สวัสดี

ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: รถเฮี๊ยบคืออะไร ทำไมต้องเฮี๊ยบ มาดูกัน  (อ่าน 3705 ครั้ง)

Admin
  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1088
    • ดูรายละเอียด
รถเฮี๊ยบคืออะไร ?  ทำไมต้องเฮี๊ยบ

ถ้าเป็นคนนอกวงการเครื่องจักรหนักหรือรถบรรทุกอาจจะสงสัยว่า รถเฮี๊ยบ ที่เรียกๆกันนั้นหมายถึงอะไร มันคือประเภทของรถแบบไหน หน้าตาเป็นยังไง รถเฮี๊ยบ นั้นหมายถึง รถบรรทุกติดเครน ซึ่งจะเป็น รถบรรทุก 6 ล้อหรือ 10 ล้อก็ได้ แล้วแต่ขนาดของเครนและการนำไปใช้งานส่วน เฮี๊ยบ คือ ยี่ห้อของผู้ผลิตเครนชื่อดัง HIAB จากประเทศสวีเดน และเนื่องจากเป็นเจ้าแรกๆที่เข้ามาในประเทศไทย และ ใช้งานกันอย่างแพร่หลายจนคนไทยเรียกติดปากไปว่า รถเฮี๊ยบ เช่นเดียวกับกรณีของ มาม่า หรือ แฟ๊บ นั่นเอง

ส่วนการใช้งานรถเฮี๊ยบนั้นจะถูกนำไปใช้ยกสิ่งของที่มีน้ำหนักมาก ตั้งแต่การยกเครื่องจักรหนัก ตู้คอนเทนเนอร์ โครงหลังคา หรือยกอุปกรณ์ก่อสร้างเพื่อทุ่นแรง เช่น เหล็กแท่ง เหล็กเส้น อิฐ ปูน หรือ แม้กระทั่งการยกรถฟอร์คลิฟท์ขนาดขอรถเฮี๊ยบที่เราเห็นได้บ่อยๆในประเทศไทย

ได้แก่
1. รถเฮี๊ยบหรือรถบรรทุกติดเครน ติดกระเช้าสูง 18 เมตร
2. รถเฮี๊ยบหรือรถบรรทุกติดเครน 3 ตัน
3. รถเฮี๊ยบหรือรถบรรทุกติดเครน 5 ตัน
4. รถเฮี๊ยบหรือรถบรรทุกติดเครน 6 ตัน
5. รถเฮี๊ยบหรือรถบรรทุกติดเครน 8 ตัน
6. รถเฮี๊ยบหรือรถบรรทุกติดเครน 10 ตัน
โดยส่วนมากจะมีความกว้าง 2.5 เมตร ยาว 6.5 เมตร

เชื่อว่าจุดประสงค์ของคนซื้อรถก็คือ ความสะดวกสบายก่อนการเดินทางแน่นอนว่าในช่วงหยุดยาวอาจจะมีโอกาสได้ขับรถคู่ใจออกไปเที่ยวเติมพลังชีวิตบ้าง บรรดานักขับทั้งหลายคงต้องฝ่าเส้นทางอย่างยอดดอย ยอดภูเขาทั้งหลายเพื่อไปให้ถึงเป้าหมาย วันนี้เรามี  8 เทคนิคง่ายๆ ขับรถขึ้น-ลงเขา 

1 ควรใช้เกียร์ต่ำ ปรับเปลี่ยนเกียร์เมื่อรถเสียกำลังอย่าลากเกียร์จนหมดแรง ถ้าเป็นเกียร์ออโต้ให้ใช้เกียร์ D2 (ถ้าไม่ใช้เกียร์L) และเมื่อพ้นทางชัน ปรับเข้าเกียร์ D อย่าลากเกียร์ต่ำ เพราะเครื่องยนต์จะมีรอบสูง ทำงานหนักจนเครื่องอาจ น็ อ คได้

2 เมื่อขับลงเขาที่ลาดชัน ให้เปลี่ยนเกียร์ D มาเป็น D2 ถ้ายังเอาไม่อยู่ให้เปลี่ยนเป็นเกีบร์ L แต่อย่าทำให้ขณะฝนตกทางบื่นรถจะเสียการทรงตัว ควรดูสภาพทางเป็นหลักในการพิจารณา

3 หากทีคนนั่วข้างๆก็ให้ดูสภาพทางที่เมื่อแน่ว่าแล้วไม่มีรถสวนมาให้ใช่วิธีตัดโค้ง วิธีนี้จะช่วยให้รถทรงตัวดี, เข้าโค้งได้เร็ว, รถให้กำลังของลูกบิดล้อไม่หนักทำงาน, ย า งไม่ล้มตัวมากหน้ายางจะสัมผัสถิวถนนได้มากตามไปด้วย แต่ต้องแน่ใจไม่มีรถสวนมาชนคุณเช่นเข้าโค้งขวา ก่อนเข้าโค้ง ก่อนเข้าโค้งให้ถอนคันเร่งหักพวงมาลัยไปทางซ้ายนิดหนึ่งแล้วหักพวงมาลัยมอาทางขวาเพื่อทำโค้ง

4 การขับรถโค้งต่อเนื่องเป็นรูปตัว S มองให้ไกลมองให้ลึกให้แน่ใจว่าทางว่างไม่มีรถสวนมา ให้ถอนคันเร่งลงแล้วขับเสียบตัดโค้ง ให้แนวการขับเป็นเส้นตรงที่สุด แต่การขับลักษณะนี้ถ้าไม่แน่ใจเส้นทางข้างหน้าหรือวิสัยทัศไม่ดีควรขับทางโค้งธรรมดาอยู่ในทางของเราเอง

5 สามารถเพิ่มระยะเบรกด้วยการเลี้ยวรถไปตามไหล่ทางหรือมีพื้นที่ว่าง เพื่อเพิ่มระยะเบรก

6 ขับรถบนภูเขาที่มีทางคดเคี้ยวเป็นเวลานานๆเมื่อถึงทางตรงยาว ก็ควรแตะเบรกควบคุมความเร็วไว้ตลอดห้ามปล่อยรถไหลเองเด็ดขาด หากไปแตะเบรกทีเดียวก่อนถึงโค้งอาจมีเศษหินเศษดินบริเวณนั้นบวกความเร็วรถจนควบคุมไม่อยู่

7 การขับในวิสัยทัศนวิสัยไม่ดีทางโค้งแคบที่มีสันเขาบังสายตาควรเข้าโค้งแบบธรรมดาต้องบีบแตรส่งสัญญาณทุกครั้งก่อนจะเข้าโค้งเพื่อป้องกันรถที่วิ่งสวนมา เนื่องจากรถเจ้าถิ่นจะขับโค้งรถตัดเลนเป็นประจำ

8 ทางลูกรังหรือทางที่มีหินลอยถือได้ว่าเป็นถนนปราบเซียนหากไม่คุ้นเคยเส้นทางมาก่อนก็ไม่ควรขับรถด้วยความเร็วสูง
รับรองว่าเทคนินิคเหล่านี้มีประโยชน์แน่นอน สามารถใช้ขับรถ ขึ้น-ลง เขาได้อย่ างปลอดภัยและลดภาระของรถยนต์ได้อย่างมาก ทั้งนี้ทั้งนั้นในเส้นทางอันตรายแบบนี้ควรตั้งสติตลอดเวลาและอย่าประมาทเด็ด


ติดต่อสอบถาม