สวัสดี

ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: รถสไลด์ เลือกใช้บริการอย่างไรไม่ให้โดนหลอก  (อ่าน 2110 ครั้ง)

Admin
  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1088
    • ดูรายละเอียด
รถสไลด์ เลือกใช้บริการอย่างไรไม่ให้โดนหลอก
หากวันหนึ่งคุณขับรถเดินทางไปไหนไกลๆ เกิดรถเสียระหว่างทาง ไม่สามารถซ่อมในพื้นที่ได้ หรือเกิดอุบัติเหตุบางประการที่จำเป็นต้องเคลื่อนย้ายรถ คุณจะทำอย่างไร รอรถลาก รถยกหรือ คงไม่ใช่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากรถยนต์ที่คุณใช้เป็นรถใหม่ ราคาแพง คุณคงไม่อยากให้รถของคุณเสื่อมสภาพมากกว่าที่เป็นอยู่ รถสไลด์ เป็นทางออกที่ดีสำหรับคุณ

เลือกใช้บริการรถสไลด์อย่างไร ไม่ให้โดนหลอก
1.เรียกใช้บริการจากบริษัทที่ให้บริการเรื่องนี้ ที่มีการจดทะเบียนบริษัท ดังนั้น ทางที่ดี คุณจึงควรมีบริษัทที่เชื่อถือได้ เบอร์โทร.ฉุกเฉินที่จะเรียกใช้บริการได้ทันที
2.ศึกษาเรื่องราคาค่าบริการรถสไลด์เอาไว้บ้าง หากฉุกเฉินไม่มีเบอร์บริษัทที่คุ้นเคย จะได้ทำการตกลงกับผู้ให้บริการที่ลงตัว
3.อย่าปล่อยให้ผู้บริการนำรถของคุณเคลื่อนย้ายไป โดยไม่มีการตกลงเรื่องค่าบริการก่อน เพราะคุยทีหลังอาจเสียค่าใช้จ่ายเกินกว่าเหตุ
4.การชำระเงินที่มีการตกลงราคาที่ชัดเจนแต่แรก ให้ชำระหลังงานเสร็จเรียบร้อย ทั้งนี้ บริษัทมืออาชีพที่ให้บริการด้านนี้โดยตรงจะมีระบบรับประกันความเสียหายด้วย

อนึ่ง กรณีที่รถของคุณมีการทำประกันชั้น 1 เอาไว้ ควรให้ทางประกันเป็นผู้ติดต่อเรื่องยกรถ หรือรถยนต์บางยี่ห้อก็จะมีบริการเหล่านี้เช่นกัน โดยเสียค่าบริการตามความเหมาะสม

กรณีถูกขูดรีดค่าบริการสูงเกินกว่าเหตุ ควรแจ้งความกับตำรวจ แต่กรณีที่เรียกใช้บริการผ่านคอนเนกชั่นของตำรวจตั้งแต่ต้น พึงทราบเงื่อนไขว่า อาจมีค่าบริการที่สูงขึ้นตามข้อตกลงของบริษัทกับตำรวจ นั่นก็เป็นอีกเรื่อง ไม่ใช่ถูกหลอก

เลือกใช้บริการรถขนย้ายให้เหมาะกับรถยนต์คุณ
เมื่อเหตุการณ์รถเสียบนท้องถนนเกิดขึ้น เริ่มจากให้เราตั้งสติ และเริ่มประเมินสถานการณ์ว่ามีความเสียหายมากเพียงใด หากรถยนต์ของเรายังสามารถเคลื่อนตัวได้ ล้อและกลไกต่าง ๆ ของเครื่องยนต์ยังพอสามารถเคลื่อนย้ายได้ และได้ตรวจเช็คดูแล้วว่าศูนย์ให้บริการมีระยะทางไม่ไกลมากนัก ในกรณีนี้เราแนะนำใช้เป็นบริการรถลาก เนื่องจากเป็นการขนย้ายที่ง่าย และประหยัดค่าใช้จ่ายมากกว่า แต่หากเราประเมินดูแล้วว่ารถยนต์มีความเสียหายค่อนข้างหนัก โดยเฉพาะตรงช่วงล่าง ในสถานการณ์นี้รถสไลด์จะเหมาะสมมากที่สุด เพราะด้วยกลไกทำงานของการขนย้ายที่มีการยกรถทั้งคัน ทำให้ไม่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อรถยนต์มากกว่าเดิม

