สวัสดี

ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: 15 ต้นไม้ล้อมยอดนิยม นำมาปลูกเป็นต้นไม้ประธานและไม้มงคลในบ้าน  (อ่าน 4225 ครั้ง)

Admin
  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1088
    • ดูรายละเอียด
15 ต้นไม้ล้อมยอดนิยม นำมาปลูกเป็นต้นไม้ประธานและไม้มงคลในบ้าน

1.มั่งมี
ต้นมั่งมีมีชื่อเดิมว่า “เฉียงพร้านางแอ” เป็นต้นไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงใหญ่ สามารถพบได้ในทุกภาคของประเทศไทย ลำต้นสามารถสูงได้ถึง 25-35 เมตร โดดเด่นด้วยลักษณะลำต้นที่สูงตรงไม่มีกิ่งก้านที่แผ่ออกไปมากทำให้สามารถปลูกใกล้อาคารได้ อีกทั้งยังยังไม่ผลัดใบและใบร่วงไม่มากนักจึงให้ร่มเงากับอาคารได้ตลอดทั้งปี เนื้อไม้แข็งแรงและมีลายไม้สวยจึงสามารถนำไปใช้ทำเครื่องไม้เครื่องมือได้ นอกจากนั้นดอกยังมีกลิ่นหอม ผลสุกยังเป็นอาหารสำหรับสัตว์ขนาดเล็กอย่างนกและกระรอกในสวนได้

2.แจง
ไม้ยืนต้นขนาดเล็กไม่ผลัดใบ โตช้า มีความสูงของต้นประมาณ 5-10 เมตร มีกิ่งแขนงมากมายคล้ายกับไม้พุ่ม มีถิ่นกำเนิดในประเทศไทย สามารถขึ้นได้ในดินแทบทุกชนิด ออกดอกในช่วงเดือนธันวาคมถึงเดือนมีนาคม ดอกอ่อนและยอดอ่อนสามารถนำมาดองคล้ายกับผักเสี้ยนหรือดอกกุ่มเพื่อรับประทานร่วมกับน้ำพริกได้ นอกจากนั้นผลยังเป็นอาหารของนกได้อีกด้วย นับว่าเป็นพรรณไม้ที่มีทุกส่วนของต้นสวยงามและสมบูรณ์แบบมากเหมาะกับการปลูกในบริเวณที่ต้องการเป็นจุดเด่นของสวน

3.กันเกรา
ต้นไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงใหญ่ สูง 10-15 เมตร ปลูกได้ทุกที่ในประเทศไทยโดยเฉพาะบริเวณภาคใต้ ทนต่อน้ำท่วมขัง ออกดอกเป็นช่อสีขาว แต่ละช่อมี 15 – 25 ดอก เมื่อบานเต็มที่จะเป็นสีเหลืองอมแสด ส่งกลิ่นหอมไม่ฉุนตลอดวัน มักบานในช่วงเดือนเมษายนถึงมิถุนายน ผลกันเกรามีรสขมแต่ใช้เป็นอาหารของนกและค้างคาวได้ เป็นไม้มงคลหนึ่งในเก้าชนิดที่ใช้รองก้นหลุมก่อนลงเสาเอกของบ้านเพื่อความเป็นสิริมงคล นิยมปลูกทางทิศตะวันออก เชื่อว่าช่วยปกป้องคุ้มภัย นอกจากนั้นเนื้อไม้ยังแข็งแรงเป็นเสี้ยนตรงและเนื้อละเอียด นำมาขัดเงาง่ายและทนต่อปลวกจึงนำมาใช้ทั้งสร้างอาคารและเฟอร์นิเจอร์ได้

4.พะยอม
ต้นไม้ยืนต้น ผลัดใบ โตช้า ขนาดกลางถึงใหญ่ สูง 10-15 เมตร ทรงพุ่มรูปไข่หรือกรวยคว่ำ เติบโตได้ดีในพื้นที่แห้งแล้งจึงสามารถนำไปปลูกได้ทุกที่ แต่หากอยู่ในที่มีดินเหนียวจะออกดอกน้อยกว่า ออกดอกเป็นช่อสีขาว บานพร้อมกันหรือทยอยบานทั้งช่อ ส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ ช่วงเย็น ออกดอกเดือนธันวาคม – กุมภาพันธ์ หากอากาศเย็นจะบานสะพรั่งทั้งต้น ดอกอ่อนใช้รับประทานสดหรือทำอาหาร เช่น ยำหรือแกงส้มได้ เนื้อไม้สามารถใช้ก่อสร้างได้ เพราะมีความแข็งแรงใกล้เคียงกับไม้ตะเคียนทอง นิยมปลูกบริเวณบ้านในทิศตะวันตกเฉียงเหนือ เพราะเชื่อว่าจะช่วยทำให้คนในบ้านมีนิสัยที่อ่อนน้อมเป็นที่รักใคร่ของคนทั่วไปดั่งชื่อ และไม่ขัดสนเรื่องเงินทอง

