สวัสดี

ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: คุณลักษณะที่น่าสนใจของประตู  (อ่าน 2056 ครั้ง)

Admin
  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1088
    • ดูรายละเอียด
คุณลักษณะที่น่าสนใจของประตู
« เมื่อ: กรกฎาคม 31, 2022, 05:44:40 PM »
รวม 5 ประเภท 'ประตู-หน้าต่าง' ยอดนิยม และคุณสมบัติที่น่าสนใจ
จากวิวัฒนาการของประตู-หน้าต่างตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ถึงปัจจุบันที่ได้นำเสนอไปแล้วในบทความวิวัฒนาการของประตู-หน้าต่างในงานสถาปัตยกรรม EP.1 และ สรุปวิวัฒนาการของประตู-หน้าต่างในงานสถาปัตยกรรม EP.2 ช่วงเกือบ 40 ปี (ค.ศ.1981 - ปัจจุบัน) ทำให้ทราบการเปลี่ยนแปลงของวัสดุของประตู-หน้าต่างที่ถูกพัฒนาจากการประดิษฐ์คิดค้นและเทคโนโลยีแต่ละยุคสมัย และได้ทราบว่าประตู-หน้าต่างไม่ได้มีประโยชน์เพียงแค่ช่องทางเข้า-ออกและการรักษาความปลอดภัยเท่านั้น แต่ประตู-หน้าต่างยังเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่บ่งชี้ถึงศิลปกรรม ความเชื่อทางศาสนาทั้งเรื่องการวางผังตามทิศมงคลและการใช้ชีวิตให้สอดคล้องกับธรรมชาติ และความเจริญรุ่งเรืองในแต่ละท้องถิ่นอีกด้วย

จากวัสดุของประตู-หน้าต่างที่หลากหลาย นำไปสู่การออกแบบวิธีเปิด-ปิดประตูให้สอดคล้องกับการใช้งานภายในอาคาร ทำให้เกิดการแบ่งประเภทของประตู-หน้าต่างตามลักษณะการเปิด-ปิด จนสรุปได้เป็น '5 ประเภทประตู' และ '5 ประเภทหน้าต่าง' ที่ได้รับความนิยมจากทุกมุมโลก พร้อมคุณสมบัติของแต่ละประเภท ดังนี้
รวม 5 ประเภทประตูยอดนิยม
1. ประตูบานเปิด (Swing Door)
Raw material
ประตูบานเปิดผลิตจากวัสดุหลากหลาย ได้แก่ ไม้จริง ไม้เทียม อลูมิเนียม สแตนเลส เหล็ก

คุณลักษณะที่น่าสนใจของประตูบานเปิด (Swing Door)
ประตูบานเปิด เป็นประตูที่ได้รับความนิยมในทุกสังคม เนื่องจากการเปิด-ปิดประตูด้วยวิธีผลักหรือดึงนั้นเป็นเซ้นซ์ในการเข้า-ออกของมนุษย์

ประตูบานเปิด แบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่
1. ประตูบานเปิดเดี่ยว – มีบานประตู จำนวน 1 บาน
2. ประตูบานเปิดคู่ – มีบานประตู จำนวน 2 บาน

การใช้งาน
การใช้งานประตูบานเปิดเดี่ยวหรือบานเปิดคู่ขึ้นอยู่กับขนาดและจำนวนคน วัตถุ สิ่งของที่เข้า-ออกของแต่ละประเภทห้องและประเภทอาคาร
ประตูบานเปิดไม่ว่าจะเป็นบานเปิดเดี่ยวหรือบานเปิดคู่ สามารถเลือกได้ว่าจะให้เปิด 90 องศา หรือ 180 องศา ประตูบานเปิดมีหลากหลายดีไซน์และวัสดุ ทั้งวัสดุแบบสำเร็จรูปและแบบที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว

