สวัสดี

ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: บ้านน็อคดาวน์ กับ 12 เรื่องที่ควรรู้ ก่อนจะตัดสินใจซื้อ ต้องเตรียมพร้อมอย่างไรบ  (อ่าน 4463 ครั้ง)

Admin
  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1088
    • ดูรายละเอียด
บ้านน็อคดาวน์ กับ 12 เรื่องที่ควรรู้ ก่อนจะตัดสินใจซื้อ | ต้องเตรียมพร้อมอย่างไรบ้าง

เชื่อว่าหลายๆ คน คงเคยได้ยินคำว่า “ บ้านน็อคดาวน์ ” มาบ้างแล้ว แต่อาจจะยังไม่คุ้นเคยมากนัก เพราะเป็นเรื่องที่อาจจะดูค่อนข้างใหม่อยู่บ้างในแวดวงการก่อสร้างที่อยู่อาศัยในประเทศของเรา แต่หากเป็นในต่างประเทศโดยเฉพาะในยุโรปหรือญี่ปุ่นแล้ว บ้านประเภทนี้ได้รับความนิยมสูงมาก
เพราะมีความสะดวก ไม่ต้องมาจุกจิกจู้จี้กับรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ให้วุ่นวายเหมือนการก่อสร้างบ้านแบบเดิมๆ ดังนั้นเราต้องมาทำความรู้จักกับบ้านประเภทนี้กันเสียก่อนว่ามันคืออะไร

บ้านน็อคดาวน์ คืออะไร
เป็นรูปแบบของบ้านสมัยใหม่ ที่เพิ่งจะได้รับความสนในไทยช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ซึ่งรูปแบบทางสถาปัตยกรรมของบ้านสไตล์นี้เรียกว่า “Finished home” หรือบ้านสำเร็จรูป เป็นบ้านที่มีขนาดเล็ก มีทั้งแบบชั้นเดียวและ 2 ชั้น โดยจุดเด่นของบ้าน คือก่อสร้างรวดเร็วทันใจ ราคาถูกและสวย ราคาเริ่มต้นเพียงประมาณสองแสนบาท

เพียงมีที่ดินอยู่แล้วก็สามารถเลือกแบบบ้านที่พอใจ ถึงจะเริ่มคุยรายละเอียดต่างๆก่อนและทำสัญญาให้เรียบร้อย ก็สามารถให้เริ่มดำเนินการก่อสร้างได้ทันที โดยใช้เวลาติดตั้งที่หน้างานไม่เกิน 3 วัน
ก็สามารถมีบ้านใหม่พร้อมให้เข้าอยู่ได้ในระยะเวลาแค่ไม่กี่วัน  (ส่วนใหญ่ทำเสร็จภายในเวลา 1 เดือน เท่านั้น ถือว่าใช้เวลาน้อยมากหากเทียบกับการก่อสร้างบ้านทั่วไปที่ใช้เวลานานหลายเดือน กว่าจะเสร็จและเข้าอยู่ได้)
งานอื่นๆ ที่ต้องทำนอกเหนือจากการเริ่มดำเนินการปลูกสร้างแล้ว ก็คือ การปรับหน้าดินให้เรียบสำหรับเตรียมทำฐานราก เพื่อยึดให้บ้านตั้งมั่นคงอยู่กับที่
และดำเนินการเรื่องสาธารณูปโภค น้ำประปาไฟฟ้า รอเอาไว้เมื่อบ้านมาถึงก็สามารถเชื่อมต่อระบบน้ำประปาและติดตั้งระบบไฟฟ้าเข้าไปในตัวบ้านพร้อมใช้งานได้เลย

แนะนำ ควรถมดินอย่างน้อย 6 เดือนขึ้นไปและปรับหน้าดินให้เรียบ ไม่ควรใช้ดินผสมเศษอิฐเศษหินซึ่งแม้จะมีราคาถูก แต่อาจทำให้เสาเข็มหนีศูนย์ หรือแตกหักเสียหายได้ ควรเลือกใช้ดินธรรมชาติในการถม ได้แก่
- ดินลูกรัง มีสีออกน้ำตาลหรือแดง มีลักษณะค่อนข้างแข็งโดยเฉพาะเมื่อเป็นดินแห้ง สามารถบดอัดให้แน่นแข็งได้ดี
- ดินเหนียว เป็นดินเนื้อละเอียด มีคุณสมบัติทึบน้ำ อุ้มน้ำได้ดี นิยมใช้ถมดินในเขตกรุงเทพและปริมณฑล เพราะหาได้ง่าย ราคาไม่สูงมากนัก
- ดินทราย ราคาถูก ไม่อุ้มน้ำ ง่ายต่อการกัดกร่อน เมื่อนำมาถมจำเป็นต้องบดอัดอย่างดี และมีการป้องกันดินไหล เพื่อไม่ให้ดินทรุดตัวและไหลไปบริเวณข้างเคียง
- หน้าดิน คือดินที่อยู่บริเวณผิวดินด้านบน ระดับ 0.00-0.50 เมตร หรืออาจลึกกว่าเล็กน้อย เนื้อดินสีดำเนื้อดินค่อนข้างละเอียดในสภาพดินแห้ง จะจับกันเป็นก้อนแข็งพอประมาณ เป็นดินที่มีการระบายน้ำได้ดีปานกลาง แต่มีราคาสูงกว่าดินประเภทอื่นพอสมควร

