สวัสดี

ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: เรียนรู้และป้องกันโรคกรดไหลย้อนในผู้สูงอายุ  (อ่าน 3400 ครั้ง)

Admin
  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1088
    • ดูรายละเอียด
โรคกรดไหลย้อน จะพบในผู้ที่มีอายุ 40 ปี ขึ้นไป มากกว่าวัยหนุ่มสาว โดยมักจะเกิดอาการหลังรับประทานอาหาร การโน้มตัวไปข้างหน้า การยกของหนัก หรือการนอนหงาย โดยจะรู้สึกแสบร้อนบริเวณลิ้นปี่ แล้วลามมาที่บริเวณหน้าอกหรือคอ มีอาการเรอเปรี้ยว นอกจากนี้ยังมีผลทำให้มีอาการ ไอ ระคายคอ เสียงแหบ โรคหอบหืดกำเริบ เป็นต้น

สำหรับสาเหตุการเกิดโรคกรดไหลย้อนสรุปได้ ดังนี้
1. จากพฤติกรรมการรับประทานอาหาร การสูบบุหรี่ และการทำกิจกรรมในชีวิตประจำวัน
2. จากภาวะกล้ามเนื้อหูรูดส่วนล่างของหลอดอาหารหย่อนตัวลง ทำให้น้ำย่อยหรือกรดในกระเพาะอาหารสามารถไหลย้อนขึ้นไปที่หลอดอาหารได้
3. โรคเรื้อรังที่มีผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมกับระบบทางเดินอาหาร เช่น โรคเบาหวาน โรคถุงลมโป่งพอง โรคของกะบังลม โรคอ้วน เป็นต้น

โรคกลดไหลย้อนมักมีอาการเรื้อรัง สร้างความรำคาญใจ หากปล่อยให้มีอาการเรื้อรังเป็นเวลานาน กรดในกระเพาะอาหารที่ล้นออกมา จะทำลายเซลล์เยื่อบุหลอดอาหารและอาจเปลี่ยนแปลงเป็นเซลล์มะเร็ง สาเหตุของโรคมะเร็งในหลอดอาหารส่วนปลาย แต่อย่างเพิ่งกังวลเพราะเราสามารถดูแลตนเองจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม รวมทั้งการรักษา โดยมีรายละเอียด ดังนี้

การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
1. ไม่นั่งเอนหลังหรือนอน หลังจากรับประทานอาหารเสร็จใหม่ๆ ควรเว้นระยะอย่างน้อย 3 ชั่วโมง
2. รับประทานอาหารตรงเวลา โดยเลือกอาหารที่ย่อยง่ายไม่เหนียวหรือแข็ง ไม่ควรรับประทานจนแน่นท้อง ซึ่งจะส่งผลให้กรดในกระเพาะอาหารเอ่อล้นออกมา
3. เน้นรับประทานอาหารมื้อกลางวัน สำหรับมื้อเย็นรับประทานน้อยๆ และเลื่อนเวลามื้อเย็นให้เร็วขึ้น เพื่อให้ห่างจากเวลาเข้านอน
4. หลังรับประทานอาหารไม่ควรออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมที่ต้องก้มตัวลง เช่น กวาดบ้าน ถูบ้าน
5. หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่กระตุ้นการเกิดอาการ เช่น อาหารรสจัด น้ำผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว ชา กาแฟ น้ำอัดลม เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อาหารไขมันสูง ช็อกโกแลต เป็นต้น
6. ควรลดน้ำหนักและบริหารร่างกายเพื่อลดไขมันสะสมบริเวณหน้าท้อง เนื่องจากไขมันที่สะสมบริเวณหน้าท้องจะไปเบียดกระเพาะอาหาร ทำให้กรดเกิดการไหลย้อนได้
7. ควบคุมการรับประทานยาบางชนิด เช่น ยาลดความดันโลหิต ยาขยายหลอดลม ยาแก้ปวดประเภทคลายกล้ามเนื้อ หรือการรับฮอร์โมน
8. ลดความเครียด เวลาเครียดหรือโกรธ จะกระตุ้นให้เกิดการหลั่งกรดในกระเพาะอาหารออกมามากกว่าปกติ
9. ไม่สวมใส่เสื้อผ้ารัดรูป
10. เวลานอนควรหนุนหมอนสูง หรือหนุนผ้าบริเวณเหนือเอวให้สูงขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้กรดไหลย้อน
11. งดการสูบบุหรี่ และออกกำลังกายสม่ำเสมอ

