สวัสดี

ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: 2 ข้อดีของการทาสีลดอุณหภูมิบ้าน  (อ่าน 2462 ครั้ง)

Admin
  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1088
    • ดูรายละเอียด
2 ข้อดีของการทาสีลดอุณหภูมิบ้าน
« เมื่อ: กรกฎาคม 30, 2022, 08:35:11 AM »
2 ข้อดีของการทาสีลดอุณหภูมิบ้าน
1.ลดอุณหภูมิบ้านและประหยัดค่าไฟ   ถ้าเราใช้สีสำหรับลดอุณหภูมิบ้านได้ สิ่งดีๆจะตามาอาทิเช่น จากที่เราต้องเปิดเครื่องปรับอากาศบ่อยในช่วงเวลากลางวัน เพราะอากาศร้อนระอุ แต่ถ้าเกิดเราทาสีสำหรับลดอุณหภูมิบ้านไปแล้ว สิ่งที่เราจะสัมผัสได้คืออุณหภูมิในบ้านจะเย็นลง และ เราไม่จำเป็นต้องเปิดเครื่องปรับอากาศ หรือพัดลมบ่อยๆให้เปลืองค่าไฟ
2.เพิ่มประสิทธิภาพของการทำงาน close   หากเราต้อง Work From Home หรือทำงานที่บ้าน หรือแม้แต่นั่งอยู่ในบ้านเฉยๆ คงไม่ดี ถ้าหากอากาศภายในบ้าน หรือภายในห้องเราร้อน อารมณ์ในการทำงานเราไม่เหลือแน่นอนครับ แต่ถ้าเลือกใช้สีทาบ้าน ที่จะช่วยลดอุณหภูมิห้อง ซึ่งลดได้มากถึง 2-5 องศาซึ่งการที่อากาศเย็นลง ก็จะส่งผลกับการอาศัยภายในห้อง หากทำงาน ประสิทธิภาพก็จะดีขึ้นอีกด้วยครับ

การทาสีผนังด้วยแปรงทาสี
วิธีการทาสีเบื้องต้นด้วยแปรงทาสี

ขั้นตอนที่ 1 ให้ช่างสีจุ่มแปรงเฉพาะส่วนหัวของแปรง (ไม่ควรจุ่มลงทั้งแปรง) ลงในถังสีที่ทำการผสมแล้ว และช่างควรรีดสีออกไปบางส่วนก่อนที่จะทำการทาสี หลังจากนั้นให้ช่างสีเริ่มทำการทาสีอย่างช้าๆ โดยช่างควรออกแรงกดแปรงเพียงเบา ๆ ให้สังเกตว่าขนแปรงทาสีควรงอเพียงเล็กน้อย

ขั้นตอนที่ 2  กรณีที่ช่างสีต้องการทาสีที่มุมผนัง ช่างสีควรใช้แปรงด้านที่มีความกว้างมาก ทาให้ทั่วพื้นผิว แล้วหลังจากนั้นให้ทำการตัดขอบออกก่อนที่สีจะแห้ง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดรอยต่อของสี

ขั้นตอนที่ 3  กรณีที่ช่างสีต้องการทาสีในพื้นที่กว้าง ช่างสีควรพิจารณาแบ่งพื้นที่ออกเป็นส่วนๆ ก่อนตามความถนัดในการทา หลังจากนั้นให้ทาสีลงในบริเวณที่แบ่งไว้แล้วให้ทั่ว ต้องคอยสังเกตให้สีที่ทานั้นเสมอกันตลอดพื้นผิว และขั้นตอนนี้ถือเป็นขึ้นตอนที่สำคัญที่สุดของช่างสี เพราะช่างสีควรทาสีให้เรียบเสมอกันทั่วทั้งบริเวณ ซึ่งสามารถทำได้โดยให้ช่างสีทำการลากแปรงไปทั่วบริเวณผนัง โดยควรที่จะเริ่มจากด้านบนลงล่าง และทำใหม่เรื่อยๆจนกว่าสีจะเรียบเสมอกัน