และเมื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินบนท้องถนน คุณสามารถเรียกใช้บริการจากศูนย์บริการ ‘รถยกรถสไลด์เฉพาะกิจ’ ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยที่ศูนย์บริการมีรถขนย้ายหลากหลายชนิด เพื่อให้เหมาะสมกับการเคลื่อนย้ายรถยนต์ประเภทต่าง ๆ พร้อมกับอุปกรณ์ที่ทันสมัยที่ได้รับการตรวจเช็คอยู่ตลอดเวลาไม่ว่าจะเป็นระบบล็อคที่แน่นหนา อุปกรณ์ในการลากจูงรถที่ต้องมีคุณภาพดี ก่อนที่จะออกไปช่วยเหลือลูกค้าทุกครั้ง และเรายังมีพนักงานที่มีประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญสูง เพราะเราเข้าใจดีว่าหากพนักงานไม่มีความเชี่ยวชาญพอ และทำการขนย้ายได้ไม่ถูกวิธีจะก่อให้เกิดความเสียหายกับรถยนต์ของลูกค้าได้ โดยทุกขั้นตอนการทำงาน ความปลอดภัยของรถยนต์ลูกค้า และตัวลูกค้าต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง ทำให้คุณไว้วางใจได้ว่าจะได้รับบริการที่ดีและปลอดภัยจากเรา

มาทำความรู้จัก รถสไลด์ออน กัน
เมื่อได้ 3 สิ่งมารวมกัน ก็จะได้รถ 1 คัน ซึ่งมีองค์ประกอบครบถ้วน โดยส่วนมากผู้ประกอบการใหม่ มักจะมองหารถมือ 2 ซึ่งมองว่า ราคาถูก และยังไม่โทรมมาก ซึ่งนั่นเป็นความคิดที่ถูก เพียงครึ่งเดียว ในตลาดรถมือ 2 นั้น การปล่อยรถมือ 1 ออกมาสู่ตลาดมือ 2 ก็ต้องกินระยะเวลา ไม่ต่ำกว่า 5 ปี ซึ่งผมคำนวนแบบวิ่งน้อยสุดอย่างน้อยสุดๆ ก็ต้องมีประมาณ  3 แสน ก.ม อันนี้กรณีป้ายขาวดำนะครับ ถ้าป้ายรับจ้างป้ายเหลืองนี่ ก็ประมาณ 500,000 กม. และถ้าไปเจอแบบรถสวยวิ่งน้อย จะบอกว่าไม่มีใครที่จะซื้อรถบรรทุกมาวิ่งงานน้อยๆ หรอกครับ เพราะเอาไว้ใช้งานเป็นหลัก ต้องใช้งานให้คุ้มค่า ถ้าวิ่งน้อยจริงก็ต้องปล่อยช่วง 1-2 ปี แรกครับ
ทีนี้ราคาถามว่าราคาคุ้มไหม ตอบว่าต้องดูเป็นจริงๆ ถึงจะจบ ถ้ามีช่างไปดูเครื่องด้วยก็ยิ่งดี แต่ช่างก็ต้องดูระบบไลด์เป็นด้วยว่า ชีล, วาวล์ไฮดรอลิค, ชุดไฮดรอลิค ยังดีอยู่ไหม ถ้าดีก็ต่อรองราคากัน แต่ต้องมีเช็คใหญ่เก็บงาน กันหน่อยนะครับ ราคาที่เคยเห็น อยู่ที่ 1.2 ล้าน ถ้าซื้อสดถือว่าลงทุนเป็นครับ ถ้าผ่อนละก็ไม่คุ้มเพราะต้องโดนดอกเบี้ย 9-12% และภาษีต่องวดอีก 7% และเงินดาวน์ ที่สูง 20% ของราคาที่ซื้อ เบ็ดเสร็จ ผ่อนใกล้เคียงของใหม่เลย ถ้าเป็นรถเก่าญี่ ปุ่นมาเลยก็ถูกลงมาหน่อย แต่ก็ไม่คุ้มเพราะญี่ปุ่น ไม่ค่อยเล่นถาดแบบกองพื้น ส่วนใหญ่บ้านเราพัฒนาจากถาดแบบ 35 องศา สไลด์แบบทิชเชอร์ และก็ต่อตัวถังพัฒนารูปแบบของทางฝั่งอเมริกา จนกลายมาเป็นถาดแบบกองพื้นปัจจุบัน ครับ
- รถบรรทุก เราต้องเริ่มจากตรงไหน เริ่มจากต้องดูว่าเราจะซื้อไปขนอะไร ถ้าคนรถยนต์ปกติ คือรถยนต์ นั่งทุกรุ่น หรือแม้แต่รถตู้ และรถ แฮมเมอร์ ที่ว่าใหญ่ หรือรถยนต์ที่มีอยู่บนโลกนี้สามารถ ก็ใช้รุ่น NPR 150 แรงม้า ได้ แต่ถ้าขนรถโฟล์คลิฟท์ นั้นก็ต้องไปเสริมเหล็ก และรองด้วยไม้เนื้อแข็ง เพื่อเพิ่มพื้นที่เพื่อกระจ่ายน้ำหนัก หรือถ้าจะขนรถโฟล์คลิฟท์หลายคัน ก็ต้องซื้อรุ่นใหญ่ อย่าง FRR 190-210 แรงม้า อันนี้สำคัญห้ามขนผิดประเภท เพราะจะเกิดความเสียหายได้ครับ

