การจัดบูธ สมัยใหม่ เก๋ๆ ออกงานแฟร์อย่างไรให้ปัง

การจัดบูธ สมัยใหม่ เก๋ๆ : ออกงานแฟร์อย่างไรให้ปัง

การจัดบูธ สมัยใหม่ งานออกบูธนิทรรศการของภาครัฐหรือหน่วยงานราชการ เป็นกิจกรรมแห่งการรวมตัวเพื่อนำเสนอข้อมูลให้แก่ผู้เข้าชมงาน เป็นการสร้างาความสัมพันธ์ระหว่างหน่วยงานรัฐต่างๆ กับประชาชนผู้สนใจ ซึ่งงานนิทรรศการต่างๆ จะจัดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นการเข้าร่วมงานออกบูธ จัดนิทรรศการ ถือเป็นการประชาสัมพันธ์ สมัยใหม่ ในการสื่อสารกับประชาชนและผู้เกี่ยวข้อง แต่การจะเข้าร่วมบูธในแต่ละครั้ง เราต้องเข้าใจวิธีเลือกงานนิทรรศการ การจัดบูธ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ในการประชาสัมพันธ์และการตลาดที่คาดหวัง ไม่อย่างนั้นก็จะเป็นการเปลืองงบประมาณ ในบทความนี้เราจะมาคุยเรื่องเคล็ดลับสำหรับเราในการเลือกงานออกบูธ การออกแบบบูธในฝันที่จะทำให้เราได้ประโยชน์เต็มๆ

7 วิธีการเลือกงานแฟร์อย่างไร ก่อนจ่ายค่ามัดจำบูธ
วิธีการง่ายๆ 7 อย่างนี้จะทำให้เราเห็นภาพชัดว่างานนิทรรศการหรืองานแฟร์นี้เราจะได้อะไรดังหวังหรือไม่

1.ระบุเป้าหมายการออกบูธให้ชัดๆ
2.พิจารณากลุ่มเป้าหมายที่เราต้องการเข้าถึง
3.ขนาดของงาน
4.Niche ในงานคือใคร
5.วิเคราะห์สถานที่จัดงาน
6.ขอความช่วยเหลือจากลูกค้าของคุณ
7.ทำรายการด้วยงานแสดงสินค้าหลัก
 

 1.ระบุเป้าหมายการออกบูธให้ชัดๆ
ก่อนที่จะลงทะเบียนเพื่อเข้าร่วมในงานเราต้องระบุว่าเป้าหมายของธุรกิจเราคืออะไร เช่นบาง บริษัทให้ความสำคัญกับการค้าปลีกใน ขณะที่บางบริษัทมุ่งเน้นที่การขายส่ง หรือหน่วยงานราชการ หรือภาครัฐต้องการสร้าการรับรู้และเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ผลการดำเนินงานต่างๆ เป็นต้น

ดังนั้นเราต้องระบุรายละเอียดเช่นนี้ก่อนเข้าร่วมกิจกรรม เพื่อให้เราได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ ดังนั้นกำหนดแนวทางของเราและสร้างอัตลักษณ์ที่สอดคล้องกับงานแฟร์ที่เราเข้าร่วมให้ได้ จากนั้นตรวจสอบให้แน่ใจว่างานออกบูธนี้สามารถสร้างความมั่นใจสำหรับลูกค้า ผู้สนใจและนักลงทุนของเราได้มากน้อยแค่ไหน

2.พิจารณากลุ่มเป้าหมายที่เราต้องการเข้าถึง
ก่อนที่เราจะตอบได้ว่างานแสดงนิทรรศการหรือสินค้างานไหนที่เราควรเข้าร่วมนั้น สิ่งสำคัญที่สุดคือเราต้องตอบตัวเราเองให้ได้ก่อนว่า กลุ่มเป้าหมายของหน่วยงานเราคือใคร ในกรณีของหน่วยงานรัฐหรือองค์กรราชการ แม้ว่าเราไม่ขายสินค้า แต่เราต้องระบุให้ชัดว่าการออกงานนิทรรศการต่างๆ นั้น เราจะนำข้อมูลของเราไม่ส่งมอบให้แก่ใคร ใครคือกลุ่มเป้าหมายเราจริงๆ ที่เราต้องการสื่อสารหรือเผยแพร่ข้อมูลต่อกลุ่มดังกล่าว สิ่งที่เราต้องคิดให้ชัดๆ คือ เรารู้จักโปรไฟล์กลุ่มเป้าหมายเรามากแค่ไหน ถ้าเรารู้จักดี เรารู้จักชัด ไม่ว่าจะออกบูธนิทรรศการที่ไหนเราย่อมสร้างผลกระทบในทางบวกเสมอ

3. ขนาดของงาน
ไม่ใช่ว่าออกบูธงานใหญ่แล้วจะได้ผลลัพธ์ที่ดีเสมอไป บางครั้งการไปโชว์ผลงานในงานใหญ่ แต่งบประมาณเราน้อย หรือไม่มีธีมที่เตะตา โอกาสที่บูธเราจะถูกกลืนหายไปก็มีมาก ยิ่งไปเจอหน่วยงานอื่นที่ทุ่มงบจัดเต็ม เราอาจจะตามน้ำตื้นได้ บางครั้งการเข้าร่วมงานเล็ก อาจจะมีผลดีต่อการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์องค์กรเราได้ดีกว่า