ซึ่งเรื่องนี้บริษัทผู้รับสร้างบ้านน็อคดาวน์ จะเป็นผู้ดูแลและจัดการให้ ส่วนอีกเรื่องที่คนให้ความสนใจก็คือ เรื่องความคงทนแข็งแรง เนื่องจากยังเป็นเรื่องใหม่ในไทย คนจึงยังไม่เปิดใจเท่าไหร่นัก เลยกังวลในเรื่องนี้แต่ก็ต้องขอบอกว่า

ในประเทศที่มีแผ่นดินไหวบ่อยอย่างประเทศญี่ปุ่น มีความนิยมบ้านประเภทนี้มาก ดังนั้นคงพอจะรับประกันในเรื่องความแข็งแรงทนทานของบ้านชนิดนี้ได้เป็นอย่างดี
ซึ่งแนะนำว่าก่อนที่จะตัดสินใจซื้อ ควรศึกษาหาข้อมูลเสียก่อน จะได้เข้าใจถึงการเตรียมพร้อม และดูแลรักษาบ้านน้อยหลังงามนี้ให้อยู่ได้ยาวนานต่อไป

1. ระยะเวลาในการก่อสร้างนานมั้ย
เนื่องจากรูปแบบการสร้างบ้านน็อคดาวน์ เป็นโครงสร้างเบา จะมีส่วนที่เป็นก่อฉาบน้อยมาก ตัวผนังเป็นแผ่นสมาร์ทบอร์ดเสริมความแข็งแรงด้วยโครงเหล็กด้านใน ดังนั้นจึงทำให้ช่วยประหยัดเวลาก่อสร้าง ส่วนใหญ่แล้วจะใช้เวลาเฉลี่ยประมาณ 1 เดือน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับรูปแบบของบ้านด้วย แล้วเสร็จสามารถเข้าไปอยู่ได้เลย

2. ต้องเตรียมงบประมาณเท่าไหร่
สำหรับคนที่มีงบประมาณจำกัดในการสร้างบ้าน หากมีที่ดินเป็นของตนเองอยู่แล้ว บ้านน็อคดาวน์จึงกลายเป็นทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ เพราะราคาไม่แพงและงบไม่บานปลาย ปกติราคาของบ้านสำเร็จรูปทั่วไปจะมีราคาตั้งแต่ 100,0000 – 1,000,0000 บาทขึ้นไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่ขนาดพื้นที่ใช้สอยและรูปแบบของบ้านเป็นหลัก

3. รูปแบบบ้านเป็นแบบไหน?
ปัจจุบันด้วยระดับความนิยมบ้านน็อคดาวน์ หรือบ้านสำเร็จรูปมีมากขึ้น ทำให้เกิดบริษัทที่รับสร้างเยอะมาก ทั้งระดับเล็ก ไปจนถึงใหญ่ ต่างแข่งขันออกรูปแบบบ้านใหม่ๆ ทั้งสไตล์โมเดิร์น ปั้นหยา หรือสไตล์บ้านพักตากอากาศรีสอร์ท มีทั้งแบบบ้านชั้นเดียวและ 2 ชั้น เพื่อสร้างความน่าสนใจ จึงทำให้ผู้ที่อยากมีบ้านเป็นของตนเอง แต่มีข้อจำกัดเรื่องงบประมาณการก่อสร้าง ได้รับผลประโยชน์ไปด้วย

4. วัสดุส่วนใหญ่ของบ้านน็อคดาวน์
โดยปกติแล้ววัสดุที่ใช้ในการสร้างบ้านน็อคดาวน์ จะใช้เหล็กเป็นโครงสร้างหลัก ส่วนผนังสำเร็จรูปจะเลือกใช้วัสดุที่มีน้ำหนักเบา ทนความร้อน และแข็งแรง เช่น สมาร์ทบอร์ด แบบ Sandwich Panel ตัวบ้านจึงมีน้ำหนักเบา สะดวกต่อการเคลื่อนย้าย ซึ่งโดยทั่วไปแล้วทาง บริษัทจะมีวัสดุมาตรฐานอยู่ หากต้องการเปลี่ยนจะต้องคุยรายละเอียดกันอีกที