ขนาดมาตรฐาน
ขนาดมาตรฐานของประตูบานเปิดเดี่ยว มีขนาดความกว้าง x ความยาว (หน่วยเซนติเมตร) ดังนี้

ประตูบานเดี่ยวหน้าบ้าน หรือบานทั่วไป
ความกว้าง 90 x ความยาว 200 เซนติเมตร
ความกว้าง 100 x ความยาว 200 เซนติเมตร
ประตูห้องนอน ประตูหลังบ้าน
ความกว้าง 80 x ความยาว 200 เซนติเมตร
ความกว้าง 90 x ความยาว 200 เซนติเมตร
ประตูห้องน้ำ
ความกว้าง 70 x ความยาว 180 เซนติเมตร
ความกว้าง 70 x ความยาว 200 เซนติเมตร
ขนาดมาตรฐานของประตูบานเปิดคู่ มีขนาดความกว้าง x ความยาว (หน่วยเซนติเมตร) ดังนี้

ประตูบานคู่หน้าบ้าน หรือห้องอเนกประสงค์ขนาดใหญ่
ความกว้าง 140 x ความยาว 200 เซนติเมตร (กว้าง 70 เซนติเมตร จำนวน 2 บาน)
ความกว้าง 160 x ความยาว 200 เซนติเมตร (กว้าง 80 เซนติเมตร จำนวน 2 บาน)
ประวัติความเป็นมาโดยย่อ
ประตูบานเปิดเริ่มใช้ตั้งแต่ 587 ปีก่อนคริสตศักราช เมื่อพระเจ้าซาโลมอนผู้สร้างวิหารแห่งซาโลมอนใช้แผ่นไม้มะกอกชุบทองคำปิดหน้าวิหารในกรุงเยรูซาเลม ลักษณะของแผ่นไม้มะกอก คือประตูบานเปิดคู่นั่นเอง

2. ประตูบานสวิง (Swing Bi-fold Door)
Raw material
กรอบของประตูบานสวิงส่วนใหญ่ผลิตจากอลูมิเนียมหรือสแตนเลส เนื่องจากสะดวกต่อการขึ้นรูปกรอบลูกฟัก ตัวบานของประตูบานสวิงส่วนใหญ่ผลิตจากอลูมิเนียมหรือสแตนเลส บางแบบมีกระจกอยู่ภายในกรอบลูกฟัก

คุณสมบัติที่น่าสนใจของประตูบานสวิง (Swing Bi-fold Door)
บริเวณกรอบบานประตูสวิงจะมีอุปกรณ์สวิงยึดกับพื้นด้านล่างและวงกบประตู ทำให้สามารถผลักเปิดได้ทั้งสองทาง ตัวบานของประตูบานสวิงส่วนใหญ่ถูกแบ่งเป็นสองบาน จึงทำให้ประหยัดระยะเปิดเมื่อผลักเข้า-ออกมากกว่าประตูบานเปิดแบบเดี่ยว

การใช้งาน
ประตูบานสวิงเปิดด้วยการผลัก สามารถผลักเพื่อเข้า-ออกได้ทั้งสองทาง

ขนาดมาตรฐาน
ขนาดมาตรฐานของประตูบานสวิง มีขนาดความกว้าง x ความยาว (หน่วยเซนติเมตร) ดังนี้

ความกว้าง 80 x ความยาว 210 เซนติเมตร
ความกว้าง 90 x ความยาว 210 เซนติเมตร
ประวัติความเป็นมาโดยย่อ
ประตูบานสวิงเริ่มใช้ตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 1 ในนครโรมันโบราณปอมเปอีจากการเริ่มใช้ประตูบานพับ

3. ประตูบานเฟี๊ยม (Accordian Door)
Raw material
กรอบประตูบานเฟี๊ยมผลิตจากวัสดุหลากหลาย ได้แก่ ไม้จริง ไม้เทียม อลูมิเนียม สแตนเลส เหล็ก บานประตูบางรูปแบบใช้กระจก บางรูปแบบใช้วัสดุเดียวกับกรอบประตู