5.อินจัน
ต้นไม้ยืนต้นโตช้า ทรงพุ่มเป็นได้ทั้งทรงกลมและกระบอก โตช้า จุดเด่นคือผลของต้นไม้ชนิดนี้มีอยู่ 2 แบบในต้นเดียว คือผลที่มีลักษณะทรงกลมออกแบนและแป้นเรียกว่า “ลูกจัน” ส่วนผลที่มีลักษณะทรงกลมหนาและใหญ่กว่าจะเรียกว่า “ลูกอิน” เมื่อผลสุกจะมีสีเหลืองสวยและมีกลิ่นหอมมาก ผลสามารถรับประทานได้แต่ต้องนำมาคลึงให้ช้ำรสฝาดก็จะหายไปเหลือเพียงรสหวาน สามารถนำมารับประทานได้ทั้งแบบผลสดหรือนำไปแปรรูปเป็นของหวาน เนื้อไม้อินจันยังเป็นไม้ที่นิยมในทำเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งเพราะมีลวดลายสวยงามและมีกลิ่นหอมอ่อนๆ เดิมนิยมปลูกในวัด พระราชวังหรือสถานที่สำคัญทางราชการ

6.กระบก
ไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ เป็นไม้ผลัดใบ สูง 10-30 เมตร โคนต้นมักขึ้นเป็นพูพอนสวยงาม เจริญเติบโตได้ดีในสภาพดินทุกชนิดทั่วประเทศ นิยมปลูกเป็นกลุ่มกันในพื้นที่โล่ง ๆ สำหรับให้เป็นที่อยู่อาศัยและเป็นแหล่งอาหารของสัตว์เพราะผลสุกจะร่วงลงสู่พื้นเป็นอาหารของสัตว์เคี่ยวเอื้องอย่างกวาง เก้ง วัวหรือควาย และนกชนิดต่างๆ นอกจากนั้นยังแหล่งอาหารของจุลินทรีย์อย่างดีจึงช่วยบำรุงดินและเพิ่มธาตุอาหารในดินได้ เนื้อไม้เนื้อแข็งและหนัก มีเสี้ยนตรงแข็งมากจึงนิยมใช้เป็นเครื่องเรือนที่ต้องการความทนทาน เช่น ครกและสาก เมล็ดสามารถนำมาคั่วรับประทานเป็นของว่างคล้ายกับถั่วลิสง นอกจากนั้นใบอ่อนยังใช้รับประทานสดได้อีกด้วย

7.นางกวัก
ไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ เป็นไม้ผลัดใบ สูง 8-15 เมตร ทรงพุ่มกลมทึบ ชอบแสงแดดจัดและบริเวณที่ชุ่มชื้น แต่ก็ทนทานต่อความแห้งแล้งได้ดี ผลแก่สามารถรับประทานได้ ไม่ผลัดใบและใบร่วงน้อยจึงเก็บกวาดใบได้ง่าย นิยมนำมาปลูกในบริเวณบ้านหรือริมน้ำเพื่อให้ร่มเงา เป็นต้นไม้มงคลชนิดหนึ่ง นิยมปลูกในทิศตะวันตกของบ้านจะช่วยให้ร่ำรวยขึ้นตามความเชื่อโบราณ เนื้อไม้สามารถนำมาแกะสลักเป็นเครื่องเรือนได้