- PTO (Power Take Off) หรือเกียร์ฝาก เพื่อส่งกำลังให้ระบบ Hydraulic ถ้าเป็นรุ่น NPR 150 แรงม้า ส่วนใหญ่ ที่ปรึกษาการขายอีซูซุจะไม่มี part อะไหล่ ในข้อมูลการขาย แต่ต้องที่ปรึกษาการขายมืออาชีพจริง เขาถึงรู้ว่ามี part PTO ตรงรุ่น สามารถสั่งติดตั้งพร้อมรถจากโรงงาานอีซูซุได้เลย รับประกัน 2 ปี ไม่จำกัดระยะทางแต่ราคาแพงเหมือนกัน ถ้าซื้อของศูนย์อีซูซุมาติดเอง ก็จะราคาแพงมากกว่า (ไม่รู้ทำไมแพง) รับประกัน 6 เดือน หรือ 10,000 กม.

- ทางเลือกที่ 2 PTO จากซัพพลายเออร์ อันนี้เป็นที่นิยมกันมากเพราะราคาพอไหว และคุณภาพดี ซึ่งก็มีใช้กันแพร่หลาย มากในกลุ่มรถสไลด์ และก็มีทั้งแบบ PTO แบบกลไกสลิง และแบบ PTO ระบบควบคุมด้วยไฟฟ้าซึ่งถ้าเป็น PTO แบบกลไกสลิง นั้นไม่แนะนำเพราะเป็นแบบเก่า และไม่ทันสมัยส่วนใหญ่จะเอาไว้ใช้ในงาน ดั้มพ์ ควรจะใช้ แบบ PTO ระบบควบคุมด้วยไฟฟ้า ที่ทันสมัย และง่ายต่อการทำงานครับ แต่บ่อยครั้งการติดตั้ง PTO นั้น มักเกิดปัญหา ซึ่งส่วนใหญ่นั้น ฟันเฟืองของ PTO นั้นมักจะคำนวนมาถูกต้องและได้มาตรฐาน เพราะอ้างอิงตามเกียร์ และข้อมูลของฟันเฟืองของเกียร์รุ่นนั้นๆ ครับ แต่จะไม่ได้มาตรฐานตรงการติดตั้งเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งมักจะเป็นช่างเก่าแก่ อยู่ในวงการมานาน และมักจะไม่เชื่อคู่มือการติดตั้ง ซึ่งผมเจอบ่อยมาก แต่ก็แก้โดยให้ ช่างที่ศูนย์บริการอีซูซุติดตั้งพร้อมเดินระบบไฟฟ้าและสวิตซ์ควบคุม ที่หน้าปัทม์ เลย จะได้จบปัญหาซึ่งตรงนี้สำคัญที่สุด เพราะมันเป็นหัวใจหลักของรถสไลด์เลยก็ว่าได้