การรักษาและบรรเทาอาการโรคกรดไหลย้อน
1. รับประทานยาที่มีสรรพคุณลดกรด ช่วยให้อาการบรรเทาลง ในกรณีฉุกเฉินไม่มียาลดกรดอาจดื่มน้ำเพื่อช่วยบรรเทาอาการ ทั้งนี้ เป็นการรักษาเพียงชั่วคราวมีโอกาสกลับมาเป็นได้อีก เพราะยังไม่ได้แก้ที่ต้นเหตุ
2. ไปพบแพทย์เพื่อสืบประวัติ หาสาเหตุ ประเมินระดับของอาการและวิธีการรักษา ในรายที่เป็นเรื้อรังอาจจะใช้เครื่องตรวจกรดไหลย้อนที่มีความแม่นยำ หากพบว่ามีกรดหรือด่างไหลย้อนขึ้นมาเกินระดับจริง อาจใช้การผ่าตัดซึ่งไม่ยุ่งยากเนื่องจากสมัยนี้มีเครื่องมือที่ทันสมัยด้วยการส่องกล้องเข้าไปเพื่อกระชับหูรูดให้แข็งแรง สะดวก ปลอดภัย หนึ่งถึงสองวันก็สามารถกลับบ้านได้

โรคกรดไหลย้อนแม้ว่าคนส่วนใหญ่จะรู้สึกว่าเป็นโรคที่ไมร้ายแรง แต่ในผู้สูงอายุควรให้ความสำคัญ เริ่มต้นจากวันนี้ ทั้งการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและการดูแลรักษาอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดโรคเรื้อรังซึ่งอาจจะลุกลามกลายเป็นโรคที่ร้ายแรงได้ในอนาคตดูแลตนเองให้ถูกต้อง เมื่อเป็น โรคกรดไหลย้อน
กรดไหลย้อน, กรีน เคอมิน, บทความ, เคอม่าแม็กซ์ / อาการกรดไหลย้อน, โรคกรดไหลย้อน
ถ้าเราพูดถึง อาการจุกเสียด หรือว่าปวดแสบ ปวดร้อนกลางอกนะคะ เชื่อว่าหลายๆคนคงต้องนึกถึงโรคนึงอย่างแน่นอน นั่นก็คือ….โรคกรดไหลย้อน…ใช่ไหมคะ

หลายๆคนอาจจะคิดว่าโรคนี้เป็นเรื่องเล็กน้อย รับประทานยาชนิดเดียวเดี๋ยวก็หาย  แล้วแต่เชื่อไหมคะ ว่าถ้าเราปล่อยเอาไว้ไม่ได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง…ดีไม่ดีจากโรคเล็กๆน้อยๆอาจจะกลายเป็นโรคร้าย ที่ทำให้ร่างกายของตัวคุณเองมีปัญหามากขึ้นก็เป็นได้ค่ะ…

เข้าใจการเกิดโรคกรดไหลย้อน
วันนี้เราจะมาเรียนรู้การเกี่ยวกับโรคกรดไหลย้อนนี้นะคะ  รวมถึงวิธีการดูแลตนเอง วิธีป้องกันด้วยนะคะ

เมื่อพูดถึงเรื่องโรคกรดไหลย้อน เชื่อว่าทุกคนคุ้นหูและรู้จักกันอย่างดี โรคกรดไหลย้อนนะคะ เป็นคำที่ตรงมากก็คือ เกิดการไหลย้อนของกรด…จริงๆแล้วเนี่ย ในร่างกายของเราในเวลาเรารับประทานอาหารเข้าไปในกระเพาะอาหารเราจะมีน้ำย่อยออกมาเพื่อย่อยอาหารแล้วก็ทำให้ร่างกายดูดซึมอาหารที่ย่อยแล้วเนี่ยเข้าสู่ร่างกายและอาหารที่ย่อยเหล่านั้นก็ค่อยๆผ่านไปที่ลำไส้แล้วก็ถ่ายออกไป