คุณสมบัติที่น่าสนใจของประตูบานเฟี๊ยม (Accordian Door)
ประตูบานเฟี้ยม คือประตูที่ประกอบด้วยบานประตูหลายบานมาต่อกันด้วยบานพับ มีลักษณะการเปิด-ปิดแบบทบสลับกันซึ่งเป็นเอกลักษณ์อันมีเสน่ห์ของประตูบานเฟี๊ยม ข้อแนะนำในการติดตั้งประตูบานเฟี้ยม คือ ควรยึดบานประตูแต่ละบานเข้ากับรางบนเหนือบานและรางล่างบริเวณพื้น เพื่อป้องกันหน้าบานแกว่ง

การใช้งาน
การเปิด-ปิดประตูบานเฟี๊ยมสามารถออกแบบให้ทบสลับกันไปรวมที่ด้านใดด้านหนึ่งหรือทั้งสองด้าน ทำให้ช่องเปิดกว้างกว่าประตูประเภทอื่น

ขนาดมาตรฐาน
ขนาดมาตรฐานของประตูบานเฟี๊ยม มีขนาดความกว้าง x ความยาว (หน่วยเซนติเมตร) ของแต่ละบานย่อย ดังนี้

ความกว้างน้อยที่สุด 80 x ความยาว 210 เซนติเมตร
สาเหตุที่กำหนดความกว้างน้อยที่สุด 80 เซนติเมตร เนื่องจากเป็นระยะน้อยที่สุดที่คนสามารถเดินผ่านได้สะดวก อย่างไรก็ตาม สามารถเพิ่มความกว้างของประตูบานเฟี๊ยมแต่ละบานตามการออกแบบ และสามารถเพิ่มความยาวของประตูบานเฟี๊ยมแต่ละบานได้สูงสุดถึงระดับฝ้าเพดาน ซึ่งความยาวที่เหมาะสม คือ 210 – 350 เซนติเมตร ไม่นิยมให้ความยาวมากกว่า 350 เซนติเมตร เนื่องจากส่งผลให้ประตูแต่ละบานมีน้ำหนักมากเกินไป

ประวัติความเป็นมาโดยย่อ
ประตูบานเฟี๊ยมกำเนิดจากการใช้ประตูบานพับครั้งแรกในคริสต์ศตวรรษที่ 1 ในนครโรมันโบราณปอมเปอี ต่อมาได้พัฒนารูปแบบเป็นประตูบานเฟี๊ยมโดยการนำประตูบานพับหลายบานมาต่อกัน ประตูบานเฟี๊ยมเป็นที่นิยมใช้ในประเทศต่างๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ตัวอย่างการนำไปใช้ในงานออกแบบ
ประตูบานเฟี้ยมนิยมใช้แพร่หลาย เนื่องจากสามารถประยุกต์ได้หลากหลาย ดังนี้

ห้องที่ต้องการเชื่อมต่อกับพื้นที่อื่น เช่น ห้องนั่งเล่นกับสวนภายนอก
ห้องอเนกประสงค์ที่มีขนาดใหญ่สามารถแบ่งเป็นห้องขนาดเล็กด้วยการใช้ประตูบานเฟี๊ยมกั้นแบ่งเป็นห้องต่างๆ
ห้องขนาดเล็กสามารถกลายเป็นห้องใหญ่ด้วยการเปิดประตูบานเฟี๊ยมเชื่อมต่อกับห้องอื่น

4. ประตูบานหมุน (Pivot Door)
Raw material
กรอบของประตูบานหมุนส่วนใหญ่ผลิตจากวัสดุหลากหลาย ได้แก่ อลูมิเนียม สแตนเลส เหล็ก เนื่องจากสะดวกต่อการติดตั้งจุดหมุนบริเวณกลางบาน ตัวบานของประตูบานหมุนส่วนใหญ่จะใช้กระจกหรือเหล็กเส้นออกแบบลวดลายได้หลากหลายรูปแบบ