การสร้างลวดลายด้วยสี
1.ถ้าจะให้ดี ผนังที่คุณเลือกทาสีเพื่อการตกแต่งนั้นควรตั้งอยู่ในตำแหน่งที่ดึงดูดสายตาเมื่อเดินเข้ามาในห้อง
ผนังด้านหลังเตาผิง หรือผนังที่มีการออกแบบอยู่แล้ว
เช่น แท่นเหนือเตาผิง
นับว่าเป็นผนังที่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการทาสีตกแต่ง ทั้งนี้
หากเป็นไปได้ ควรหลีกเลี่ยงผนังด้านที่มีประตูหรือหน้าต่าง
เพราะจะเป็นการเบี่ยงเบนจุดสนใจของสายตาไปจากผลงานสร้างสรรค์ของคุณ

2.กล้าเลือกสีอย่างไม่ลังเล หากห้องของคุณทาสีกลาง
ให้เลือกเฉดสีที่ตัดกันอย่างเด่นชัดเพื่อสร้างเสน่ห์ความน่าสนใจและเพิ่มมิติให้กับพื้นที่นั้น
หากผนังห้องของคุณทาสีโทนสว่างอยู่แล้ว
ก็ให้เลือกเฉดสีที่เสริมกันโดยให้เข้มกว่าหรืออ่อนกว่าสักสองสามเฉดเพื่อใช้ทาตกแต่งผนังของคุณ

3.หากต้องการเพิ่มความน่าสนใจเป็นพิเศษ
ลองเพิ่มลายทางเก๋ๆโดยใช้โทนสีที่กลมกลืนกัน
หรือตกแต่งด้วยการใช้เอฟเฟ็กต์ของสีสัน เช่น
ลายลูกไม้ฉลุ หรือการวาดรูปวงกลมด้วยมือ
ก็เป็นวิธีการง่ายๆ ในการสร้างสรรค์ผลงานและเพิ่มบรรยากาศของความเป็นส่วนตัว

4.การติดวอลล์เปเปอร์บนผนังด้านใดด้านหนึ่งก็เป็นวิธีที่ดีในการตกแต่งห้องได้อย่างรวดเร็ว
อาจเลือกใช้ลวดลายที่โดดเด่น สีสัน
และผิวสัมผัสที่แตกต่างออกไป
หรือหากไม่ต้องการให้เกิดผลลัพธ์ที่โดดเด่นจนเกินไป
ก็ลองเลือกวอลล์เปเปอร์แบบไล่โทนสี
ซึ่งมีลวดลายแบบเรียบๆ แต่สวยเก๋ เช่น ลายผ้าทอ
หรือลายดอกไม้ เป็นต้น

5.การจัดวางเฟอร์นิเจอร์ในตำแหน่งที่เหมาะสมก็ช่วยสร้างจุดเด่น
เพื่อการตกแต่งให้กับผนังได้เช่นกัน เช่น ในห้องนั่งเล่น คุณอาจ
เลือกทาสีผนังที่ด้านหลังเก้าอี้โซฟา ขณะที่ในห้องนอน อาจ
เลือกทาสีผนังด้านหลังหัวเตียง อย่างไรก็ตาม ควรหลีกเลี่ยงการ
ทาสีผนังในบริเวณที่มีเฟอร์นิเจอร์หรือของตกแต่ง
.มากเกินไป เพราะเป้าหมายของการทาสีตกแต่งผนัง
. ก็เพื่อดึงดูดสายตาไปยังตำแหน่งของห้องที่ดูน่าสนใจ
. และมีการออกแบบไว้อย่างสวยงาม แต่ไม่ทำให้ลายตา
.จนน่าเวียนหัว
แบบไว้อย่างสวยงาม แต่ไม่ทำให้ลายตาจนน่าเวียนหัว

กล้าเลือกใช้สีตามความรู้สึกของคุณ อย่าลังเลใจ
และที่สำคัญ ขอให้สนุกกับการตกแต่งนี้!