- ระบบกระบะสไลด์ จริงประเทศไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก เลยนะครับ มีครั้งนึ่งนั่งคุยกับเจ้าหน้าที่ อีซูซุ ที่มาจากญี่ปุ่น แก ยังไม่เคยเห็นรถสไลด์ ในแบบของคนไทย แก่เห็นปุ๊ป ตกใจว่าทำได้ขนาดนี้เลยหรอ เพราะที่ญี่ปุ่นจะมี สไลด์ แบบ 35 องศา ใช้กันซึ่งเรียกว่า สไลด์แบบทิชเชอร์ ซึงนิยมใช้ใน เยอร์มัน และญี่ปุ่น แต่ตอนนี้โลกได้พัฒนาไปไกลมากแล้ว คนไทยก็เช่นกัน ก็พัฒนาตามมาตรฐานใหม่ นั้นคือ แบบกองพื้น นิยมใช้กันมากในแถบอเมริกา และแน่นอนถ้าพูดถึงตอนนี้ ควรที่จะใช้ระบบแบบกองพื้นดีกว่าครับ เพราะว่าจะสามารถรองรับงานขนส่งรถยนต์ได้มากกว่า แต่ก็มักจะโดนโจมตีด้วยเหตุผลบางประการ ของผู้ประกอบการที่ใช้ในกลุ่มสไลด์แบบทิชเชอร์ว่า ใช้พื้นที่ในการทำงานกระบะสไลด์มากกว่า ระบบทิซเซอร์ ซึ่งถูกต้องครับ แต่พูดมาแค่ครึ่งเดียวอีกเหมือนกัน โดยพื้นที่ในการทำงานมากกว่าระบบทิชเชอร์ เพียง 2 เมตร ถ้าถามว่ายาวไหม ตอบได้เลยว่ายาวกว่า ถ้าถามว่าเป็นอุปสรรค์ต่อการทำงานไหม ตอบเลยครับว่า ไม่เลย เพราะส่วนใหญ่เราก็จะใช้พื้นที่ทำงาน บนถนน หนทางอยู่แล้ว และอีกอย่างถ้าเจอพื้นที่แคบจริงเราก็ปรับให้เป็นระดับ 35 องศา ก็ได้ และให้รถวิ่งขึ้นไป หรือถ้าเป็นรถอุบัติเหตุ เราก็ปลอยมาในระดับกองพื้นเลยใช้วินด์ดึงขึ้นไป และขนรถยนต์ขึ้น การทำงานลักษณะนี้ จะมีความรวดเร็วในการขนย้าย มากกว่า ระบบทิชเชอร์ เพราะองศาของทิชเชอร์ นั้นชันมากกว่า และแรงดึงต้องหนีแรงดึงดูดของโลกมากเลยทำให้ช้ากว่า และโดยรวมแล้วระบบแบบกองพื้น มีประโยชน์ในการทำงานมากกว่า แบบทิชเชอร์ 35 องศา ซึ่งตอนนี้ไม่มีใครใช้งานและครับ แต่ก็นานา จิตตังครับสำหรับทัศนคติแต่ละคน

- มาถึงต้อนสำคัญ ก็คือการเลือกผู้ประกอบการอู่ต่อรถสไลด์ที่ได้มาตรฐาน และคุณภาพดี โดยมีเงื่อนไขการรับประกันคุณภาพ ซึ่งประเทศไทยเรามี อู่ที่มีฝีมือ ที่เป็นที่ยอมรับของวงการสไลด์ อยู่ไม่มากนัก แน่นอนทุกอู่นั้น ผมรู้จัก และก็ใช้บริการให้กับลูกค้ามากมาย เอาเป็นว่าถ้าอยากทราบข้อมูลก็โทรมาคุยกันนะครับ ส่วนที่สำคัญที่สุดเลยคือการลงทุน ตอนนี้ ลูกค้าสามารถซื้อรถพร้อมต่อสไลด์ได้ ในราคาที่พิเศษมากครับ พร้อมดำเนินการติดตั้งและสงมอบให้ลูกค้าระดับมืออาชีพ อีกทั้งการสนับสนุนทางการเงิน ซึ่งสามารถจัดไฟแนนซ์ได้ ซึ่งเมื่อก่อนต้องจ่ายค่าตัวถังต่างหาก บ้างก็ต้องดาวน์ ถึง 20% แต่ตอนนี้ เป็นแคมเพจน์ พิเศษอยู่ที่ 20% ถ้าผู้ประกอบการท่านใดสนใจก็โทรมาคุยกันนะครับ ขอจบแค่นี้พร้อมรูปสวย


ติดต่อสอบถาม