คุณสมบัติที่น่าสนใจของประตูบานหมุน (Pivot Door)
ประตูบานหมุน คือประตูที่ติดตั้งจุดหมุนไว้กลางบานและติดตั้งโช๊คอัพแบบฝังพื้น (Floor Spring) แบบตั้งค้าง 90 องศา แต่หมุนได้รอบ 360 องศาเพื่อสะดวกต่อการใช้งาน ประตูบานหมุนนิยมติดตั้งต่อกันหลายบาน หากต้องการใช้บานประตูเพียงบานเดียว ควรกำหนดระยะเปิดให้สามารถผ่านเข้า-ออกได้สะดวก ซึ่งต้องมีการคำนวณระยะระหว่างจุดหมุนและหน้าบานให้สมดุลและติดตั้งโดยผู้เชี่ยวชาญ

การใช้งาน
ประตูบานหมุนเปิดด้วยการผลัก บานประตูจะหมุนได้ 360 องศา แต่ค้างได้เพียง 90 องศา จึงเหลือช่องประตูที่สามารถใช้งานเข้า-ออกได้เพียงครึ่งประตู

ขนาดมาตรฐาน
ขนาดมาตรฐานของประตูบานหมุน มีขนาดความกว้าง x ความยาว (หน่วยเซนติเมตร) ดังนี้

ความกว้างน้อยที่สุด 160 x ความยาว 210 เซนติเมตร
สาเหตุที่กำหนดความกว้างน้อยที่สุด 160 เซนติเมตร เนื่องจากประตูบานหมุนเปิดด้วยจุดหมุนตรงกลางบาน เมื่อเปิดเต็มที่จะเปิดค้างไว้ที่ 90 องศา ดังนั้น ความกว้างประตูจะเหลือเพียงครึ่งบาน คือ 80 เซนติเมตร ซึ่งเป็นระยะน้อยที่สุดที่คนสามารถเดินผ่านได้สะดวก อย่างไรก็ตาม สามารถเพิ่มความกว้างของประตูบานหมุนตามการออกแบบ และสามารถเพิ่มความยาวของประตูบานหมุนได้สูงสุดถึงระดับฝ้าเพดาน ซึ่งความยาวที่เหมาะสม คือ 210 – 350 เซนติเมตร ไม่นิยมให้ความยาวมากกว่า 350 เซนติเมตร เนื่องจากส่งผลให้ประตูบานหมุนมีน้ำหนักมากเกินไป

ประวัติความเป็นมาโดยย่อ
ประตูบานหมุนถูกประดิษฐ์ในเยอรมนี เมื่อปีค.ศ.1881 และนิยมใช้เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน

ตัวอย่างการนำไปใช้ในงานออกแบบ
ด้วยวิธีการเปิดแบบเปิดค้าง 90 องศาและเหลือช่องประตูเพียงครึ่งเดียวของประตูบานหมุน จึงมีการออกแบบขนาดความกว้างและความสูงของบานประตูที่หลากหลาย ทำให้ประตูบานหมุนดูสวย มีเสน่ห์ เหมาะสำหรับกั้นแบ่งพื้นที่ภายในบ้านและเชื่อมต่อระหว่างสองพื้นที่ อย่างไรก็ตาม ประตูบานหมุนไม่นิยมใช้เป็นประตูหลัก

5. ประตูบานเลื่อน (Sliding Door)
Raw material
กรอบประตูบานเลื่อนผลิตจากวัสดุอันหลากหลาย ได้แก่ ไม้จริง ไม้เทียม อลูมิเนียม สแตนเลส เหล็ก บานประตูส่วนใหญ่ผลิตจากกระจก

คุณสมบัติที่น่าสนใจของประตูบานเลื่อน
ประตูบานเลื่อน คือประตูที่เปิด-ปิดด้วยการเลื่อนออกด้านข้าง