การเลือกใช้สีให้่หมาะสมกับห้องต่างๆภายในบ้าน
การเลือกใช้สีให้เหมาะกับห้องต่างๆ ในบ้าน

1.ห้องนั่งเล่น (Living Room)
สำหรับห้องนี้สามารถเล่นกับสีได้ทุกโทน ทั้งสีโทนอ่อน โทนกลาง และโทนสีเข้ม เป็น
การสร้างบรรยากาศให้กับการพักผ่อนของครอบครัว เช่น อาจจะเลือกใช้สีโทนกลางทา
เพดาน และเลือกใช้สีโทนเข้มสำหรับผนังของห้อง ส่วนเฉดสีที่เลือกใช้ควรเลือกใช้เฉดสี
ดูโปร่ง สบายตา ไม่ร้อนแรงมาก เช่น สีครีม สีเขียวอ่อน สีชมพูอ่อน เป็นต้น

2.ห้องรับประทานอาหาร (Dinning Room)
ควรเลือกใช้สีอุ่นโทนกลาง โดยเลือกใช้เฉดสีที่ดูสะอาด สบายตา เพราะจะช่วยเพิ่ม
บรรยากาศ และกระตุ้นให้ รับประทานอาหารได้มากขึ้น เช่น สีชมพู สีส้มอ่อนๆ เป็นต้น

3.ห้องน้ำ (Bath Room)
สำหรับห้องน้ำความสะดวกสบายและประโยชน์ใช้สอยต้องมาก่อนความสวยงาม ควร
เลือกใช้เฉดสีที่ให้ความรู้สึกสดชื่น สะอาด สบายตา เช่น สีฟ้าน้ำทะเล สีน้ำเงินอมเขียว
เป็นต้น

4.ห้องนอน (Bed Room)
มีหลายสีที่เหมาะสำหรับห้องนอน สีขาวยังเป็นสีมาแรงด้วยความสะอาด สบายตา
หรูหรา และโรแมนติก ในขณะที่สีเหลือง จะช่วยให้ห้องสดชื่น ส่วนผู้ที่ชอบนอนดึก ตื่น
สาย จะเหมาะกับโทนสีเข้มที่ให้บรรยากาศอบอุ่น แต่หลักๆ แล้วในห้องนอนควรเลือก
ใช้เฉดสีที่สบายๆ สงบ ไม่ร้อนแรง เพราะเป็นห้องที่ไว้ใช้พักผ่อน เช่น สีฟ้าอ่อนๆ สีครีม
เป็นต้น

เตรียมห้องให้พร้อมก่อนทาสีใหม่
หากคุณจ้างช่างสีมืออาชีพ คำแนะนำต่อไปนี้จะช่วยให้คุณสามารถจัดเตรียมบ้านได้อย่างเหมาะสม พร้อมให้ช่างสีสามารถทำงานได้อย่างราบรื่น
ปลดรูปถ่าย กระจก ของตกแต่งบนผนังออกและจัดเก็บไว้ในที่ที่ปลอดภัยและไกลจากบริเวณที่ทำงาน

หากคุณมีพื้นที่จัดเก็บ คุณควรเคลื่อนย้ายเฟอร์นิเจอร์ทั้งหมดออกจากห้องที่จะทาสี แต่หากไม่สามารถทำได้ ก็เพียงแค่ย้ายไปไว้ตรงกลางห้อง ช่างทาสีควรนำผ้าคลุมมาด้วยเพื่อใช้คลุมเฟอร์นิเจอร์ทั้งหมด คุณควรสอบถามเรื่องนี้ก่อนที่ช่างจะมาถึง

ถอดผ้าม่านและม่านบังแดดออกเพื่อป้องกันสีกระเด็นไปโดน อีกทั้งยังเป็นโอกาสที่ดีที่คุณจะได้ทำความสะอาดผ้าม่านและม่านบังแดดเหล่านี้

หากคุณต้องเป็นคนเตรียมผนังสำหรับการทาสีเอง ควรทำให้เสร็จก่อนที่ช่างทาสีจะมาเริ่มงานหนึ่งวัน เพื่อให้ช่างสามารถเริ่มงานได้ทันที

ดูดฝุ่นบนพรมและบัวเชิงผนังให้เรียบร้อย เพราะคุณคงไม่ต้องการให้มีฝุ่นละอองไปติดอยู่บนสีที่เพิ่งทาเสร็จและยังไม่แห้งแน่ๆ

ข้อสำคัญก็คือ คุณควรตรวจดูว่ามีสีในปริมาณที่เพียงพอ เพราะคุณคงไม่อยากให้งานต้องสะดุดเนื่องจากสีหมดหรอกนะ






ติดต่อสอบถาม