8.บุนนาค
ไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ มีความสูงประมาณ 15-25 เมตร ทรงพุ่มใหญ่ลักษณะคล้ายเจดีย์ ใบเขียวเข้มตลอดปี ให้ร่มเงาได้ดี พบมากในป่าดิบชื้นใกล้แหล่งน้ำ ดอกมีกลิ่นหอมเย็น มักออกดอกในช่วงฤดูร้อนและฤดูฝน ยอดอ่อนสามารถนำมาใช้ทานสดหรือทำอาหารได้ เนื้อไม้แข็งแรง กิ่งสามารถนำมาทำฐานรองพานดอกไม้ไหว้พระตามความเชื่อของชาวไทใหญ่ โบราณนิยมปลูกต้นบุนนาคไว้ทางทิศตะวันตกของบ้าน เชื่อว่าจะช่วยป้องกันภัยอันตรายต่างๆ เหมือนมีพญานาคคุ้มครอง

9.ชุมแสง
ไม้ยืนต้นขนาดกลาง มีความสูงประมาณ 8-15 เมตร พบทุกภาคของประเทศไทย มีใบเดี่ยวออกเรียงสลับรูปขอบขนาน ดอก ออกตามซอกใบ เป็นสีม่วงอ่อนแกมสีเหลืองอมน้ำตาล ในยุคสมัยก่อนนิยมนำเนื้อไม้มาสร้างหลังคาโบสถ์ของวัดต่างๆ ทั้งในส่วนคาน ขื่อ และแปเพียงอย่างเดียวเท่านั้น จึงถือเป็นของสูงและเป็นต้นไม้ที่ให้ความเป็นสิริมงคลตามความเชื่อโบราณ แตกกิ่งออกจำนวนมากเป็นกอคล้ายต้นไม้พุ่ม ลำต้นมีลีลาที่บิดโค้งไปมาสวยงามไม่เหมือนกันทำให้นิยมปลูกเพื่อใช้เป็นจุดเด่นในสวนและมักมีเฟินและกล้วยไม้ขึ้นเกาะอยู่รอบๆดูเป็นธรรมชาติ บ้างนำมาปลูกเป็นบอนไซ

10.ลำดวน
ไม้ยืนต้นขนาดกลาง  มีความสูงประมาณ 4 – 8 เมตร ทรงพุ่มกลม ไม่ผลัดใบ พุ่มใบสวย ชอบขึ้นในที่โล่งและมีแสงแดด พบมากบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ดอกบานวันเดียวแล้วโรยในวันรุ่งขึ้น ส่งกลิ่นหอมแรงตั้งแต่ช่วงเย็นจนถึงเช้า แต่ยังคงกลิ่นหอมอ่อนๆในช่วงกลางวัน ออกดอกเดือนมกราคม -มีนาคม ควรปลูกให้ห่างจากต้นไม้อื่นอย่างน้อย 5 เมตร ผลมีรสหวานอมเปรี้ยวรับประทานได้ เป็นพรรณไม้ที่ถูกกล่าวถึงในวรรณคดีไทยหลายเรื่อง มีความเชื่อโบราณว่าให้ปลูกโดยผู้หญิงไว้ทางทิศตะวันออกของตัวบ้านจะช่วยดึงดูดความรัก เสริมดวงทางเสน่ห์เมตตา เนื้อไม้ของต้นลำดวนมีความแข็งแรงทนทาน สามารถนำมาใช้ทำเครื่องมือเครื่องใช้ได้

11.เสม็ดแดง
ต้นไม้ยืนต้นขนาดกลาง ความสูงโดยทั่วไป 7 เมตร ไม่ผลัดใบ เปลือกต้นสีน้ำตาลแดง แตกสะเก็ดแผ่นบางๆ โคนต้นที่มีอายุมากมักเป็นพูพอน ออกดอกช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน ผลสีขาวทรงกลมขนาดเล็กดูน่ารัก ออกผลเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน พบขึ้นตามป่าธรรมชาติทุกภาคของประเทศไทย ยอดอ่อนเสม็ดแดงรับประทานได้ มีรสเปรี้ยวอมฝาด นิยมทั้งนำไปลวกและกินสดกับน้ำพริก น้ำมันจากใบมีกลิ่นหอมคล้ายการบูร สามารถใช้นวดแก้เคล็ด เมื่อย ปวดบวม แก้หมัด เหา หรือชุบสำลีอุดฟันแก้ปวดได้