ส่วนประกอบสำคัญของประตูบานเลื่อน คือรางเลื่อน ซึ่งมีทั้งแบบรางเลื่อนบนและรางเลื่อนล่าง

การเลือกใช้รางเลื่อนขึ้นอยู่กับงบประมาณในการก่อสร้าง มีรายละเอียดดังนี้

ประตูบานเลื่อนแบบรางเลื่อนล่างมีราคาค่าวัสดุและค่าการติดตั้งถูกกว่าและซ่อมแซมง่ายกว่าประตูบานเลื่อนแบบรางเลื่อนบน ลูกล้อของบานประตู คือตัวรับน้ำหนัก ซึ่งอาจสึกหรอเมื่อใช้งานเป็นเวลานาน ทำให้การเปิด-ปิดไม่ลื่น และรางเลื่อนบนพื้นแต่อาจเสี่ยงต่อการสะดุดล้มบริเวณรางและในด้านความงาม ทำให้มองดูแล้วขาดความต่อเนื่องของพื้นห้อง
ประตูบานเลื่อนแบบรางเลื่อนบนหรือรางแขวน ตัวรับน้ำหนัก คือรางด้านบนใช้สำหรับแขวนบานประตู ซึ่งต้องคำนวณน้ำหนักและการยึดบานประตูเข้ากับรางโดยผู้เชี่ยวชาญ ในด้านความงามของประตูบานเลื่อนแบบรางเลื่อนบนหรือรางแขวน ช่วยให้ห้องทั้งหมดมีความต่อเนื่องกัน ทำความสะอาดง่าย
ประตูบานเลื่อนสามารถติดตั้งระบบเปิด-ปิดอัตโนมัติด้วยระบบเซ็นเซอร์ ซึ่งผู้ประกอบการส่วนใหญ่นิยมพัฒนารูปแบบการเปิด-ปิดและรูปแบบกลอนจนเกิดเป็นวัตกรรมที่หลากหลาย อีกทั้งยังมีการติดตั้งลวดไว้ภายในบานกระจกเพื่อป้องกันความปลอดภัยอีกด้วย

การใช้งาน
ประตูบานเลื่อนเปิดด้วยการเลื่อนบานประตูสู่ด้านข้าง ทิศทางการเลื่อนเพื่อเปิด-ปิดประตูมีหลายแบบ ได้แก่

ประตูบานเลื่อนเดี่ยว สามารถเลื่อนบานประตูออกเพียงด้านเดียว
ประตูบานเลื่อนคู่ สามารถเลื่อนบานประตูออกทั้งด้านซ้ายและด้านขวา จึงมีช่องเข้า-ออกที่กว้างกว่าประตูบานเลื่อนเดี่ยว
ขนาดมาตรฐาน
ขนาดมาตรฐานของประตูบานเลื่อน มีขนาดความกว้าง x ความยาว (หน่วยเซนติเมตร) ดังนี้

ประตูบานเลื่อนเดี่ยว
ความกว้าง 160  x ความยาว 205 เซนติเมตร
ความกว้าง 180  x ความยาว 205 เซนติเมตร
ความกว้าง 180  x ความยาว 230 เซนติเมตร
ความกว้าง 190  x ความยาว 205 เซนติเมตร
ความกว้าง 200  x ความยาว 205 เซนติเมตร
ความกว้าง 200  x ความยาว 230 เซนติเมตร
ประตูบานเลื่อนคู่
ความกว้าง 200 x ความยาว 205 เซนติเมตร
ประวัติความเป็นมาโดยย่อ
ประตูบานเลื่อนเริ่มใช้ตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 1 ในนครโรมันโบราณปอมเปอี

ตัวอย่างการนำไปใช้ในงานออกแบบ
ประตูบานเลื่อนนิยมใช้ทั้งภายนอกและภายในอาคาร

ติดต่อสอบถาม