ผนังเบา
เป็นผนังชนิดที่ไม่จำเป็นต้องมีคานมารองรับเหมือนเช่นการก่อผนังแบบอื่น เนื่องด้วยน้ำหนักที่ไม่มากเกินไป ซึ่งจะอยู่ที่ประมาณ 20-50 กิโลกรัมต่อ 1 ตารางเมตร เป็นผนังที่ก่อสร้างด้วยการติดตั้งวัสดุแผ่นใหญ่เข้ากับ “โครงคร่าว” ทำให้มีน้ำหนัก น้อยกว่า ผนังก่ออิฐ หรือผนังคอนกรีตเสริมเหล็ก จึงถูกเรียกชื่อว่า “ผนังเบา” สำหรับวัสดุที่นิยมใช้ทำผนังเบา ได้แก่ ไม้อัด, แผ่นยิปซัม, แผ่นไฟเบอร์ซีเมนต์, แผ่นไม้อัดซีเมนต์ และแผ่นเซลโลกรีต ส่วนวัสดุที่ใช้ทำโครงคร่าว ได้แก่ โครงเหล็กรูปพรรณ, โครงเหล็กชุบสังกะสี (กัลวาไนซ์) และโครงไม้เนื้อแข็ง

โดยการติดตั้งจะใช้ ตะปู หรือ ตะปูเกลียว เป็นตัวยึดวัสดุแผ่นใหญ่เข้ากับโครงคร่าว จากนั้นจึงเก็บรอยต่อระหว่างวัสดุแผ่น เช่น แผ่นยิปซั่มจะใช้ผ้าฉาบ (เทปผ้าฉาบ) กับปูนฉาบรอยต่อ แผ่นไฟเบอร์ซีเมนต์จะใช้กาวโพลียูรีเทน (PU) อุดรอยต่อ เป็นต้น
การกั้นห้องผนังเบาสามารถกั้นได้ทั้งงานภายในและงานภายนอก โดยเลือกคุณสมบัติของแผ่นให้เหมาะสม และการกั้นห้อง ผนังเบานี้หากทำอย่างเรียบร้อยและมีการตกแต่งผิวอย่างดี จะมีทั้งความแข็งแรงและความสวยงามไม่แพ้งานปูน ในเรื่องของความแข็งแรงอาจไม่เท่างานปูน แต่เรื่องความสวยงามการันตีได้ว่าสวยไม่แพ้งานปูน สามารถที่จะตกแต่งผิวด้วยการทาสีหรือติด wallapper ได้เหมือนกัน

สมาร์ทบอร์ด
เป็นวัสดุไฟเบอร์ซีเมนต์ที่สามารถใช้กับงานผนังได้ทั้งภายในและภายนอก นิยมนำมาใช้ในงานก่อสร้างในระบบผนังโครงเบา เนื่องจากติดตั้งได้ง่ายและรวดเร็ว รวมทั้งมีคุณสมบัติต่างๆ ที่เรียกได้ว่าใกล้เคียงหรือเทียบเท่าผนังก่ออิฐ ทั้งเรื่องความแข็งแรง การกันเสียง การทนแดดฝน และการกันความร้อน และที่โดดเด่นคือเรื่องของน้ำหนักที่เบากว่าผนังก่ออิฐถึง 6 เท่า
ในตลาดแผ่นสมาร์ทบอร์ดมีหลายยี่ห้อ มีทั้งยิปซั่ม ตราช้าง วีว่าร์ ตราเพชร ยี่ห้อที่คุ้นหูและได้ยินบ่อยๆ เห็นจะมี “สมาร์ทบอร์ดตราช้าง” กับ “วีว่าร์บอร์ด” แผ่นสมาร์ทบอร์ดมีหลายขนาด ขนาด ที่ว่าคือความหนา ความหนาที่ต่างกัน เหมาะกับการใช้งานที่ต่างกัน

5. ระบบสาธารณูปโภคควรรู้
กระบวนการก่อสร้างบ้านน็อคดาวน์ตามปกติแล้ว ภายในโครงสร้างของบ้านน็อคดาวน์จะมีการจัดสรรช่องทางการเดินไฟและท่อประปาไว้อย่างเสร็จสรรพ พร้อมทำการวางระบบ ติดตั้งสาธารณูปโภคต่างๆ อาทิ น้ำ ไฟ ที่จำเป็นต้องใช้ในบ้านรวมถึงสุขภัณฑ์ที่ใช้ในห้องน้ำไว้ให้หมดแล้ว เรียกว่าสร้างเสร็จ พร้อมอยู่ได้เลย ช่วยเพิ่มความเป็นระเบียบและลดค่าใช้จ่ายในการจ้างช่างเดินไฟได้อีกระดับ

