้ไขในเบื้องต้นหลังจากที่ได้พบรอยซึมน้ำบนผนังแล้วก็ต้องสกัดผิวผนังด้วยค้อนหรือใช้สว่านไฟฟ้าแบบเจาะกระแทก ค่อยๆเจาะ ค่อยๆทำ อย่าให้รุนแรงจนกระทบกระเทือนไปถึงโครงสร้างอาคารเดียวปัญหาจะลุกลามใหญ่โต ถ้าต้องใช้เครื่องตัดไฟเบอร์ช่วยกรีดผนังก็ต้องทำใจว่า ฝุ่นผงปูนจะฟุ้งกระจายไปทั่วทั้งห้อง แต่การทำงานก็จะรวดเร็วกว่าการสกัดและไม่สร้างความสะเทือนแก่ตัวอาคาร เมื่อเปิดผิวปูนออกจนพบจุดรั่วซึมแล้ว ให้ต่อท่อพีวีซีนั้นเสียใหม่ เมื่อซ่อมเสร็จเรียบร้อยก็ทดลองปล่อยน้ำเข้าเส้นท่อสัก 2-3 วันเพื่อให้แน่ใจว่าจุดที่ซ่อมแซมนั้นไม่มีน้ำรั่วซึมออกมาอีก จากนั้นจึงใช้ปูนฉาบประเภทที่ใช้สำหรับงานซ่อมแซมอุดฉาบปิดให้เรียบร้อย ทิ้งให้ผิวปูนแห้งสนิทแล้วจึงซ่อมสีต่อไป
ติดต่อช่างไฟฟ้า
บันทึกการเข้า
พิมพ์
หน้า: [
1
]
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
ูthai-dd.com
General Category
rtd3 ช่างไฟฟ้าประปา
ทำไม ท่อประปาในบ้านจึง “รั่ว แตก” และมีวิธีรับมืออย่างไร