ซึ่งน้ำย่อยอาหารมีฤทธิ์เป็นกรด  สังเกตไหมคะว่าเรา เวลาเป็นโรคกระเพาะแล้วก็ทานยาลดกรด  และสำหรับโรคกรดไหลย้อนมีความผิดปกติคือ….ปกติเนี่ยอาหารหรือว่าน้ำย่อย เขาจะต้องไหลลงไปข้างล่าง ปรากฎว่าคราวนี้กรดหรือว่าน้ำย่อยไหลขึ้นมาด้านบน ขึ้นมาตลอดแล้วก็รู้สึกว่าเราทำไมแสบ

เพราะว่ามันมีความเป็นกรดคะ ไหลขึ้นมาในหลอดอาหาร แล้วจะรู้สึกว่าเราเจ็บแสบ เราไม่สุขสบาย อันนี้คือการที่เราเรียกว่า “โรคกรดไหลย้อน”

สาเหตุหลักของการเกิดโรคกรดไหลย้อน
กลุ่มเสี่ยงที่จะเกิดโรคนี้ได้  มีหลายกลุ่มนะคะ ต้องบอกก่อนว่าสาเหตุจากกรดไหลย้อนมี 2 อย่างง่ายๆเลยก็คือ

เกิดจากหูรูดของหลอดอาหารเนี่ยมันหย่อน ทำให้กรดซึ่งไม่ควรจะไหลขึ้นมาได้เนี่ยไหลขึ้นมาได้
หรือไม่งั้นก็เกิดจากการที่กระเพาะอาหารของเราบีบตัวได้น้อยลง ประสิทธิภาพแย่ลง แทนที่จะบีบตัวแล้วก็เอาอาหาร ลงไปข้างล่างก็ทำให้ทำงานได้ไม่ดีคือ
นี้คือ 2 สาเหตุหลักๆที่เกิดขึ้น กันมากที่สุด

กลุ่มเสียงที่จะเป็นโรคกรดไหลย้อน
ต้องดูว่าอะไรที่ทำให้เกิดการบีบตัวของกระเพาะอาหารลดน้อยลง หรืออะไรก็ตามที่ทำให้หลอดหูรูดที่บริเวณหลอดอาหารมันเสื่อมสมรรถภาพส่วนใหญ่ก็มาจาก

ผู้สูงอายุคะ ผู้สูงอายุเนี่ยเมื่ออายุเยอะขึ้นเนี่ย บางสิ่งบางอย่างก็จะเสื่อมลงตามสภาพของอายุเท่านั้น ก็อาจจะทำให้เกิดกรดไหลย้อนได้
คนที่อ้วนจนเกินไป เพราะว่าภาวะอ้วนมันจะมีแรงดันอยู่ในกระเพาะเยอะ ก็จะไปลดการทำงานของกระเพาะอาหารในการบีบตัว ก็จะทำให้เกิดกรดไหลย้อนได้ง่ายขึ้น
ผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ก็อาจจะทำให้มีโอกาสที่จะเกิดกรดไหลย้อนได้
นอกจากนี้ก็ยังมีปัจจัยอื่นเยอะแยะเลย เช่น

การรับประทานอาหารที่ไม่เป็นเวลานะคะ
การรับประทานอาหารแล้วรีบนอนจนเกินไปมีผลอย่างมากเลย
เช่นเวลาเรารับประทานอาหารตอนเย็น หรือแม้แต่อาหารกลางวันก็แล้วแต่ เราควรจะต้องอยู่ในท่านั่ง หรือ ยืนซักประมาณ 3-4 ชั่วโมงค่ะ อย่างน้อยที่สุดในต้อง 3 ชั่วโมง
โรคกรดไหลย้อนไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆนะแล้วการทำลักษณะแบบนี้เนี่ยไม่ได้เกิดขึ้นจากการกระทำเพียงแค่ครั้งสองครั้งค่ะ บางทีทำแบบนี้เป็นปี 2 ปีต่อเนื่อง จากการกระทำแบบนี้แล้วก็ทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆก็ทำให้เกิดอาการกรดไหลย้อนได้

บอกว่าเลยกรดไหลย้อนยังไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆ เกิดค่อนข้างยาก แต่มันเกิดจากพฤติกรรมที่เราเนี่ย ทำมาระยะเวลานานๆหรือแม้แต่ เรื่องทานอาหารบางวันก็เช่นเดียวกันนะคะกว่าจะเกิดภาวะกรดไหลย้อนก็ทำอะไรที่ผิดซ้ำๆบ่อยๆ