6. หากคิดอยากจะต่อเติม
หากใครคิดอยากจะต่อเติมบ้านน็อคดาวน์เพิ่ม อาจจะต้องล้มเลิกความคิดนั้น เนื่องจากตัวโครงสร้างไม่ได้ออกแบบมาเพื่อให้ต่อเติมได้ ดังนั้นจึงไม่ควรต่อเติมอะไรในส่วนที่จะกระทบต่อตัวโครงสร้าง หากดื้อดึงทำไปอาจจะส่งผลให้ตัวบ้านพัง หรือได้รับอันตราย อีกยังทั้งมีผลกับการรับประกันตัวบ้านของแต่ละบริษัทด้วย

7. ขนย้ายเองได้มั้ย
ด้วยวัสดุการก่อสร้างที่มีคุณสมบัติเบา ขนาดเล็ก จึงทำให้สามารถเคลื่อนย้าย ยกตัวบ้าน ได้สะดวก แต่ต้องทำโดยช่างที่ชำนาญงาน ไม่อย่างนั้นอาจจะเกิดอันตรายต่อตัวเองและบ้านได้ และสำหรับบ้านน็อคดาวน์ 2 ชั้น อาจจะต้องใช้เทคนิคในการเคลื่อนย้ายเล็กน้อย

8. ความแข็งแรง ทนทาน
แม้การสร้างบ้านน็อคดาวน์ จะไม่ได้เป็นการก่ออิฐฉาบปูน แต่โครงสร้างเหล็กนั้นถือว่าสร้างความแข็งแรง ทนทานได้ในระดับหนึ่ง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับการเตรียมตัวที่ดินที่จะนำบ้านน็อคดาวน์ไปวางด้วย โดยจำเป็นต้องถามที่ให้แน่นระดับหนึ่ง เพื่อป้องกันตัวการโยกของตัวบ้าน

9. เรื่องการดูแลรักษา
บ้านน็อคดาวน์ เป็นรูปแบบบ้านสำเร็จรูป อาจจะอยู่อาศัยระยะยาวได้ไม่นานเท่าบ้านปูน เนื่องจากวัสดุที่ใช้มีอายุการใช้งาน ที่น้อยกว่าวัสดุบ้านปูน ดังนั้นการดูแลรักษา อาจจะมากเป็นพิเศษกว่าบ้านปกติ และ maintenance ทุกๆ 5 ปี อย่างเช่นการทาสีใหม่ เป็นต้น

10. อายุการใช้งานบ้านน็อคดาวน์ล่ะ
ด้วยปัจจัยหลายประการทั้งวัสดุ ขนาดของบ้าน และอื่นๆ จึงทำให้ส่วนใหญ่นิยมนำบ้านน็อคดาวน์ หรือบ้านสำเร็จรูปมาสร้างเป็นห้องแถวหรือรีสอร์ท แต่ด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนไป ผนวกกับเกิดนวัตกรรมการสร้างบ้านแบบใหม่ จึงทำให้ช่วยต่ออายุของบ้านน็อคดาวน์ออกไปได้อีก 30 ปี เลยทีเดียว

11. จะมีปัญหาการออกแบบและคุมงานมั้ย
ส่วนใหญ่ได้รับการออกแบบและตรวจสอบรายละเอียดต่างๆก่อนเริ่มขาย ดังนั้นมันจึงช่วยลดปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นระหว่างการก่อสร้างได้ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาด้านโครงสร้าง ปัญหาผู้รับเหมาหนีงาน ตลอดจนปัญหาค่าใช้จ่ายบานปลาย

12. เหมาะเอาไปประกอบธุรกิจหรือไม่
ในปัจจุบัน เทรนด์การปลูกสร้างหันมาให้ความสนใจกับบ้านน็อคดาวน์เป็นจำนวนมาก ด้วยการปลูกสร้างที่ใช้เวลาไม่นาน วัสดุคุ้มทุนอย่างรวดเร็วภายในไม่กี่ปี และสามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชั่นการใช้งานได้อย่างหลากหลาย อีกทั้งวัสดุการปลูกสร้างยังสามารถหาทดแทนได้ง่าย ตลาดงานปลูกสร้างในปัจจุบันทั่วไป ที่หันมาสร้างวัสดุทดแทน วัสดุกันความร้อน แถมยังมีการดูแลที่ง่ายดาย หมดปัญหา ปลวก หรือสนิมกวนใจผู้อยู่อาศัย ยิ่งเป็นภาพลักษณะการพักชั่วคราวด้วยแล้ว นับว่าเป็นที่คุ้มค่ากับการลงทุนเป็นอย่างมาก จึงเป็นทางเลือกที่เหมาะสำหรับผู้ที่สนใจทำกิจการรีสอร์ทหรือบ้านพัก และผู้ที่ต้องการขยายกิจการในระยะเวลาอันสั้น


ติดต่อสอบถาม/size]