12.หว้า
ไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ มีความสูงประมาณ 15-35 เมตร มีพุ่มใบค่อนข้างแน่นให้ร่มเงาได้ดี ทรงพุ่มแผ่กว้างตามอายุที่มากขึ้น จึงต้องใช้พื้นที่ในการปลูกมากกว่า 30 เมตรถึงจะได้ต้นที่สมบูรณ์และสวยงามจริงๆ แต่ถ้าหมั่นตัดแต่งทรงพุ่มบ้างก็จะได้ต้นได้ในสวนที่สวยงามเช่นกัน ผลและยอดมีรสหวานอมเปรี้ยวปนฝาดจึงถูกใจใครหลายคน เนื้อไม้ของต้นหว้าสามารถนำมาใช้ทำสิ่งปลูกสร้าง โบราณว่าเป็นไม้มงคลที่ช่วยในเรื่องของความสำเร็จและชัยชนะอีกด้วย

13.จันทร์กะพ้อ
ไม้ยืนต้นขนาดเล็กถึงขนาดกลาง ไม่ผลัดใบ มีความสูงของต้นประมาณ 5-15 เมตร เรือนยอดเป็นทรงพุ่มกลมโปร่งไม่ค่อยสวย มีใบน้อย เจริญเติบโตได้ดีในดินที่มีการระบายน้ำดีแต่ต้องการความชื้นสูง มีร่มเงาจากไม้อื่นรอบๆ มีความชื้นในอากาศดี และลมไม่แรงมากนัก พบได้ในป่าดิบชื้นที่ลุ่มต่ำและตามชายขอบของป่าพรุทางภาคใต้ ดอกสีเหลืองนวลขนาดเล็กและมีกลิ่นหอมแรงมากคล้ายกลิ่นน้ำมันจันทน์ เมื่อเริ่มปลูกจะใช้เวลานานอย่างน้อยประมาณ 6-7 ปีถึงจะออกดอก โดยจะออกดอกในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนมีนาคม และดอกจะทยอยบานในเวลาใกล้เคียงกัน เนื้อไม้เป็นสีน้ำตาลอมเหลืองสามารถนำมาใช้ในงานก่อสร้างหรือใช้ทำด้ามเครื่องมือเครื่องใช้ได้

14.ทองกวาว
ไม้ยืนต้นขนาดกลาง มีความสูงประมาณ 12-18 เมตร แตกกิ่งก้านจะเป็นไปในทิศทางที่ไม่เป็นระเบียบ ดอกมีสีแดงส้มหรือแสดและจะออกดอกมากในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี เป็นไม้มงคลที่คนไทยสมัยก่อนเชื่อว่าหากบ้านใดปลูกต้นทองกวาวไว้ประจำบ้านในทิศใต้จะทำให้มีเงินมีทองมาก เนื้อไม้เมื่อแห้งจะมีน้ำหนักเบาและหดตัวมาก สามารถนำมาใช้เป็นเครื่องเรือนและเครื่องมือทางการเกษตรได้

15.กระโดน
ไม้ยืนต้นผลัดใบขนาดกลาง มีลักษณะของเรือนยอดเป็นพุ่มกลมแน่นทึบ มีความสูงของต้นประมาณ 10-20 เมตร ในหน้าแล้งใบแก่ท้องใบจะเป็นสีแดง ใบก่อนร่วงเป็นสีแดงสวยงาม และจะทิ้งใบเมื่อออกใบอ่อน ยอดอ่อนเป็นสีน้ำตาลแดง นิยมปลูกเป็นไม้ประธานในสวน แต่ไม่ควรนำมาปลูกใกล้ลานจอดรถ เนื่องจากต้นกระโดนเป็นไม้ผลัดใบและมีผลขนาดใหญ่ ยอดอ่อนรสฝาดอมมัน นิยมกินเป็นผักสดกับอาหารรสจัดได้ มีดอกขนาดใหญ่ออกเป็นช่อร่วงได้ง่าย โดยดอกจะบานในช่วงเวลากลางคืนและมักจะร่วงในช่วงเช้า ออกดอกในช่วงเดือนมกราคมถึงเดือนเมษายน เนื้อไม้กระโดนใช้สำหรับงานก่อสร้างอาคารบ้านเรือนได้ดี เพราะมอดไม่กิน นอกจากนั้นเปลือกต้นสามารถลอกออกมาทุบให้นิ่มใช้ทำเป็นที่นอน และใช้ทำคบไฟหรือนำมาจุดไฟเพื่อใช้ควันไล่แมลง ไร ริ้น หรือยุงก็ได้


ติดต่อสอบถาม

https://dx.lnwfile.com/_/dx/_raw/f3/fg/e6.png[/img]]=https://line.me/R/ti/p/%40eqf9593t