ความเครียดมีส่วนนะ เพราะว่าเมื่อเกิดภาวะเครียดเราจะหลั่งกรดค่อนข้างเยอะ พอเราหลั่งกรดเยอะก็จะทำให้มันไหลออกมาบ้างหรือว่ามันเกิดการทำให้หลอดอาหารของเราในหูรูดมันเสื่อมได้ แล้วจะทำให้เกิดกรดไหลย้อน และยังมี การดื่มสุรามี แต่ส่วนใหญ่จะเกิดจากการรับประทานอาหารไม่เป็นเวลาการมีความเครียดและก็ผู้สูงอายุ

สังเกตว่าเด็กไม่ค่อยเป็นไหลย้อนจะต้องเป็นผู้ใหญ่และผู้สูงอายุผู้สูงอายุ การรับประทานอาหารการรับประทานอาหารที่มี เผ็ดจัด เปรี้ยวจัด ทำให้เกิดกรดในร่างกายเยอะขึ้น

อาการบ่งชี้ว่าเราอาจเป็นกรดไหลย้อน
กรดไหลย้อนจะเป็นโรคที่ง่ายๆแล้วก็ดูไม่น่ากลัวเหมือนเป็นมะเร็ง เป็นโรคเบาหวาน แต่ถ้าเราปล่อยทิ้งไว้นานๆเนี่ยมันอาจจะมีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น เพราะว่ากรดมันจะไปทำร้ายส่วนต่างๆ คือเวลาที่กรดมันไหลขึ้นมาในหลอดอาหารเนี่ยมันก็จะไปทำให้หลอดอาหารมีภาวะระคายเคือง ถ้าเป็นมากๆอาจจะเป็นแผลได้ ถ้าทิ้งไว้นานๆก็อาจจะเป็นมะเร็งได้ หรืออาจจะมีแผลที่ลุกลามมากได้ยิ่งขึ้น

ดังนั้นในระยะแรกๆ อาจจะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมก่อนถ้าไม่ดีขึ้นก็ควรจะไปหาแพทย์นะคะ อาการง่ายๆคือ จุก เสียด แสบ ตามบริเวณหน้าอกนะคะ

และก็อาการที่เราเห็นชัดก็คือ “อาการไอ”  เป็นการไอที่ไม่เกี่ยวเนื่องกับโรคปอด ไอตอนดึกดึกหรือว่าไอในช่วงที่เรารับประทานอาหารไปซักระยะหนึ่ง ถ้าคนไข้ที่ไม่คิดว่าการไอ เราเป็นวัณโรคหรือเปล่า แล้วเป็นหวัดหรือเปล่า ทำไมเราไอจังเลย

แต่การไอเกิดจากการระคายเคืองเมื่อมี กรดไหลย้อน เข้าไปในหลอดอาหาร เราจะรู้สึกระคายเคืองหลอดคอ

แล้วก็ถ้าใครรู้สึกว่าตัวเองมีอาการ จุก แน่นหน้าอก แล้วก็มีแสบๆร้อนๆ แถวหน้าอก มีอาการไอร่วมด้วยลองคิดถึงกรดไหลย้อน ได้เลย

เพื่อให้มันหายไปเลย….เริ่มแรกก็คือการรับประทานอาหารให้ตรงเวลา เช้า กลางวัน เย็น ถ้าไม่แน่ใจว่าระบบย่อยของเราไม่ค่อยดี อาจจะต้องทานเป็นมื้อน้อยๆ….

คือ ไม่ใช่มื้อเดียว จะไปทานบุฟเฟ่ เราจะทานให้แบบคุ้มที่สุด มันจะเยอะจนร่างกายรับไม่ไหว ก็จะทำให้การย่อยเยอะมากขึ้นกว่าก็จะล้นขึ้นมาในหลอดอาหารได้ ทานอาหารให้เป็นเวลาถ้าคิดว่าไม่สามารถที่จะทานอาหารเยอะๆ ก็แบ่งมื้อเบามื้อกลางวันก็ทานนิดนึงนะเดี๋ยว 15:00 น. มาทานอีกหน่อยนึงแล้วก็ไปทานตอนเย็น แบ่งให้เป็นมื้อย่อยๆ ในการรับประทานอาหารที่แบ่งช่วงไม่ให้หนักจนเกิน

ยังไงการรักษากรดไหลย้อนก็ต้องใช้ความอดทนและระเบียบวินัยเป็นหลัก เพราะต้องทำอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้อาการค่อยๆดีขึ้นเป็นอันดับ…


ติดต่อสอบถาม