4. ศึกษา Niche ของงาน
วิเคราะห์กลุ่มเป้าหมายย่อยในงานนิทรรศการที่เราเข้าร่วม เพราะในการจัดงานส่วนใหญ่แล้ว กลุ่มเป้าหมายมีความหลากหลาย ยิ่งงบเรามีจำกัด เราเน้นภาพใหญ่ไม่ได้ เราจะต้องเจาะวิเคราะห์กุ่มเป้าหมายย่อย เช่น เราจะออกบูธนิรรศการในงานเกษตรแฟร์ เราต้องวิเคราะห์ก่อนว่าคนมาเกษตรแฟร์ ไม่ใช่เป็นกลุ่มเกษตรกรเท่านั้น อาจจะมีคนทั่วไปเข้าร่วมงาน ซึ่งเราต้องวิเคราะห์ให้ได้ว่า คนกลุ่มไหนที่มางานนี้ และเขาต้องการอะไรจากการมางานนี้ หากเป้าหมายของเราที่จะออกบูธนี้ไม่ตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้าย่อยเลย เราก็ไม่ควรจะเข้าร่วมกิจกรรมประชาสัมพันธ์นี้ เราต้องเลือกออกงานที่กลุ่มเป้าหมายสอดคล้องกับเป้าหมายขององค์กรเราให้มากที่สุด

5.วิเคราะห์สถานที่ที่จะจัดกิจกรรม
สถานที่จัดงานมีผลต่องบประมาณในการจัดงานอย่างมาก ซึ่งผู้ประกอบการ หน่วยงานส่วนใหญ่เข้าใจกันดีอยู่แล้ว หากเป็นการจัดงานต่างจังหวัด เราต้องคำนวณเรื่องค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ขนย้ายอุปกรณ์ และค่าที่พักคนงาน ยิ่งไกลจากที่ตั้งของบริษัทหรือองค์กรเราเท่าไร ก็ยิ่งต้องพิจารณารายละเอียดของสถานที่จัดงานเท่านั้น เช่น การจัดงานริมทะเล ต้องพิจารณาพิจารณาเรื่องสภาพอากาศ ลมพายุ เพื่อคำนึงถึงการออกแบบที่เหมาะสมด้วย หรือจัดในอำเภอเล็กๆ ที่ไม่มีร้านวัสดุที่เราพอจะหาซื้อได้ ในกรณีที่ของใช้จำเป็นเกิดขาดแคลนขึ้นมา เป็นต้น

รวมไปถึงสภาพหน้างานที่เราจะไปออกบูธ เพราะหลายครั้งเวลาออกงาน เราอาจจะได้ทำเลที่ตั้งบนสนามดินที่ขรุขระ หรือเนดินลูกรังที่กลุ่มเป้าหมายอาจจะไม่อยากเข้าไปเยี่ยมชมได้

6.ถามความเห็นจากกลุ่มเป้าหมายของเรา
เคล็ดลับที่ดีในการเลือกงานแสดงสินค้าหรือนิทรรศการคือการปรึกษากับลูกค้าหรือกลุ่มเป้าหมายของเราเอง เพราะสิ่งที่เขาตอบจะตรงจุดได้ประเด็น ดังนั้นพูดคุยกับคนเหล่านี้เพื่อดูว่าพวกเขาชอบไปงานประเภทใด มีอะไรเป็นแรงจูงใจให้เขาไป และเมื่อไปแล้วเขาต้องการได้รับอะไร สิ่งนี้ทำให้การตัดสินใจของคุณง่ายขึ้นมาก เนื่องจากความเป็นไปได้ของกลุ่มเป้าหมายที่มีโปรไฟล์เดียวกันที่เข้าร่วมกิจกรรมย่อมมีความชอบใกล้เคียง เราสามารถถามด้วยตนเองหรือใช้กลยุทธ์การตลาดอีเมล์หรือโพลในเครือข่ายสังคมออนไลน์ของเรา เข้ามาช่วยตอบคำถามได้

7.ทำรายการเชคลิสต์เปรียบเทียบงานนิทรรศการต่างๆ
 สำหรับมือใหม่ในการออกบูธ ที่ไม่มีประสบการณ์ในเรื่องนี้ สิ่งสำคัญสุดคือ Checklist แม้กระทั่งมือเก่า เก๋าสุดๆ อย่างบริษัทรับจัดงาน ก็ยังต้องใช้รายการเชคลิสต์กันเลย เพราะจะทำให้เราทำการศึกษาและวางแผนการเตรียมงานได้อย่างครบถ้วน  การที่เราทำเชคลิสต์ในหัวข้อต่างๆ ทั้ง 6 ข้อข้างต้น จะทำให้เราเปรียบเทียบได้ว่า งานไหนที่เราควรไป ส่งผลอย่างไรต่อเรา ยิ่งเป็นภาครัฐ ยิ่งต้องวงแผนเนิ่นๆ ล่วงหน้า 1 ปี เพราะมีผลต่อการวางแผนเบิกงบประมาณต่างๆด้วย


ติดต่อสอบถาม